เจาะลึกตลาดอินเดีย ขุมทรัพย์เศรษฐกิจในเอเชียใต้
เจาะลึกตลาดอินเดีย ขุมทรัพย์เศรษฐกิจในเอเชียใต้
ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความไม่แน่นอน การลงทุนอย่างยั่งยืนที่จะนำมาสู่ผลตอบแทนอย่างแท้จริงไม่สามารถอาศัยเพียงการพึ่งพาตลาดที่มีอยู่ได้ การกระจายความเสี่ยงจึงกลายเป็นกลยุทธ์ที่มีความสำคัญ โดยมีความจำเป็นที่จะมองหาตลาดที่มีทั้งเสถียรภาพและศักยภาพเพื่อเปิดโอกาสทางการค้า ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าอินเดียเป็นประเทศที่มีทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สดใสอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการลงทุนที่ความมั่นคงในระยะยาว
นายฮิเทนดรา ดาเว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศอินเดีย กล่าวว่า อินเดียเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกแต่ยังไม่ค่อยมีผู้เล่นเข้าไปมากนัก ด้วยจำนวนประชากรกว่า 1,400 ล้านคน เทียบเท่าจำนวนประชากรรวมกันหลายทวีป ในทุกๆ วันมีประชาชนจำนวนกว่าร้อยล้านคนที่กำลังจะกลายเป็นผู้บริโภคยุคใหม่ อีกทั้ง ประชากรอินเดียมีอายุเฉลี่ยเพียง 28 ปีเท่านั้น และมีการผลิตวิศวกร หมอ และพยาบาลเป็นจำนวนมากในแต่ละปี ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้อินเดียกลายเป็นจุดหมายสำคัญของกลุ่มบริษัท Fortune 500 ในการเข้าไปลงทุน
รัฐบาลอินเดียยังได้มีความพยายามในการผลักดันเศรษฐกิจและอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนชาวต่างชาติเพื่อให้สามารถทำธุรกิจในอินเดียได้ง่ายขึ้น โดยในแต่ละวันมีการสร้างทางด่วนยาวประมาณ 30-40 กิโลเมตร ขณะเดียวกันจำนวนสนามบินในอินเดียเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าในระยะเวลาเพียงแค่ 10 ปีเท่านั้น รวมทั้งมีการสร้างท่าเรือจำนวนมากก็เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านโลจิสติกส์แก่บริษัทที่เข้ามาลงทุน เพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายสินค้าได้อย่างรวดเร็วขึ้นและดียิ่งขึ้น
นอกจากนั้น การสร้างผลกำไรก็ทำได้ง่าย โดยเงินทุนอาจกลับมาในแง่ของเงินปันผล เงินค่าตอบแทนและส่วนของผู้ถือหุ้น และการถอนเงินกลับก็มีความคล่องตัวเช่นกัน ในด้านตลาดหลักทรัพย์ อินเดียให้ผลตอบแทนแพ้อยู่แค่เจ้าเดียวคือ SP500 ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ผลตอบแทนไม่ค่อยต่ำกว่า 2 หลักในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับเศรษฐกิจภายในประเทศ ธนาคารกลางอินเดียได้ลดอัตราดอกเบี้ยไปกว่า 100 basis points ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ประกอบกับมีการอัดฉีดสภาพคล่องเข้ามาในระบบกว่า 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตมากขึ้น โดยทางธนาคารเอชเอสบีซีมองว่าผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ของอินเดียในปีนี้จะอยู่ที่ 6.5%
นายจอร์โจ กัมบา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและหัวหน้ากลุ่มลูกค้าธุรกิจ ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย พูดถึงบทบาทของเอชเอสบีซีในระเบียงเศรษฐกิจของไทยและอินเดียว่า เป็น ‘Superconnect’ ในการช่วยอำนวยความสะดวกให้การทำธุรกิจและลงทุนไม่ว่าจะเป็นในไทยหรืออินเดียนั้นง่ายขึ้น ทางธนาคารมีประสบการณ์ที่ยาวนานกว่า 160 ปี และขึ้นชื่อว่าเป็นธนาคารระดับสากลที่ใหญ่ที่สุดและดีที่สุดในภูมิภาค โดยให้บริการมากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก ด้วยความเข้าใจในการทำธุรกิจทั้งในอินเดียและไทย ตลอดจนการบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่ธนาคารลูกค้ารายย่อย ไปจนถึงการบริหารจัดการทรัพย์สินทำให้เอชเอสบีซีสามารถเป็น ‘one stop shop’ ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจได้
คนทั่วไปอาจมองว่าการเข้าไปทำธุรกิจในอินเดียเป็นเรื่องที่ยาก ทว่า ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทยจะช่วยเชื่อมต่อลูกค้ากับเอชเอสบีซี อินเดียโดยตรง เพื่อรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในการลงทุนของเอชเอสบีซี อินเดีย ที่มีความรู้และความชำนาญ และช่วยเชื่อมต่อลูกค้ากับพันธมิตรทางธุรกิจในอินเดียหากต้องการหาพาร์ทเนอร์ในการเข้าสู่ตลาดอินเดีย ซึ่งทีมของนายดาเวเป็นหนึ่งในทีมที่เก่งมากที่สุดในเครือข่ายของเอชเอสบีซี และนายดาเวก็เป็นผู้บุกเบิกแนวคิดลูกค้าเป็นศูนย์กลางโดยมุ่งเน้นที่จะเชื่อมลูกค้า ธนาคารและผู้กำหนดนโยบายเข้าด้วยกัน เพื่อก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจด้วย
นายกัมบายังได้พูดถึงสถานการณ์การลงทุนในไทยว่า ที่ผ่านมามีบริษัทอินเดียจำนวนไม่น้อยที่มาลงทุนในไทย เพราะไทยมีความพร้อมในด้านโครงสร้างพื้นฐานซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดการลงทุนเข้าประเทศ ไม่ว่าเศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไร การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ก็เข้ามาในไทยอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นจากจีนหรือสหรัฐ ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากยุโรปมีต้นทุนการผลิตสูง ส่งผลให้ไทยกลายเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนของยุโรปเช่นเดียวกัน โดยคาดว่าอาจจะเห็นกระแสการลงทุนจากยุโรปเข้ามาไทยในอนาคตอันใกล้นี้
ด้านนายดาเวระบุว่า อินเดียมองไทยเป็นขุมพลังในการผลิตในภูมิภาคอาเซียนและมีความสามารถในการผลิต 3 ภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องยนต์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินเดียที่มีความต้องการของผู้บริโภคสูง อีกทั้ง ไทยยังมีความพร้อมด้านแรงงานและพลังงานทางเลือก ซึ่งอินเดียที่เป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดก็สามารถมาขยายกิจการในไทยได้
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือไทยไม่ได้ไกลจากอินเดียมากนัก ใช้เวลาเดินทางไม่นาน คนหนุ่มสาวชาวอินเดียในยุคนี้ต่างต้องการที่จะบินมาไทยในช่วงแต่งงาน โดยอุตสาหกรรมการแต่งงานนี้ถือเป็นภาคเศรษฐกิจที่ใหญ่อันดับ 2 ของอินเดียรองจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้น หากส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชูเรื่องนี้เป็นหลัก ก็จะสามารถดึงเม็ดเงินมาในไทยได้เป็นจำนวนมาก
ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกยังคงผันผวน การกระจายความเสี่ยงผ่านการลงทุนในตลาดที่มีศักยภาพเป็นสิ่งที่จำเป็น และอินเดียก็ตอบโจทย์ทั้งด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจและความมั่นคงในการลงทุน ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังผลักดันและส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติอย่างจริงจัง สะท้อนให้เห็นว่าอินเดียเป็นขุมทรัพย์แห่งโอกาสในการลงทุนที่ไม่ควรมองข้าม
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เจาะลึกตลาดอินเดีย ขุมทรัพย์เศรษฐกิจในเอเชียใต้
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th