3 โบรกฯ คาดแนวโน้มหุ้นภาคบ่าย กลยุทธ์การลงทุน
#ทันหุ้น-บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ทรัมป์สร้าง Sentiment บวกต่อราคาน้ำมันดิบช่วงสั้น หลังเตรียมมาตรการคว่ำบาตรรอง (Secondary Sanctions) กับจีน (ปัจจุบันภาษียังคงที่ 30%) ต่อจากอินเดีย (ภาษีเพิ่มเป็น 50%) เพราะเป็นประเทศที่ยังมีความสัมพันธ์ทางการค้ากับรัสเซีย ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบทั้ง BRENT และ WTI เริ่มดีด วางต้าน 70 ดอลลาร์หุ้นน้ำมัน-โรงกลั่นยังขึ้นช้า หุ้นทรงแข็งได้แก่หุ้น PTT, PTTEP, SPRC และ IRPC
-BOE ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนำเฟด สู่ระดับ 4% ซึ่งจะเป็นการปรับลดดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 5 และจะทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ มี.ค. 66 คาดเฟด มีแนวโน้มสูงที่จะปรับลดดอกเบี้ยลงตาม 25 bps. สู่ระดับ 4.25% ในรอบการประชุม ก.ย. นี้ โดยล่าสุด CME Fed Watch Tool ให้น้ำหนักราว 92.7% เปิดทำการ 13 ส.ค. ลุ้น กนง. ลดดอกเบี้ย 25 bps. ลงแตะระดับ 1.50% หากลดอัตราดอกเบี้ยตามคาด อาจทรงตัวถึงมีแรง Sell on Fact แต่อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยประเมินภายใต้ Market Earning Yield Gap 4.50% และ EPS68F ที่ 86 บาท/หุ้น จะหนุน P/E ขึ้นจาก 16 เท่าเป็น 16.67เท่า ส่งผลให้ ดัชนีหุ้นไทยจะขยับขึ้นไปอยู่ที่ 1,433 จุด สะท้อนตลาดให้มูลค่าหุ้นสูงขึ้นเมื่อเทียบผลตอบแทนพันธบัตรฯ ซื้อกลุ่ม Financ ได้แก่หุ้นTIDLOR, SAWAD, MTC, KTC, AEONTS และ JMT
-ไทยเตรียมเจรจาการค้ารอบสองกับสหรัฐฯ ปลาย ส.ค. หรือต้น ก.ย. หัวใจอยู่ที่ Regional Value Content (RVC) : เกณฑ์วัดสัดส่วนมูลค่าการผลิตภายในภูมิภาคที่ต้องมีในสินค้าส่งออก เพื่อให้ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีตามข้อตกลงการค้า ดังนั้นไทยต้องพิสูจน์ว่า สินค้าส่งออกมีมูลค่าการผลิตภายในประเทศหรือภูมิภาคมากพอที่จะไม่ถูกมองว่าเป็นการ “สวมสิทธิ์” จากประเทศที่สามแม้ภาษีนำเข้าที่ไทยถูกเรียกเก็บอัตรา 19% จะมีผลตั้งแต่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา แต่ภาษีสินค้าสวมสิทธิ์(Transshipment) อัตรา 40% ยังไม่บังคับใช้ รอประกาศกฎเกณฑ์จากสหรัฐฯ ดังนั้นยังมีโอกาสในการต่อรองหรือเสนอแนวทางร่วมกัน เพื่อไม่ให้มาตรการกระทบต่อผู้ประกอบการไทยมากเกินไป
-MSCI ลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทย 207 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีผลราคาปิด 26 ส.ค. นี้
-คาด SET INDEX บ่ายนี้บวกสู่แนวต้าน 1270จุด แต่รอบรายวันเสี่ยงหลุด 1,240 จุด สู่ 1,200 จุด
บล.เอเอสแอล ระบุว่าตลาดหุ้นเช้าปรับตัวลง จากแรงขายลดความเสี่ยงจากเข้าสู่วันหยุดยาว ผันผวนตามผลประกอบการ และมี MSCI Rebalance ในกลุ่ม Global standard ได้ตัดหุ้น HMPRO และ OR ออกจากดัชนี ส่วนกลุ่ม Small cap ตัด หุ้น ICHI, SISB และ TPIPL ออกจากดัชนี ทำให้เกิดแรงขายในกลุ่มดังกล่าว
ปัจจัยต่างประเทศ ตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสหรัฐ สัปดาห์ล่าสุดเพิ่มขึ้น ทำให้ตลาดเพิ่มน้ำหนักคาดการณ์โอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือน ก.ย. เป็น 93.2% นอกจากนี้มีปัจจัยต้องติดตามได้แก่การประชุม กนง.ในสัปดาห์หน้า โดยตลาดคาดว่าจะคงดอกเบี้ย
กลยุทธ์การลงทุน ดัชนีเปิดปรับตัวลง ระยะสั้นทดสอบ SMA 5 วันที่ 1,250 จุดเป็นจุดพิจารณาต่ำกว่ามีโอกาสพักตัวลงต่อ
บล.โกลเบล็ก ระบุว่าดัชนีพักฐานเหนือเส้น EMA ทุกเส้นอีกทั้งสร้างฐานเหนือเส้น EMA 200 วันได้เป็นวันที่ 3 สอดคล้องกับค่าสัญญาณ MACD และ RSI ที่ทรงตัวในระดับสูง หากไม่หลุดแนวรับ 1,255 จุดมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ โดยช่วงบ่ายมีแนวรับ 1,255 จุด แนวต้าน 1,275 จุด
ขณะที่ภาวะตลาดหุ้นภาคเช้าดัชนีเคลื่อนไหวพักฐาน โดยมีแรงกดดันจากแรงขายทำกำไร เพื่อลดความเสี่ยงก่อนเข้าสู่ช่วงหยุดยาว และมีแรงซื้อนำโดยหุ้นกลุ่มขนส่ง และธนาคาร มีแรงขายนำโดยหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ค้าปลีก และพลังงาน ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการประกาศผลประกอบการ ไตรมาส 2/68 ของบริษัทจดทะเบียน ส่งผลให้ดัชนีพักเที่ยงปิดตลาดที่ 1,259.40 จุด ลบ 5.75 จุด หรือ 0.45% มูลค่าการซื้อขาย 34,235.31 ล้านบาท
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้