เศรษฐีวัย 39 อยากแต่งงานกับแอร์ฯ เจอแม่สื่อดึงสติให้เลิกเพ้อฝัน เผยเหตุผลเบื้องหลัง
"ผมอยากแต่งงานกับแอร์โฮสเตส!" เศรษฐีหนุ่ม วัย 39 ปี เข้าพบนักจับคู่มืออาชีพ แต่กลับถูกเตือนให้เลิกเพ้อฝัน เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังถูกเปิดเผยแล้ว
ศูนย์จัดหาคู่ “เหมยม่าน” ในนครเถาหยวน เขตจงลี่ ของไต้หวัน ซึ่งเปิดให้บริการมากว่า 40 ปี เปิดเผยว่า มีชายโสดวัย 39 ปีรายหนึ่ง อาศัยอยู่ใกล้สนามบินนานาชาติเถาหยวน เดินทางมาขอความช่วยเหลือโดยตั้งเป้าหมายว่าอยากแต่งงานกับแอร์โฮสเตสให้ได้
แต่กลับได้ให้คำแนะนำว่า ควรละทิ้งความหลงใหลในภาพฝันเรื่อง “แอร์โฮสเตสในอุดมคติ” แล้วมองหาคู่ชีวิตที่เหมาะสมและเข้ากันได้จริงจะดีกว่า
มีเงินนับร้อยล้านก็ยังแต่งกับแอร์โฮสเตสไม่ได้?
สวี่ หน่ายอี้ ผู้อำนวยการศูนย์เหมยม่าน เผยว่า ชายวัย 39 รายนี้เติบโตมาใกล้สนามบินเถาหยวน และเคยใฝ่ฝันอยากเป็นนักบิน แต่ไม่ชอบเรียนหนังสือตั้งแต่เด็ก และลาออกจากโรงเรียนตอนมัธยมปลาย
ต่อมาครอบครัวได้รับเงินชดเชยจากการเวนคืนที่ดินตามแผนพัฒนา “เมืองการบินเถาหยวน” จนกลายเป็นเศรษฐีชั่วข้ามคืน มีทรัพย์สินนับร้อยล้าน และใช้ดอกเบี้ยในการเลี้ยงชีพโดยไม่ต้องทำงาน ความฝันจึงเปลี่ยนจากการอยากเป็นนักบิน มาเป็นแค่การได้แต่งงานกับแอร์โฮสเตสแทน
Lukas
ผู้อำนวยการสวี่ เผยว่า ชายคนนี้เคยพยายามหาคู่เป็นแอร์โฮสเตสผ่านญาติ เพื่อนฝูง รวมถึงนักการเมืองท้องถิ่น และแม้กระทั่งขอความช่วยเหลือจากผู้บริหารระดับสูงในสายการบิน แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
สุดท้ายจึงมาขอให้ศูนย์จัดหาคู่เหมยม่าน ซึ่งเปิดให้บริการมานานกว่า 40 ปี ช่วยเป็นสื่อกลาง พร้อมให้คำมั่นว่า หากแนะนำสำเร็จจะบริจาคเงิน 2 ล้านไต้หวันดอลลาร์ตอบแทนให้แก่องค์กรสังคมสงเคราะห์
อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการสวี่ก็ได้พูดคุยกับชายคนนี้แล้วว่า อาชีพแอร์โฮสเตสนั้นมีเวลาทำงานไม่แน่นอน หากบินเส้นทางระหว่างประเทศก็อาจไม่สามารถกลับบ้านได้เป็นสัปดาห์ อีกทั้งยังต้องเผชิญกับความกดดันในการทำงานสูง
นอกจากนี้ แอร์โฮสเตสบางคนก็มีมาตรฐานในการเลือกคู่ครอง เช่น อาชีพ ส่วนสูง หรือบุคลิกการพูดจา แม้ชายคนนี้จะมีทรัพย์สินมากมายและไม่ต้องทำงาน แต่หากยึดติดว่าคู่ชีวิตต้องเป็นแอร์โฮสเตสเท่านั้น ก็อาจไม่ใช่เรื่องง่าย จึงแนะนำให้เขาละทิ้งภาพฝันเกี่ยวกับอาชีพนี้ อาจจะเปิดโอกาสให้เจอคนที่เหมาะสมมากขึ้น
ผู้อำนวยการสวี่ ซึ่งมีประสบการณ์จับคู่สำเร็จกว่า 20,000 คู่ในรอบ 40 ปีที่ผ่านมา เผยว่า เขาจะพยายามแนะนำคู่ที่เหมาะสมกันตามเงื่อนไขอย่างเป็นกลาง และเตือนผู้ที่มาหาคู่ว่า อย่าใช้ความคิดแบบ “ผู้ซื้อ” เพราะการพบกันของคนสองคนต้องมีความเคารพซึ่งกันและกัน ไม่ใช่คิดไปฝ่ายเดียว ถึงจะมีโอกาสลงเอยอย่างมีความสุข