รู้จักอำนาจ-หน้าที่ของ ‘กองทุนน้ำมัน’ หลังกำลังสรรหา ผอ. คนใหม่
สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) กระทรวงพลังงานกำลังอยู่ระหว่างการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงคนใหม่ โดยล่าสุดถึงขั้นตอนของการนำเสนอวิสัยทัศน์ และแนวทางการบริหารสกนช. ต่อคณะอนุกรรมการสรรหาฯ เพื่อพิจารณาคัดเลือกต่อไปในวันที่ 3 กันยายน 2568
สำหรับผู้ที่ผ่านรอบคัดเลือก และได้เข้าสู่ขั้นตอนของการนำเสนอวิสัยทัศน์ประกอบด้วย
- พลโท ดร.กฤตภาส คงคาพิสุทธ์ อดีตรองเจ้ากรมการพลังงานทหาร
- นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สกนช.
- นายสมบูรณ์ หน่อแก้ว อดีตรองปลัดกระทรวงพลังงาน
- นายเพทาย หมุดธรรม หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน
- นางไพลิน ฟุ้งเกียรติ ผู้อำนวยการสำนักการเงินและบัญชี และรักษาการ ผอ.สกนช.
อย่างไรก็ดี การสรรหา ผอ. สกนช. ดังกล่าว ถือเป็นครั้งที่ 2 หลังจากการเปิดรับสมัครครั้งแรกแต่ไม่มีผู้ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก
ทั้งนี้ “ฐานเศรษฐกิจ” จะพาไปทำความเข้าใจกับบทบาทหน้าที่ของ ผอ. สกนช. ให้เพิ่มมากขึ้น
โครงสร้างและอำนาจหน้าที่ ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ตามที่พระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2562 ทำให้ สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) (สบพน.) ยุบเลิก โดยเปลี่ยนเป็นสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) มีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐที่เป็นนิติบุคคล และไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีงบประมาณหรือกฎหมายอื่น และให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในกรณีที่เกิดวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ให้อยู่ภายใต้กรอบนโยบายการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนด
หน้าที่และอำนาจ สกนช.
สกนช. ถูกจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 โดยมาตรา 5 ได้ระบุไว้ว่า ให้จัดตั้ง "กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง" ใน "สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง" ซึ่งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในกรณีที่เกิดวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง และ สกนช. จะต้องดำเนินการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้น ระบุไว้ในตามมาตรา 19 ซึ่งกำหนดอำนาจหน้าที่ ของ สกนช. ดังนี้
- รับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ
- จัดทำแแผนรองรับวิกฤตการณ์น้ำมันเชื้อเพลิงและแผนยุทธศาสตร์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งรายงานผลการประเมินการปฏิบัติงานและการเสนอแนะมาตรการแก้ไขปัญหาอุปสรรคการปฏิบัติการตามแผนดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการ
- กู้ยืมเงินตามมาตรา 26
"มาตรา 26 กองทุนต้องมีจำนวนเงินเพียงพอเพื่อใช้ในการบริหารจัดการกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อรวมกับเงินกู้ตามวรรคสองแล้วต้องไม่เกินจำนวนสี่หมื่นล้านบาท เมื่อกองทุนมีจำนวนเงินไม่เพียงพอเพื่อดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของกองทุนตามมาตรา 5 ให้สำนักงานโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการและโดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจกู้ยืมเงินเป็นจำนวนไม่เกินสองหมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด การเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินตามวรรคหนึ่งและกรอบวงเงินกู้ตามวรรคสองให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ให้กระทำได้โดยการตราพระราชกฤษฎีกา"
- เสนอแผนการเงินและงบประมาณประจำปีต่อคณะกรรมการ
- จัดทำรายงานประจำปีและความเห็นเกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานด้านต่างๆของสำนักงาน รวมทั้งรายงานการเงินและบัญชี เสนอต่อคณะกรรมการ
- ถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครอง และมีทรัพย์สินใดๆ
- ก่อตั้งสิทธิหรือทำนิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สิน
- ดำเนินคดีทางแพ่ง ทางอาญา และทางปกครอง ที่เกี่ยวกับการดำเนินงานของกองทุนหรือการบริหารกองทุนและกิจการอื่นที่เกี่ยวกับหรือเกี่ยวเนื่องกับการจัดการกิจการของกองทุน
- ปฏิบัติการตามที่คณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ คณะกรรมการมอบหมาย
- ปฏิบัติการอื่นใดที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของสำนักงาน