ชูศักดิ์เชื่อ คดี ม.144 ร้องเอาผิด ครม.-สมาชิกรัฐสภา ไม่ซ้ำรอยพิเชษฐ์ เหตุทำตามอำนาจหน้าที่ ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงยุ่งเกี่ยวงบประมาณ
วันนี้ (4 สิงหาคม) ที่อาคารรัฐสภา ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 พ้นสมาชิกภาพ เนื่องจากกระทำการขัดต่อมาตรา 144 ว่าด้วยการมีส่วนแปรญัตติในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ จะกำชับเรื่องการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณอย่างไรไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย โดยระบุว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคล้ายจะชี้ว่าพิเชษฐ์มีส่วนกับการแปรญัตติ ศาลจึงวินิจฉัยไปตามนั้น
สำหรับกรณีคดีที่กลุ่ม ชาญชัย อิสระเสนารักษ์, สมชาย แสวงการ, เจษฎ์ โทณะวณิก ยื่นร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิดคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และ ครม. แพทองธาร ชินวัตร ต่อเนื่องกัน สืบเนื่องจากรัฐบาลดังกล่าวได้เสนอเรื่องต่อกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568
รวมถึงร้องเอาผิดสมาชิกรัฐสภา ทั้ง สส. และ สว.ที่ร่วมกันลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 กรณีรัฐบาลโยกงบปี 2568 วงเงิน 35,000 ล้านบาท ที่เดิมสำนักงบประมาณจัดสรรไว้ให้สถาบันการเงินของรัฐ 5 แห่งเพื่อชำระหนี้เงินกู้ ดอกเบี้ย และเงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย แต่รัฐบาลนำเงินดังกล่าวไปแจกเป็นเงินหมื่นให้ประชาชน หรือดิจิทัลวอลเล็ต ขัดต่อมาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญนั้น
ชูศักดิ์ระบุว่า ตามที่ตนเองจับหลักการจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ว่า ถ้า พ.ร.บ.งบประมาณผ่านสภาไปแล้ว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงพระปรมาภิไธยแล้ว ศาลจะไม่ไปยุ่ง ดังนั้นศาลจึงไม่รับคำร้องในส่วน พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 เนื่องจากเป็นกฎหมายแล้ว มีการลงพระปรมาภิไธยแล้ว ศาลจึงรับคำร้องเฉพาะร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 ที่กำลังพิจารณาอยู่
ชูศักดิ์กล่าวว่า กรณีที่มีผู้ร้องต่อ ป.ป.ช. เป็นการร้องทั่วไปหมด ทั้งร่าง พ.ร.บ. งบประมาณตั้งแต่ปี 2568 ซึ่งแน่นอนที่สุดว่า พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 จบไปแล้ว ส่วนคำวินิจฉัยในส่วน พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 ประเด็นที่ศาลวินิจฉัยคือ ต้องมีข้อเท็จจริงว่าผู้นั้นเข้าไปเกี่ยวข้องกับการแปรญัตติ หากไม่มีข้อเท็จจริงนี้ก็จบ
“ครม. ก็ดี สส. ก็ดี ต่างก็พิจารณาไปตามที่หน่วยรับงบประมาณเสนอมา เขาทำตามหน้าที่และอำนาจที่มีอยู่ เว้นแต่จะมีข้อเท็จจริงว่าเขาไปเกี่ยวข้องไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมก็อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข้อเท็จจริงนั้น” ชูศักดิ์กล่าว
ชูศักดิ์ยังยืนยันว่า ผู้เสนอโครงการดิจิทัลวอลเล็ตก็ไม่เข้าข่ายเช่นกัน
มองปม ‘นายกฯ คนนอก’ เป็นแนวคิดนอกระบบ
สำหรับความเป็นไปได้ที่หาก แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะนำมาสู่แนวคิดนายกรัฐมนตรีคนนอกนั้น ชูศักดิ์กล่าวว่า จากประสบการณ์ของตนที่ผ่านมา ส่วนใหญ่นายกรัฐมนตรีคนนอกจะมาจากแนวคิดนอกระบบ สังเกตดูว่านายกรัฐมนตรีจากมาตรา 7 หรือมาตราใดๆ มักจะเข้ามาในช่วงเวลาที่มีสถานการณ์แบบนี้ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ปฏิเสธการเมือง และนำอำนาจนอกระบบมาเป็นรัฐบาล ส่วนตัวคิดว่าเป็นไปได้ยาก
“คราวนี้ก็ชัดเจน ถามว่าทำไมคุณข้ามคุณชัยเกษม นิติสิริ นอกจากคุณชัยเกษมก็ยังมีคุณอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หรือใครต่อใคร ถ้ามันเกิดอะไรขึ้น คนเหล่านี้ก็ยังคงเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ก็จะถูกข้ามจากระบบไปเลย” ชูศักดิ์กล่าว