โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

จับตาเศรษฐกิจไทย ครึ่งปีหลังดิ่งเหว วัดกึ๋นขุนคลัง “พิชัย”

อีจัน

อัพเดต 17 กรกฎาคม 2568 เวลา 14.02 น. • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • อีจัน

จากการประเมินภาวะเศรษกิจไทยของหลายสำนักต่างพยากรณ์ว่า “จีดีพี” ปีนี้ ของไทย จะมีอัตราการขยายตัวเท่าไหร่ และส่งผลกระทบกับความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวไทยหาเช้ากินค่ำอย่างไรบ้าง

“ทีมเศรษฐกิจอีจัน” ในฐานะที่ติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่อง พบว่า ตัวเลขสำคัญบ่งชี้ ว่า ชีวิตความเป็นอยู่พี่น้องชาวไทยดีมากน้อยแค่ไหน วัดได้จาก “ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ” หรือ จีดีพี ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า เศรษฐกิจไทย ในปีนี้ ขยายตัว 2.3% ลดลงจากช่วงก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่า เศรษฐกิจไทยจะมีอัตราการเติบโต 2.9%

แต่ตัวเลขจีดีพี ของ ธปท. 2.3% ก็ยังไม่ใช่ตัวเลขต่ำที่สุด เพราะยังมีสำนักวิจัยอย่างธนาคารไทยพาณิชย์ ออกมาหั่นตัวเลขการเติบโตล่าสุดเหลือเพียง 1.5%

ขณะที่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ประเมินเศรษฐกิจไทยทั้งปี ขยายตัว 1.8% แลฃะสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งถือว่าเป็นหน่วยงานที่รวบรวมตัวเลขจริงและน่าเชื่อถือมากสุด ระบุว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ ขยายมีอัตราการเติบโต 1.3-2.3% โดยมีค่ากลางอยู่ที่ 1.8%

*****

ทั้งนี้ จากการรวบรวมตัวเลขเศรษฐกิจ จากสำนักต่าง ๆ พบจุดที่น่าสนใจคือ โอกาสที่เศรษฐกิจจะขยายตัวเกินกว่า 2% มีน้อยมาก ภายใต้ปัจจัยลบที่รุมเร้ามากกว่าปัจจัยบวก รวมถึงความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามและความตึงเครียดที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันในหลายภูมิภาค รัสเซีย-ยูเครน อิสราเอล-อิหร่าน สหรัฐ-จีน ไทย-กัมพูชา

ขณะที่ ปัญหาภายในประเทศ กรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องคลิปเสียงสนทนากับ อังเคิล-ฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แสดงอาการป่วยทิพย์อยู่ชั้น 14 โรงพยายาลตำรวจ รวมถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) “อุ๊งอิ๊ง” ที่ทำให้แตกหักกับพรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคภูมิใจไทยถอนตัวทำให้เสถียรภาพทางการเมืองสั่นคลอน

จนนำไปสู่ความไม่มั่นใจของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชน และการลงทุนในตลาดหุ้น ณ วันที่อุ๊งอิ๊งเข้ารับตำแหน่งนายกฯ วันที่ 16 ส.ค. 2567 ดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ 1,303 ร่วงลงมาอยู่ที่ 1,121 .13 จุด ณ วันที่ 16 ก.ค. 2568 หายไปเกือบ 200 จุด

ขณะที่ภาคต่างประเทศก็มีแรงกดดันไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน หลังจากประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2568 ประกาศกร้าวเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากทุกประเทศในอัตราสูง เพื่อดัดหลังประเทศคู่ค้าที่เอาเปรียบสหรัฐมานาน เช่น จีน เลโซโท กัมพูชา ลาว มาดากัสการ์ เวียดนาม เมียนมา ศรีลังกา ซีเรีย มอริเชียส ไต้หวัน แอฟริกาใต้ อินโดนีเซีย บรูไน เป็นต้น

โดยเฉพาะสหรัฐเรียกเก็บภาษีจากจีนสูงถึง 34% ขณะที่จีนก็ประกาศตอบโต้โดยขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐสวนมัดยักษ์ชนยักษ์โดยไม่หวั่นเกรงใด ๆ จนนำไปสู่สงครามการค้าที่ส่งผลไปทั่วโลก เกิดการแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน

ขณะที่ ประเทศไทยเอง ก็เป็นหนึ่งใน 120 ประเทศที่ถูกรีดภาษีอัตราสูงด้วยเช่นกัน โดยถูกประธานาธิบดีสหรัฐเรียกเก็บภาษีถึง 36% และยังติดอยู่ 1 ใน 4 ของอาเซียนที่ถูกเรียกเก็บภาษีสูงสุด รองจากลาวที่ถูกจัดเก็บภาษี 48% เมียนมา 44%

โดยประเทศที่เจรจาสำเร็จแล้ว 4 ประเทศ ได้แก่ จีน อังกฤษ ญี่ปุ่น เวียดนาม โดยเฉพาะเวียดนามซึ่งเป็นคู่แข่งการค้ากับไทยได้ข้อสรุปการเจรจาทางการค้าเร็วที่สุด โดยสินค้าจากเวียดนามส่งไปสหรัฐเสียภาษีในอัตรา 20% กรณีสินค้าสวมสิทธิ์เสียภาษี 40% ขณะที่สินค้าจากสหรัฐส่งมาเวียดนามเสียภาษีในอัตรา 0%

ขณะที่อินโดนีเซีย ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 ก.ค. นายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาประกาศ ……. ว่า ได้ข้อตกลงกับทางประเทศอินโดนีเซีย เรียบร้อยแล้ว โดยสหรัฐจะได้รับการยกเว้นภาษีเหลือ 0% จากสินค้าที่ส่งไปสหรัฐฯ และสหรัฐจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากอินโดนีเซีย 19%

ขณะที่ ผลการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐล้มเลว ต้องกลับไปนั่งนับหนึ่งใหม่ แม้ว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง หัวเรือหลักที่นำทีม “คณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐ” หรือ ทีมไทยแลนด์ ลงทุนเดินทางไปถึงสหรัฐเพื่อเจรจาเรื่องดังกล่าวเหมือนกัน แต่ผลลัทธ์ ไม่เป็นดั่งที่หวังไว้ นายพิชัยต้องกลับบ้านด้วยมือเปล่า เพียงแค่เหตุผลง่าย ๆ ว่า ข้อเสนอใหม่ที่ไทยส่งไปให้สหรัฐนั้น ยังไม่ถึงมือ “ทรัมป์” ทำให้ไทยอยู่ในลิสต์ถูกเก็บภาษีให้อัตราเดิมและไม่เปลี่ยนแปลงคือ 36%

กลายเป็นเรื่องใหญ่ ที่ประเทศไทยต้องนำกลับมาทบทวนทั้งหมด แล้วเสนอใหม่ ไปเป็นรอบที่ 3 เพื่อให้ทางสหรัฐพิจารณาภาษีรอบใหม่ให้ทันเส้นตายวันที่ 1 ส.ค. นี้ ดังนั้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นนับจากนี้ ไปสำนักวิเคราะห์ อาทิ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะกระทบด้านภาคการส่งออก และภาคการผลิต สินค้าหลักที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ ชิ้นส่วนโทรศัพท์ HDD หม้อแปลงไฟฟ้า และเครื่องพิมพ์ ซึ่งอาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขันและย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีภาษีต่ำกว่า เช่น เวียดนาม แต่ยังมีสินค้าอื่น ที่แม้จะโดนภาษีสูง แต่ไทยยังพอแข่งขันได้ เช่น ยางรถยนต์ เครื่องปรับอากาศ อาหารสัตว์และข้าว ด้านการนำเข้าและการลงทุนเกิดการชะลอตัว และความไม่แน่นอนดังกล่าว ส่งผลให้ความต้องการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบลดลง มีผลกระทบต่อโลจิสติกส์และคลังสินค้า

ขณะที่การลงทุนโดยตรง (FDI) อาจย้ายไปประเทศอื่นในอาเซียน ส่งผลต่อการเติบโตระยะยาวของไทย รวมถึงไทยต้องเร่งปรับนโยบายเชิงรุก ควรเน้นการส่งออกที่มีมูลค่าเพิ่มในประเทศ ลดอุปสรรคการลงทุน และเจรจาการค้ากับสหรัฐอย่างมียุทธศาสตร์ พร้อมเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต รวมทั้งลดการผูกขาดในประเทศ ขณะเดียวกันไทย ต้องลดการส่งออกศูนย์เหรียญ หรือสินค้าสวมสิทธิ์ ที่ใช้ไทยเป็นฐานในการส่งออก และไทยต้องเร่งหาตลาดใหม่ที่กระทบน้อย เช่นตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และยุโรป

ขณะที่เดียวกัน รัฐบาลต้องเร่งสรุปพบ การเจรจาเขตการค้าเสรีกับยุโรป (FTA) และความตกลงการค้าเสรีของหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) หาทางเร่งตลาดความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ใช้อาเซียนเป็นที่พึ่งในการเจรจาการค้ากับสหรัฐ

ขณะที่ นายเกียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ก็เป็นห่วงไม่แตกต่างกัน แม้ภาคการเกษตรมีสัดส่วนไม่ถึง 10% ของจีดีพี แต่มีประชาชนที่เกี่ยวข้องและ เป็นเกษตรกรจำนวนมากถึง 20 ล้านคน กลายเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นกับคนกลุ่มใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ด้านศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ และธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีการประเมินว่า หากมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เข้ามากระทบอีก โดยเฉพาะปัญหาการเมืองในประเทศ กรณี รุนแรงถึงขั้นยุบสภา จะยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย เพราะรัฐบาลจะไม่สามารถผลักดันการใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ได้ และจะทำให้เศรษฐกิจปีนี้โตต่ำกว่า 1% จากเดิมที่ประเมินไว้ ขยายตัว 1.7%

ดังนั้น ในช่วงครึ่งปีจากนี้ไป เศรษฐกิจยืนอยู่ท่ามกลางความท้าทายอย่างมาก แม้ว่า รัฐบาลจะไฟเขียว ผ่านงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.574 แสนล้านบาท เพื่อรองรับผลกระทบจากสงครามการค้า ซึ่งในจำนวนนี้ ได้มีการกันเงินไว้ 50,000 ล้านบาท เพื่อรับผลกระทบภาษีทรัมป์

“ทีมเศรษฐกิจอีจัน” เชื่อว่า งบประมาณที่เตรียมไว้ 50,000 ล้านบาท ไม่เพียงพอ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ มีความรุนแรงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ที่เหมือนจะฟื้นตัวได้ดี แต่ยังเปราะบาง และพร้อมที่จะทรุดตัวอย่างหนัก หากภาคการส่งออกของไทยถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีส่งออก เต็มอัตราสูงสุด 36% ซึ่งจะส่งผลต่อสินค้าส่งออกของไทยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ โดยประชาชนระดับรากหญ้าและเกษตรกร ที่มีมากกว่า 20 ล้านคน ซึ่งยังเป็นกลุ่มเดียวกับคนที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว สะท้อนให้เห็นว่า รายรับน้อยกว่ารายจ่าย

ขณะที่ค่าครองชีพ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เศรษฐกิจไทยอยู่ในอาการโคม่า ห้าง ร้าน ปิดกิจการ สภาพคล่องในกระเป๋าหดหาย จำนวนการทำงานล่วงเวลา หรือ โอที ลดลง สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นสัญญาณร้ายต่อเศรษฐกิจไทยที่อาจยังไม่เห็นภาพชัดเจนในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา

แต่เชื่อเถอะว่า ครึ่งปีหลัง และต่อเนื่องไปถึงปีหน้าว่า มีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะทรุดหนัก จีดีดีพีขยายตัวต่ำเพียง 1% หรือเกินกว่า 1% เล็กน้อย มีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่เดียว

“ทีมเศรษฐกิจ อีจัน”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก อีจัน

ดัง พันกร น้อมรับทุกคำวิจารณ์ หลังเจอเพจดัง โพสต์เตือนสติ

21 นาทีที่แล้ว

เปิดแล้ว! จุดพักรถวิวหลักล้าน ริมทะเลสาบสงขลา เส้นจะนะ-ปาแด

26 นาทีที่แล้ว

อึ้ง! สาวจีนงงเปิดบ้านมาเจอ ”ลูกเจี๊ยบ” หลังไม่อยู่บ้านสองวัน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ยังโอม พูดแล้ว! ปมดราม่าศิลปินนอกใจแฟน ไม่สนับสนุนเรื่องแบบนี้

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

"แคนาดา" ถอนเสนอซื้อ 7-11 ญี่ปุ่น เจรจาไม่คืบ

TNN ช่อง16

‘ทักษิณ’ขึ้นเวที 9MCOT โชว์ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย มั่นใจเศรษฐกิจไทยฟื้นได้

เดลินิวส์

“ออริจิ้น”ปิดบิ๊กดีล "ออริจิ้น ทองหล่อ เวิลด์" ขาย“อังเดร คู” เศรษฐีไต้หวัน 500 ล.

Manager Online

ทองผันผวนหนัก ศึกเศรษฐกิจเดือด ทรัมป์ยันไม่ปลดพาวเวล

TNN ช่อง16

CPANEL โชว์แบ็คล็อค 1.3พันล.

Manager Online

ธอส. ชวนรีไฟแนนซ์ลดภาระค่าครองชีพ ดอกเบี้ยปีแรกไม่ถึง 1%

ฐานเศรษฐกิจ

เปิดแล้ว! จุดพักรถวิวหลักล้าน ริมทะเลสาบสงขลา เส้นจะนะ-ปาแด

อีจัน

เปิดประวัติ 2 แม่ทัพใหม่ “โอสถสภา” นำทัพธุรกิจ 2.7 หมื่นล้าน

ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

ทรัมป์ ปิดดีลอินโดฯ เก็บภาษี 19% สหรัฐฯ ส่งออก 0%

อีจัน

ทรัมป์ ขู่หนัก! ตั้งกำแพงขึ้นภาษีรัฐเซียเพิ่ม ถ้าไม่จบสงครามตามกำหนด

อีจัน

รัฐบาลยันเดินหน้ากวาดล้าง “เยลลี่กัญชา” ผิดกฎหมาย

อีจัน
ดูเพิ่ม
Loading...