โฉมแรกโรงอาหารรัฐสภาแห่งใหม่ ชั้น B2 ก่อนยกเลิกร้านอาหารเดิมที่ชั้น 1 ในวันที่ 15 ส.ค. นี้
วันนี้ (8 สิงหาคม) ช่างภาพทีมข่าว THE STANDARD เก็บภาพการก่อสร้างโรงอาหารแห่งใหม่ภายในอาคารรัฐสภา ฝั่งสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้ย้ายมาอยู่ที่ชั้นใต้ดิน B2 ล่าสุดการติดตั้งโครงสร้างหลักใกล้เสร็จสมบูรณ์ โดยยังมีการตกแต่งภายในและทาสี ขณะที่โต๊ะ เก้าอี้ ตลอดจนแผงร้านค้าได้ทยอยนำมาติดตั้งแล้ว
การก่อสร้างโรงอาหารแห่งใหม่นี้ สืบเนื่องจากประกาศยกเลิกสัญญาเช่าร้านค้าและร้านอาหารบริเวณชั้น 1 อาคารรัฐสภา และกำหนดให้ทุกร้านดำเนินการเคลื่อนย้ายวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ออกจากพื้นที่ภายในวันศุกร์ที่ 15 สิงหาคมนี้
โดยคณะกรรมการสวัสดิการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้เลือกบริษัทผู้ประกอบการเข้ามาดำเนินการเช่าเหมารวมพื้นที่ และตกแต่งเพิ่มเติมแล้ว อย่างไรก็ตาม มีผู้ประกอบการร้านค้าบางส่วนที่อยู่บริเวณชั้น 1 เดิม ร้องเรียนว่า ได้รับประกาศดังกล่าวเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ซึ่งถือเป็นเวลาที่กระชั้นชิด และเกรงว่าจะได้รับผลกระทบ จึงหวังว่าจะได้รับความอนุเคราะห์ให้ประกอบกิจการต่อไปได้
ขณะที่คณะกรรมการสวัสดิการฯ ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ว่า โรงอาหารชั้น 1 เริ่มให้บริการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 โดยมีการทำสัญญาเช่า ก่อนหน้านี้มีการใช้ห้องอาหารสโมสร ข. ชั้น 1 เป็นโรงอาหารชั่วคราว ต่อมาประธานสภาผู้แทนราษฎรมีดำริให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นห้องรับรอง สส. เพื่อให้บุคคลที่เข้าพบ สส. ใช้ห้องดังกล่าวได้
คณะกรรมการสวัสดิการฯ จึงได้กำหนดพื้นที่ศูนย์อาหาร ชั้น B2 ซึ่งเป็นศูนย์อาหารตามแผนผังโครงสร้างของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ สถานที่ดังกล่าว สามารถรองรับข้าราชการ บุคคลในวงงานรัฐสภา หรือผู้เข้ามาติดต่อราชการ ได้ประมาณ 700 ที่นั่ง
ส่วนการออกหนังสือประกาศแจ้งเตือนผู้ประกอบการนั้น ได้มีออกทั้งหมด 2 ฉบับ ฉบับแรกออกเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 และฉบับที่ 2 คือเมื่อ 8 กรกฎาคม 2568 นอกจากนี้ คณะกรรมการสวัสดิการฯ ได้ทำการสรุปแบบสำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ พบว่า ผู้ใช้บริการไม่พึงพอใจต่อสินค้าและบริการในด้านต่างๆ
โดยที่ประชุมกรรมาธิการฯ มีมติขอให้บริษัทที่จะเข้ามาดำเนินธุรกิจศูนย์อาหารที่ชั้น B2 พิจารณารับร้านค้า ร้านอาหารสวัสดิการชั้น 1 ที่ผ่านมาตรฐานและเงื่อนไขของบริษัทฯ เข้าไปดำเนินการต่อ โดยขอให้คณะกรรมการสวัสดิการฯ เป็นคนกลางในการประสานงานและพูดคุยระหว่างบริษัทฯ กับผู้ประกอบการร้านค้า พร้อมพิจารณาหาสถานที่ในรัฐสภาทดแทนเพื่อจำหน่ายอาหารและสินค้า สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่ได้ดำเนินกิจการต่อ