ออสเตรเลียเนรเทศทูตอิหร่าน ชี้อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีชาวยิว
× กรุณาติดต่อทีมงานเพื่อดาวน์โหลดคลิป
ซิดนีย์, 26 ส.ค. (ซินหัว) — วันอังคาร (26 ส.ค.) แอนโทนี อัลบานีส นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าวหาอิหร่านว่าอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีต่อต้านชาวยิวในออสเตรเลีย และประกาศเนรเทศอาหมัด ซาเดกี เอกอัครราชทูตอิหร่านออกจากประเทศ
อัลบานีสกล่าวระหว่างการแถลงข่าวช่วงเที่ยงของวันอังคาร (26 ส.ค.) ว่าองค์กรข่าวกรองความมั่นคงของออสเตรเลีย (ASIO) ได้รวบรวมหลักฐานที่น่าเชื่อถือที่ว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลังการวางแผนโจมตีต่อต้านชาวยิวอย่างน้อย 2 ครั้งที่เกิดขึ้นกับชุมชนชาวยิวของออสเตรเลียในซิดนีย์และเมลเบิร์นนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023
อัลบานีสระบุว่าอิหร่านพยายามปกปิดการมีส่วนพัวพัน แต่องค์กรข่าวกรองฯ ประเมินว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลังเหตุการโจมตีดังกล่าว พร้อมเผยว่าการกระทำของพวกเขาเป็นการพยายามบ่อนทำลายความเป็นหนึ่งเดียวในสังคมและก่อให้เกิดความขัดแย้งในชุมชนออสเตรเลีย ซึ่งรัฐบาลออสเตรเลียกำลังดำเนินการตอบโต้อย่างหนักแน่นและเด็ดขาด
นอกจากนี้ อัลบานีสกล่าวว่าสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียในกรุงเตหะรานได้ระงับการดำเนินงานแล้ว และนักการทูตทั้งหมดอยู่ในประเทศที่สามอย่างปลอดภัย โดยรัฐบาลออสเตรเลียจะขึ้นทะเบียนกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) เป็นองค์กรก่อการร้าย
เพนนี หว่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่านี่เป็นครั้งแรกที่มีการขับเอกอัครราชทูตออกจากออสเตรเลียนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง และเรียกร้องให้ชาวออสเตรเลียที่อยู่ในอิหร่านออกจากประเทศหากสามารถทำได้อย่างปลอดภัย
อนึ่ง นอกจากซาเดกีแล้ว เจ้าหน้าที่รัฐของอิหร่านอีก 3 คนถูกประกาศให้เป็นบุคคลที่ไม่พึงปรารถนา และจะต้องออกจากออสเตรเลียภายใน 7 วัน
ด้านไมค์ เบอร์เกส ผู้อำนวยการใหญ่องค์กรข่าวกรองฯ กล่าวว่าองค์กรฯ พบว่าการลอบวางเพลิงที่โบสถ์ชาวยิวในเมลเบิร์นเมื่อเดือนธันวาคม 2024 และที่ร้านอาหารโคเชอร์ในซิดนีย์เมื่อเดือนตุลาคม 2024 เป็นคำสั่งของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม โดยสถานทูตและนักการทูตอิหร่านไม่ได้เกี่ยวข้องกับการโจมตี แต่การโจมตีครั้งนั้นได้รับการสั่งการจากกองกำลังฯ ซึ่งใช้เครือข่ายตัวแทนที่สลับซับซ้อนปกปิดการมีส่วนพัวพัน