จเรตำรวจแห่งชาติเปิดปฏิบัติการ ‘ปิดประตูทุบหม้อข้าว ล้างบางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตั้งเป้า 3 เดือน
วันนี้ (4 สิงหาคม) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ ศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ (ศกค.) หรือ International Anti-Scam and Human Trafficking Syndicate Command Center (IAC) เป็นประธานการประชุมเปิดปฏิบัติการ ปิดประตูทุบหม้อข้าว โดยมีเป้าหมายล้างบางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะฐานปฏิบัติการสำคัญของโลกในกัมพูชา ภายในระยะเวลา 3 เดือน
การประชุมครั้งนี้มีผู้แทนจากหลากหลายหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมวอร์รูม IAC อาทิ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.), สุริยน ประภาสะวัต อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 สำนักงานอัยการสูงสุด, ผู้แทนจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, ตำรวจภูธรภาค 2, กระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, ธนาคารแห่งประเทศไทย, สำนักงาน กสทช., สำนักงาน ก.ล.ต., สำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ, สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล, สำนักงาน ปปง. รวมถึงสถาบันการเงินต่างๆ และองค์กรระหว่างประเทศอย่าง UNODC, FBI, และ Interpol
พล.ต.อ.ธัชชัยกล่าวว่า การรวมตัวกันของทุกภาคส่วนใน วอร์รูม IAC จะทำให้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงทีในทุกวัน โดยจะขับเคลื่อนไปพร้อมกันทั้งระบบและในทุกมิติ ทั้งการปราบปราม, การระงับบัญชี, และการติดตามเส้นทางการเงิน
ปัจจุบันพบว่าประเทศกัมพูชาเป็นฐานปฏิบัติการสำคัญของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระดับโลก ซึ่งหลอกลวงประชาชนในหลายประเทศอย่างต่อเนื่อง ทำให้การปราบปรามอย่างเร่งด่วนมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้การกวาดล้างฐานปฏิบัติการขนาดใหญ่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
วอร์รูม IAC จึงได้กำหนดมาตรการเชิงรุกภายใต้แนวคิด ปิดประตูทุบหม้อข้าว พร้อมจัดวางกลไกการทำงานอย่างเป็นระบบ มุ่งปฏิบัติการอย่างเข้มข้น เพื่อให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือน
นอกจากนี้ พล.ต.อ.ธัชชัยยังกล่าวถึงกรณีที่มีคนไทยลักลอบข้ามแดนไปทำงานให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชาว่า ถือเป็นการกระทำที่เข้าข่าย ขายชาติ ซึ่งตำรวจจะเร่งติดตามจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดทุกรายอย่างเด็ดขาด เนื่องจากขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวใช้วิธีการหลอกลวงประชาชนไทย เพื่อนำเงินไปสนับสนุนการจัดหาอาวุธ และก่อความไม่สงบที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ
ดังนั้น การปราบปรามจึงต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อเป็นการตัดเส้นเลือดหล่อเลี้ยงเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา และยุติวงจรการหลอกลวงที่สร้างความเสียหายแก่ประชาชนไทยและทั่วโลก