โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

เจาะลึกข้อตกลงภาษีสหรัฐ 19% CPF มองโอกาสปรับแผนธุรกิจ

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF กล่าวในงานเสวนา “Trump’s Tariffs ไทยจะอยู่รอดได้อย่างไร” จัดโดยสมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 ส.ค.2568 ว่าการที่ประเทศไทยบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐอเมริกา โดยลดอัตราภาษีนำเข้าจากเดิม 36% มาอยู่ที่ 19% แลกกับการที่ไทยจะเปิดนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐเพิ่มขึ้น อาทิ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กากถั่วเหลือง และกากข้าวโพด (DDGs) นั้นมีแนวโน้มที่จะทำให้ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ลดลงอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับแหล่งที่ใช้ในปัจจุบัน

ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตอาหารสัตว์และอุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทย ส่วนต่างราคาข้าวโพดอาจอยู่ที่ประมาณ 1-2 บาทต่อกิโลกรัมเมื่อรวมค่าขนส่งแล้ว แต่เมื่อพิจารณาปริมาณการนำเข้าที่คาดว่าสูงถึง 3 ล้านตันสำหรับข้าวโพด และมูลค่ารวมของกากถั่วเหลืองที่ 48,000 ล้านบาท ย่อมสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจมหาศาล

นอกจากนี้ ข้าวโพดและกากถั่วเหลืองจากสหรัฐไม่มีการเผาป่า ซึ่งแตกต่างจากแหล่งนำเข้าเดิม เช่น เมียนมา และบราซิล ดังนั้นการนำเข้าจากสหรัฐจะช่วยให้ประเทศไทยได้แต้มคาร์บอนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมหาศาล

“ต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ของไทย โดยเฉพาะไก่แปรรูป ซึ่งไทยเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 3 ของโลกและมีมาตรฐานคุณภาพระดับเดียวกับยุโรป”

ทั้งนี้ ข้อเสนอการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นข้อเสนอที่ทำให้สหรัฐพึงพอใจอย่างมาก และมีผลตอบรับที่ดีในการเจรจาภาษี เนื่องจากสหรัฐต้องการขายกากถั่วเหลืองที่เหลือจำนวนมาก เมื่อจีนยกเลิกการสั่งซื้อจากสหรัฐกว่า 22 ล้านตัน และหันไปซื้อจากบราซิลแทน

ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยยังคงใช้มาตรการปกป้องเกษตรกรในประเทศ โดยกำหนดเงื่อนไข 3:1 คือ ผู้ประกอบการต้องซื้อข้าวโพดในประเทศ 3 ส่วน จึงจะสามารถนำเข้าข้าวโพดจากต่างประเทศได้ 1 ส่วน เงื่อนไขนี้ใช้ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวของไทย ส่วนนอกฤดูกาลจะสามารถนำเข้าจากสหรัฐได้มากขึ้น

หวั่นเลี่ยงสารเร่งเนื้อแดงยาก

อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงการค้ากับสหรัฐที่จะต้องมีการนำเข้าเนื้อหมูเป็นประเด็นที่อุตสาหกรรมมีความกังวลอย่างมาก แม้ยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจน และเบื้องต้นคาดว่าจะอยู่ที่ 1% ของปริมาณหมูทั้งหมด หรือประมาณ 10,000 ตัน แต่ประเทศไทยมีนโยบายควบคุมและห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดง หากมีการอนุญาตให้นำเข้าเนื้อหมูที่อาจมีการใช้สารเร่งเนื้อแดงจากสหรัฐจะเป็นเรื่องยากมากในการควบคุมและอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้บริโภคในประเทศ รวมถึงทำลายความพยายามตลอด 30 ปีที่ผ่านมา และยังมีความกังวลว่าการอนุญาตให้นำเข้าอย่างเป็นระบบ อาจเปิดช่องให้มีการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนเพิ่มขึ้นอีก

“อุตสาหกรรมหมูของไทยมีมูลค่ากว่า 150,000 ล้านบาท การนำเข้าหมูจากต่างประเทศจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเกษตรกรรายย่อยและเสถียรภาพของอุตสาหกรรม แม้แต่ CPF เองก็เลี้ยงหมูผ่านเกษตรกรคู่สัญญาถึง 95% ซึ่งการควบคุมมาตรฐานจะทำได้ยากขึ้นหากมีสารเร่งเนื้อแดงเข้ามา”

นอกจากนี้ การนำเข้าสินค้าเกษตรบางชนิดมากเกินไปอาจส่งผลกระทบให้มีการเลิกผลิตในประเทศและอาจส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศได้

ปรับแผนธุรกิจ ลงทุนสหรัฐเพิ่ม

นายประสิทธิ์ กล่าวว่า เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนทางการค้าและข้อตกลงใหม่นี้ CPF ได้วางแผนธุรกิจและกลยุทธ์ที่สำคัญ โดยมุ่งเน้นการสร้างความคล่องตัวและกระจายแหล่งรายได้และพอร์ตโฟลิโอธุรกิจไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก เพื่อลดความเสี่ยงจากนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอน

รวมถึงมุ่ง "ผลิตในท้องถิ่น ขายในท้องถิ่น" (Local for Local) จะเน้นกลยุทธ์การผลิตสินค้าในแต่ละประเทศเพื่อขายในประเทศนั้นๆ ให้มากขึ้น ยกเว้นประเทศไทยและเวียดนามที่ยังคงเป็นศูนย์กลางการพัฒนาและนวัตกรรมเพื่อการส่งออก

นอกจากนี้ ยังมีแผนในอนาคตที่จะลงทุนเพิ่มเติมในสหรัฐ จากเดิมที่มีโรงงานอาหารสำเร็จรูป (พร้อมทาน) ซึ่งลงทุนไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งยังอยู่ระหว่างการพิจารณาแผนการลงทุนเพิ่มเติมอื่นๆ เนื่องจากสหรัฐได้อัตราภาษีส่งออก 0% ไปยังหลายประเทศ ทำให้ตลาดสหรัฐน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

ขณะเดียวกัน ต้องมีการปรับสายการผลิต สำหรับสินค้าบางประเภทที่เคยส่งออกจากไทยไปสหรัฐเช่น เกี๊ยวกุ้ง อาจต้องย้ายฐานการผลิตไปทำในสหรัฐแทน ทำให้ต้องมีการลงทุนในสายการผลิตใหม่ รวมถึงยังมีแผนจะลงทุนเพิ่มในสายการผลิตข้าวกล่องและพิซซ่าในประเทศไทย

ทั้งนี้ CPF ไม่มีฟาร์มหมูหรือไก่ในสหรัฐ แม้จะเคยลงทุนแต่ได้ขายฟาร์มปศุสัตว์ในสหรัฐออกไปแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน เนื่องจากคุณภาพไม่ดีและไม่คุ้มค่ากับการยกระดับ โดยจะเน้นการผลิตอาหารแปรรูปพร้อมทานแทน

นอกจากนี้ CPF ยังมุ่งเดินหน้าการใช้เทคโนโลยีด้านวิศวกรรมและ AI เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และวิเคราะห์ข้อมูลในกระบวนการผลิตอาหารสัตว์และการเลี้ยงสัตว์

โดยเร็วๆ นี้ CPF จะมีการจัดตั้งทีมนำเข้าจากสหรัฐเข้ามาในเครือข่ายของบริษัท ซึ่งเป็นโอกาสเมื่อไทยเปิดนำเข้าจากสหรัฐ 0% โดยเฉพาะสินค้าเกษตรหลายตัว อาทิ ผลไม้ฤดูหนาว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

‘พีซีแอล’กางยุทธศาสตร์โรงแรมไทยสู่สมรภูมิโลก สู้พายุเศรษฐกิจ

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ขอวีซ่าท่องเที่ยว 'อเมริกา' อ่วม สหรัฐจ่อเก็บเงินประกันเฉียดครึ่งล้าน!

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

SONP จับมือ Google เวิร์คช็อปเข้ม การใช้เครื่องมือ AI ในกองบรรณาธิการ

สยามรัฐ

TU ตัดขาย “ไทยยูเนี่ยน ไลฟ์ไซเอนซ์” ทั้งหมด ไร้ผลกระทบการดำเนินงาน

ข่าวหุ้นธุรกิจ

โตชิบาเดินหน้ากลยุทธ์รีเทล เปิด Flagship Store ใหม่ ตอกย้ำจุดยืนแบรนด์คุณภาพญี่ปุ่น

สยามรัฐ

CPF เปิดแผนรับมือ Tariff “เทคโนโลยี-กระจายรายได้” สู้ศึกหมูนำเข้า

ข่าวหุ้นธุรกิจ

อั้นไว้ก่อน! OR-BCP ลดราคา “เบนซิน-แก๊สโซฮอล์” 40 สต. มีผลพรุ่งนี้

ข่าวหุ้นธุรกิจ

ทรูคอร์ปอเรชั่น โชว์ผลงาน Q1/68 กำไรสุทธิ 2.0 พันล้าน ทำกำไรต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน

สยามรัฐ

ไม่ต้องกลัวลืม...จ่ายค่าผ่านทางพิเศษ แค่สมัคร Easy Pass วันนี้ แถม! รับเงินคืน 50 บาท

สยามรัฐ

บอร์ด INSET ไฟเขียวควักเงิน 78 ลบ. ซื้อหุ้นคืน 40 ล้านหุ้น เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน

ข่าวหุ้นธุรกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...