ขอวีซ่าท่องเที่ยว 'อเมริกา' อ่วม สหรัฐจ่อเก็บเงินประกันเฉียดครึ่งล้าน!
รอยเตอร์สรายงานวันนี้ (5 ส.ค.) ว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังจะออกโครงการนำร่องในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งจะมีการ "เรียกเก็บเงินประกัน" กับผู้ขอวีซ่าท่องเที่ยวและวีซ่าธุรกิจบางประเภท "กับประเทศที่มีอัตราการอยู่เกินกำหนดวีซ่าสูง" ซึ่งอาจถูกเรียกเก็บเงินประกันสูงสุดถึง 15,000 ดอลลาร์ (เกือบ 5 แสนบาท) เพื่อแก้ปัญหาชาวต่างชาติอยู่เกินกำหนดวีซ่าในสหรัฐ
ประกาศของรัฐบาลกลางสหรัฐ ระบุว่า โครงการนำร่องนี้จะให้อำนาจเจ้าหน้าที่กงสุลสหรัฐ ในการกำหนดวงเงินประกันแก่ผู้ขอวีซ่า "จากประเทศที่มีอัตราการอยู่เกินกำหนดวีซ่าสูง" และจะคืนเงินประกันให้เมื่อเดินทางออกจากสหรัฐ โดยมี 3 ทางเลือกได้แก่ วงเงินประกัน 5,000 ดอลลาร์, 10,000 ดอลลาร์ และสูงสุด 15,000 ดอลลาร์ แต่คาดว่าโดยทั่วไปแล้วจะเรียกเก็บที่อัตรา 10,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 325,000 บาท
โครงการนี้จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคมเป็นต้นไปและคาดว่าจะทดลองใช้เป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปี
สำหรับประเทศที่อยู่ในข่ายมีอัตราการอยู่เกินกำหนดวีซ่าสูงนั้น เบื้องต้นยังไม่มีการกำหนดแน่ชัดว่ามีประเทศใดเข้าข่ายถูกเรียกเก็บเงินประกันบ้าง แต่ข้อมูลจากสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐ (CBP) ปี 2023 ว่า มีอยู่หลายประเทศที่อยู่ในเลขสองหลัก ส่วนใหญ่เป็นประเทศในแอฟริกา เช่น ชาด (49.54%) ซูดาน (26.3%)
ส่วนในเอเชีย ประเทศที่มีอัตราการอยู่เกินวีซ่ามากที่สุดคือ ลาว (34.77%) เมียนมา (27.07%) และเติร์กเมนิสถาน (15.35%) ในขณะที่ "ไทย" อยู่ที่เพียง 3.31%
อย่างไรก็ตาม นอกจากจะใช้นี้กับประเทศเสี่ยงการอยู่เกินวีซ่าแล้ว รายงานระบุด้วยว่ายังอาจนำมาใช้กับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่ข้อมูลการคัดกรองและการตรวจสอบยังไม่เพียงพอด้วย แต่ไม่มีการระบุรายละเอียดเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้ความสำคัญกับการปราบปรามผู้อพยพผิดกฎหมายเป็นเป้าหมายหลักในช่วงดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง โดยเพิ่มทรัพยากรเพื่อรักษาความปลอดภัยบริเวณชายแดนและจับกุมผู้อพยพผิดกฎหมายในสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ในเดือนมิ.ย. ทรัมป์ได้ออกประกาศห้ามการเดินทางกับพลเมืองจาก 19 ประเทศทั่วโลกมาแล้ว โดยอ้างเหตุผลเรื่องความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ ซึ่งในบรรดา 19 ประเทศดังกล่าวได้แก่ อัฟกานิสถาน, เมียนมา, ชาด, สาธารณรัฐคองโก, อิเควทอเรียลกินี, เอริเทรีย, เฮติ, อิหร่าน, ลิเบีย, โซมาเลีย, ซูดาน, เยเมน, บุรุนดี, คิวบา, ลาว, เซียราเลโอน, โตโก, เติร์กเมนิสถาน และเวเนซูเอลา
นโยบายการเข้าเมืองที่เข้มงวดขึ้นของทรัมป์ทำให้นักท่องเที่ยวบางส่วนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสหรัฐ แม้ว่าค่าตั๋วเครื่องบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกจะถูกลงเหลือเท่ากับราคาก่อนช่วงการระบาดของโควิดก็ตาม ขณะที่การเดินทางจากแคนาดาและเม็กซิโกไปยังสหรัฐก็ลดลงถึง 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า