วันนี้ลุ้นศาลอาญา คดี ม.112 ทักษิณ ชินวัตร “รอด-ไม่รอด”คุก
วันที่ 22 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. สายตาคนทั้งประเทศต้องจับจ้องไปที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งมีกำหนดนัดอ่านคำพิพากษาคดีที่ พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
คดีนี้สืบเนื่องจากการที่ นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนประเทศเกาหลีใต้ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 โดยอัยการเห็นว่า คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเข้าข่าย “ดูหมิ่น” ตามมาตรา 112 และเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ จึงเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
จากวันนั้นถึงวันนี้ เวลากว่า 10 ปีเต็ม คดีเพิ่งเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดในชั้นศาลอาญา ซึ่งจะชี้ชะตาว่า นายทักษิณ ต้องโทษจำคุกหรือไม่
ที่ผ่านมาศาลได้ดำเนินกระบวนการไต่สวนพยานฝ่ายโจทก์ระหว่างวันที่ 1-3 กรกฎาคม 2568 และไต่สวนพยานฝ่ายจำเลยเมื่อ 16 กรกฎาคม 2568 โดยทั้งหมดเป็นการพิจารณาลับ ห้ามสื่อและบุคคลภายนอกเข้าฟัง ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงและความอ่อนไหวของตัวบทกฎหมาย
ฝ่ายจำเลย ได้นำพยานบุคคลสำคัญมาเบิกความหลายราย อาทิ
นายธงทอง จันทรางศุ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี และนักกฎหมายชื่อดัง
รวมถึง นายทักษิณ ชินวัตร ที่เดินทางมาศาลด้วยตัวเองทุกนัด
การสืบพยานแต่ละครั้งมีบุคคลทางการเมืองและครอบครัวเดินทางมาให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี, นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย รวมทั้งแกนนำพรรคเพื่อไทย
ทั้งนี้ ศาลอาญาได้กำหนดมาตรการเข้มงวดเป็นพิเศษสำหรับวันอ่านคำพิพากษา ทั้งการจำกัดผู้สื่อข่าว การคัดกรองผู้เข้าฟัง และการควบคุมพื้นที่โดยรอบศาล เพื่อป้องกันความวุ่นวาย หรือ การชุมนุมที่อาจเกิดขึ้น
ตำรวจคาดว่าจะมีการวางกำลังดูแลสถานการณ์หลายชั้น เพื่อให้การอ่านคำพิพากษาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ม.112 โทษคุกไม่มีทางเลือกอื่น
มาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญา กำหนดโทษสำหรับผู้กระทำผิดไว้ชัดเจน คือ “จำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15 ปี” ต่อการกระทำหนึ่งกรรม ไม่มีโทษปรับ หรือ โทษทางเลือกอื่น ศาลมีดุลพินิจเพียงกำหนดจำนวนปีตามพยานหลักฐานและพฤติการณ์ของคดี
สำหรับกรณีนี้ หากศาลพิพากษาว่า มีความผิด นายทักษิณ อาจต้องโทษจำคุกตามกรอบดังกล่าว ซึ่งจะเป็นผลสะเทือนครั้งใหญ่ต่อการเมืองไทย
ลุ้น“รอด”หรือ“ไม่รอดคุก”
คดีนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องกฎหมาย แต่ยังโยงถึงทิศทางการเมืองโดยตรง เนื่องจากขณะนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และกำลังเผชิญการตรวจสอบจากศาลรัฐธรรมนูญในคดี “คลิปเสียงฮุนเซน” การที่ศาลจะตัดสินชะตา นายทักษิณ ในข้อหามาตรา 112 จึงถูกมองว่าอาจส่งผลต่อ “สมการการเมืองทั้งกระดาน”
หากศาลพิพากษา “ยกฟ้อง” อาจถูกตีความว่า เป็นชัยชนะทางกฎหมายครั้งสำคัญของตระกูลชินวัตร และเสริมความมั่นคงให้รัฐบาล
แต่หากศาลตัดสินว่า “มีความผิด” ต้องโทษจำคุก นอกจากผลสะเทือนส่วนตัวต่อ นายทักษิณ แล้ว ยังอาจกระทบต่อภาพลักษณ์ “รัฐบาลแพทองธาร” และความสัมพันธ์ภายในพรรคร่วมรัฐบาล
จับตา“คำพิพากษา”วันนี้
เวลา 10.00 น. ของวันที่ 22 สิงหาคม ศาลอาญาจะอ่านคำพิพากษาอย่างเป็นทางการ ขณะที่สังคมจับตาเพียงคำตอบเดียว “ทักษิณ ชินวัตร” จะ“รอด” หรือ “ไม่รอดคุก”
ผลลัพธ์ที่ออกมาจะไม่เพียงเป็นหมุดหมายทางกฎหมาย แต่ยังอาจเป็น “จุดเปลี่ยนทางการเมือง” ครั้งสำคัญของไทยในรอบหลายปี
รายงานพิเศษ โดย…ทีมข่าวการเมือง ฐานเศรษฐกิจออนไลน์