เปิดประวัติ แกรี ฟรังคี ช่องข่าวขวาจัด ไขปมร้อน ‘หัวหน้านักข่าวทำเนียบขาว’ ตัวจริงหรือปลอม?

ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อปี 2568 ชื่อของ แกรี ฟรังคี (Gary Franchi) กลายเป็นที่สนใจในสังคมไทย เขาถูกนำเสนอโดยฝ่ายกัมพูชาในฐานะ “หัวหน้าผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบขาว” ที่ออกโรงปกป้องนายไมเคิล อัลฟาโร (Michael Alfaro) ชาวอเมริกันที่กัมพูชาเชิญลงพื้นที่ การเคลื่อนไหวนี้ก่อให้เกิดคำถามสำคัญว่า แกรี ฟรังคี คือใคร และตำแหน่งผู้สื่อข่าวทำเนียบขาวของเขามีความน่าเชื่อถือเพียงใด

วิเคราะห์ประเด็นสำคัญจากข่าว

คัดลอก

• ข้อความสร้างอัตโนมัติโดย AI

จากนักทฤษฎีสมคบคิด สู่เจ้าพ่อสื่ออนุรักษ์นิยม

Gary S. Franchi Jr. เกิดช่วงปลายทศวรรษ 1970 ก้าวเข้าสู่โลกการสื่อสารในยุค 2000 ผ่านขบวนการการเมืองสาย Patriot Movement ของสหรัฐฯ เขาเริ่มเป็นที่รู้จักจากการทำสารคดี “Camp FEMA: American Lockdown” (2009) ที่เสนอข้อกล่าวหาว่าองค์การ FEMA ของรัฐบาลอเมริกันสร้างค่ายลับเพื่อควบคุมประชาชน

แกรี ฟรังคี ยังทำงานใกล้ชิดกับแอรอน รุสโซ นักกิจกรรมการเมืองผู้ล่วงลับ ในฐานะผู้อำนวยการโครงการ Restore the Republic ในระยะแรก แนวคิดของฟรังคีมุ่งเน้นการวิจารณ์รัฐบาลสหรัฐฯ โดยเชื่อว่ามี “กลุ่มอำนาจโลก” อยู่เบื้องหลังการเมืองและเศรษฐกิจ เขาเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการแห่งชาติของโครงการ “Restore the Republic” ซึ่งเป็นเครือข่ายที่เรียกร้องให้ยกเลิกธนาคารกลางสหรัฐฯ

เส้นทางอาชีพสื่อของฟรังคีชัดเจนขึ้นในช่วงทศวรรษ 2010 เขามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุน รอน พอล นักการเมืองสายลิเบอร์แทเรียน โดยเป็นประธานของ Revolution PAC ซึ่งเป็นซูเปอร์ PAC ที่หนุนพอลในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2012

จุดเปลี่ยนสำคัญคือการก่อตั้งช่องข่าว Next News Network (NNN) บนยูทูบในปี 2012 ฟรังคีทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการบริหารและผู้ดำเนินรายการหลัก NNN นำเสนอเนื้อหาข่าวในมุมมองอนุรักษ์นิยม-ชาตินิยมอย่างชัดเจน และเป็นนายแบกคนสำคัญของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ช่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง มียอดเข้าชมวิดีโอสะสมกว่า 2 พันล้านครั้ง และผู้ติดตามเกิน 2 ล้านคน

สถานะ “หัวหน้าผู้สื่อข่าวทำเนียบขาว” ที่คนไทยเถียงกันไม่จบ

ประเด็นที่กลายเป็นข้อถกเถียงในไทย คือสถานะหัวหน้าผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบขาว ของฟรังคี ในความเป็นจริง ช่อง NNN ได้รับการรับรองให้เข้าทำข่าวในทำเนียบขาวในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สิ่งนี้ทำให้ฟรังคีสามารถเข้าร่วมการแถลงข่าวต่างๆ ได้

แต่ทว่า ตำแหน่ง “Chief White House Correspondent” ที่เขาใช้นั้น หมายถึง “หัวหน้าผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบขาวของช่อง NNN” ไม่ใช่ตำแหน่งหัวหน้าผู้สื่อข่าวทำเนียบขาวโดยตรง ซึ่งตามธรรมเนียมจะเป็นผู้สื่อข่าวอาวุโสจากสื่อกระแสหลักที่ได้รับเลือกเป็นประธานสมาคมผู้สื่อข่าวทำเนียบขาว

ฝ่ายไทยได้ชี้แจงประเด็นนี้ว่า ฟรังคีเป็นเพียงเจ้าของช่องยูทูบ ไม่ใช่ผู้สื่อข่าวจากสื่อกระแสหลักที่ทำเนียบขาวยอมรับอย่างเป็นทางการ เช่น CNN หรือ AP

กระโจนเข้าร่วมวงความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ในฐานะสื่อทำเนียบขาว

ระหว่างวิกฤตชายแดนปี 2568 ฝ่ายกัมพูชาได้นำนายไมเคิล อัลฟาโร ลงพื้นที่ อ้างว่าเป็น “ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบขาว” เพื่อรายงานสถานการณ์และกล่าวหาฝ่ายไทย เมื่อฝ่ายรัฐบาลไทยตรวจสอบ กลับพบว่าอัลฟาโรเป็นเพียงล็อบบี้ยิสต์อิสระ แกรี ฟรังคี ได้ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียของเขาออกมาปกป้อง

เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 ฟรังคีโพสต์ข้อความยืนยันว่า อัลฟาโรไม่ใช่ล็อบบี้ยิสต์ที่ทำงานให้รัฐบาลกัมพูชา และไม่เคยรับเงินจากกัมพูชา เขายังอ้างว่าเดิมทีสำนักข่าว OANN เคยสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้อัลฟาโร แต่ถอนตัวไปเพราะความเสี่ยง

ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้โพสต์ของฟรังคีมาทำปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (IO) เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ฝ่ายตน และทำให้เกิดความเข้าใจว่าทำเนียบขาวสนับสนุนกัมพูชา

สื่อที่ขาดความน่าเชื่อถือ

แม้จะประสบความสำเร็จด้านยอดผู้ชม แต่ Next News Network ถูกจัดว่าเป็นสื่อที่ไม่น่าเชื่อถือ เว็บไซต์ Media Bias/Fact Check จัดอันดับ NNN อยู่ในประเภท “แหล่งข่าวที่น่าสงสัย” มีความน่าเชื่อถือต่ำ เนื่องจากมีประวัติเผยแพร่ข้อมูลเท็จและทฤษฎีสมคบคิดหลายครั้ง

ตัวอย่างข่าวปลอมที่ NNN เคยนำเสนอ ได้แก่

• การกล่าวหาว่า ส.ส. อิลฮาน โอมาร์ อาจถูกจำคุกและเนรเทศ (ไม่เป็นความจริง)
• การอ้างว่านายกเทศมนตรีเมืองซานฮวนถูกจับกุมฐานยักยอกเงินช่วยเหลือ (ไม่เป็นความจริง)
• การปล่อยข่าวลือว่า ฮิลลารี คลินตัน ป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน

สื่อต่างประเทศอย่าง The Guardian เคยระบุว่า NNN เป็นปฏิบัติการข่าวที่น่าสงสัย ซึ่งนำข่าวจากสื่อขวาจัดและสื่อของรัสเซียมาผลิตซ้ำ ในปี 2023 ช่อง NNN ถูกยูทูบถอดออกจากระบบการสร้างรายได้ เนื่องจากละเมิดนโยบายข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการเลือกตั้งและโควิด-19