โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

หุ้น ‘การบินไทย’ กลับเข้าเทรดวันแรกในรอบกว่า 4 ปี พุ่งแตะ 11 บาท หวังอนาคตติด SET50 ผู้บริหารยันไร้แรงกดดันทางการเมือง ปัดดีลทรัมป์-ไทย ไม่เกี่ยวกับแผนซื้อเครื่องบิน

THE STANDARD

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • thestandard.co
หุ้น ‘การบินไทย’ กลับเข้าเทรดวันแรกในรอบกว่า 4 ปี พุ่งแตะ 11 บาท หวังอนาคตติด SET50 ผู้บริหารยันไร้แรงกดดันทางการเมือง ปัดดีลทรัมป์-ไทย ไม่เกี่ยวกับแผนซื้อเครื่องบิน

วันนี้ (4 ส. ค.) หุ้นของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI กลับเข้ามาซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นวันแรก เปิดการซื้อ-ขายที่ 10.50 บาท โดยเปิดการซื้อขายวันแรกของหุ้น THAI จะไม่มีการกำหนดราคาซื้อ-ขาย ดังนั้นราคาหุ้นจะขึ้นอยู่กับการ Matching ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ของหุ้นที่ยกเลิกการฟื้นฟูกิจการที่กลับมา Resume Trading

อย่างไรก็ดี หากเปรียบเทียบจากราคาปิดสุดท้ายเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่อยู่ที่ 3.32 บาทต่อหุ้น ราคาเปิดการซื้อ-ขายดังกล่าวของหุ้น THAI บวก 7.18 บาท หรือ 216.3% และบวก 6.02 บาท หรือ 134.4% จากราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนที่ 4.48 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเกือบ 3 แสนล้านบาท

การบินไทย เดินหน้าแผนจัดหาเครื่องบินใหม่ ดันรายได้พุ่ง 4 แสนล้าน

ชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าแผนจัดหาเครื่องบินใหม่จำนวน 150 ลำ ภายในปี 2576 เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต โดยมองว่าการเติบโตเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับองค์กรสายการบิน

ปัจจุบันสัดส่วนฝูงบินของการบินไทยอยู่ที่ 60% โบอิง และ 40% แอร์บัส ซึ่งจะมีการทยอยจัดหาเครื่องบินรุ่นลำตัวแคบของโบอิงอีก 32 ลำ โดยจะเริ่มรับมอบลำแรกในปี 2571 และเมื่อแผนจัดหาเครื่องบินใหม่แล้วเสร็จ จะทำให้สัดส่วนฝูงบินในอนาคตเป็น 60% โบอิง และ 40% แอร์บัส หรือมีสัดส่วนเกือบ 50% ใกล้เคียงกัน

ทั้งนี้ แผนดังกล่าวมีเป้าหมายในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจาก 26% เป็น 35% ภายในปี 2572 และคาดว่าจะส่งผลให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นไปถึง 400,000 ล้านบาท

การบินไทย

ภาพ: ชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI

MRO อู่ตะเภาเดินหน้าต่อ แต่เริ่มก่อสร้างไม่ทันปีนี้

สำหรับโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ที่สนามบินอู่ตะเภา ชายกล่าวว่าบริษัทฯ ได้รับจดหมายจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ) หรือ EEC แล้ว และจะตอบกลับภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ โดยแผนการลงทุนยังคงอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างจะยังไม่เริ่มภายในปีนี้ เนื่องจากต้องใช้เวลาในการออกแบบรายละเอียด จ้างผู้รับเหมาและที่ปรึกษา ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้เร็วที่สุดภายใน 1-2 ปีข้างหน้า โดยโครงการนี้จะเป็นการร่วมมือกับ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ในรูปแบบการใช้พื้นที่ร่วมกัน ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะใช้พื้นที่มากกว่า 30 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมด 220 ไร่

คาดผลประกอบการยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง

ชายแสดงความมั่นใจว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมาย โดยที่ผ่านมาการบินไทยมีกำไรต่อเนื่อง 10 ไตรมาสติดต่อกัน ทั้งในช่วงโลว์ซีซั่นและไฮซีซั่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาตลาดนักท่องเที่ยวบางประเทศจะลดลง แต่การบินไทยได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากตลาดหลักของบริษัทฯ คือเส้นทางบินระยะไกล (Long Haul) ได้แก่ ยุโรปและออสเตรเลีย รวมถึงสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนยังคงอยู่ที่ 5% ของรายได้ทั้งหมดเท่านั้น และแม้จะมีเหตุการณ์ความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับจำนวนผู้โดยสาร

“เราไม่ได้พึ่งพาการขายตั๋วเข้า-ออกประเทศไทยอย่างเดียว แต่สามารถขยายเส้นทางบินไปที่อื่นได้ ทำให้เราไม่กังวลเรื่องนักท่องเที่ยว” ชายกล่าว

มองความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับคืน ดันราคาหุ้นเกินคาด

ในส่วนของความเชื่อมั่นนักลงทุน ชายกล่าวว่าดีใจที่ราคาหุ้นของบริษัทฯ เกินกว่าที่คาดหมายไว้ โดยเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดทุนมีการปรับตัวสูงขึ้น และการบินไทยเป็นหนึ่งในหุ้นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investor)

ชายยังได้กล่าวถึงความสำเร็จในการปรับโครงสร้างองค์กรอย่างต่อเนื่อง ทั้งการควบคุมต้นทุน การปรับปรุงการบริหารจัดการค่าเช่าเครื่องบิน และการนำระบบประเมินผลการปฏิบัติงาน (KPI) มาใช้กับพนักงานและผู้บริหาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้องค์กรแข็งแกร่งและพร้อมที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต

ยืนยันจ่ายปันผล และมุ่งสู่ SET50

ด้าน ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การบินไทยจะพิจารณาจ่ายปันผลหากบริษัทมีกำไรสุทธิ โดยนโยบายการจ่ายปันผลอยู่ที่อย่างน้อย 25% ของกำไรสุทธิ ทั้งนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาและช่วงไตรมาสที่ 1-2 ของปี 2568 ที่ดี จะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

ลวรณได้ฝากความเชื่อมั่นถึงนักลงทุน โดยหวังว่าการบินไทยจะกลับมาอยู่ในดัชนี SET50 ได้ในอนาคต โดยระบุว่าปัจจัยที่จะช่วยผลักดันให้เป็นไปตามเป้าหมายคือผลสำเร็จในการบริหารงานภายใต้แผนฟื้นฟูฯ รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่าย การสร้างรายได้ และการบริหารงานอย่างโปร่งใสมีธรรมาภิบาล

ภาพ: ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)

‘การบินไทย’ ยันไร้แรงกดดันทางการเมือง ปัดดีลทรัมป์-ไทย ไม่เกี่ยวแผนซื้อเครื่องบิน

ลวรณกล่าวต่อว่า แผนการจัดหาเครื่องบิน 45 ลำเป็นการตัดสินใจที่เกิดขึ้นก่อนการเจรจาภาษีการค้าตามนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ระหว่างสหรัฐฯ กับรัฐบาลไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทยได้จัดหาเครื่องบินตามแผนธุรกิจที่วางไว้แล้ว โดยยืนยันว่าการบริหารงานของบริษัทเป็นไปอย่างมืออาชีพและเป็นอิสระจากปัจจัยภายนอก

“ผมเชื่อว่าความอิสระในการบริหารงานอย่างมืออาชีพ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การบินไทยเติบโตอย่างยั่งยืน” ลวรณกล่าว

ขณะที่ชายชี้แจงเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันการบินไทยได้ตัดสินใจที่จะใช้สิทธิซื้อเครื่องบินตามตัวเลือก (Option) ที่มีอยู่บางส่วนแล้ว แต่ยังคงเหลือสิทธิอีกจำนวนหนึ่ง โดยระบุว่าแผนการใช้สิทธิที่เหลือจะขึ้นอยู่กับความต้องการทางธุรกิจในอนาคต ซึ่งจะพิจารณาเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

สำหรับคำถามถึงแรงกดดันจากภาครัฐบาลต่อการจัดหาเครื่องบิน ชายยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีแรงกดดันจากภาครัฐบาลในการให้จัดซื้อเครื่องบินจากสหรัฐฯ โดยระบุว่าการตัดสินใจของบริษัทอยู่บนพื้นฐานทางธุรกิจอย่างแท้จริง

ส่วนแผนจัดหาเครื่องบิน 30 ลำในตัวเลือก (Option) ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ จะมีการพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งการบินไทยยังคงมีเวลาในการตัดสินใจเนื่องจากเครื่องบินล็อตแรกตามแผนการจัดหาเดิมจะเริ่มส่งมอบได้ในช่วงต้นปี 2571 จากที่กำหนดไว้เดิมคือกลางปี 2570 เนื่องจากปัญหาด้านการผลิตในอุตสาหกรรม

สถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา คลี่คลายเที่ยวบินกลับมาปกติ

ชายระบุถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาว่า ขณะนี้เที่ยวบินระหว่างไทย-กัมพูชากลับสู่ภาวะปกติแล้ว โดยการบินไทยทำการบินวันละ 2 เที่ยวบิน และยืนยันว่าจำนวนผู้โดยสารยังคงเป็นไปตามปกติที่เคยคาดการณ์ไว้

เปิดเบื้องหลัง ‘การบินไทย’ ฟื้นตัวระดับโลก ปัจจัยชี้ขาดคือ ‘ธรรมาภิบาล’

บรรยงค์ พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) ในฐานะที่ปรึกษาของ บริษัทการบินไทย กล่าวว่า การฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย ถือเป็นเคสที่น่าสนใจในระดับโลก จากการพลิกฟื้นองค์กรที่เคยอยู่ในภาวะวิกฤตจนกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง ซึ่งความสำเร็จและปัจจัยสำคัญที่ทำให้การบินไทยแตกต่างจากสายการบินชั้นนำในอดีตที่ล้มละลายไปในที่สุด

บรรยงค์ชี้ให้เห็นถึงความผันผวนของอุตสาหกรรมการบิน โดยยกตัวอย่างสายการบินยักษ์ใหญ่ในอดีตอย่าง TWA และ Pan Am ซึ่งเคยเป็นเบอร์หนึ่งของโลก แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นเพียงตำนาน เนื่องจากล้มละลายและไม่สามารถฟื้นตัวได้ นอกจากนี้ยังมีสายการบินที่ปัจจุบันยังคงอยู่แต่ก็เคยผ่านวิกฤตล้มละลายมาแล้ว เช่น United Airlines และ Swissair ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของ Lufthansa รวมถึงสายการบินล่าสุดอย่าง Alitalia ที่ต้องให้รัฐบาลอิตาลีและ Lufthansa เข้ามาฟื้นฟูจนกลายเป็นสายการบินใหม่ชื่อ ITA Airways

ความแตกต่างระหว่าง ‘JAL’ และ ‘การบินไทย’

บรรยงค์ได้เปรียบเทียบการฟื้นตัวของการบินไทยกับ Japan Airlines (JAL) ซึ่งถือเป็นกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จระดับโลก แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญหลายประการ

  • JAL ฟื้นตัวในภาวะที่อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกอยู่ในช่วงขาขึ้น ขณะที่ การบินไทย ฟื้นตัวในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่ดีนัก
  • JAL ตัดสินใจให้ผู้ถือหุ้นเก่าเป็นศูนย์ และเจ้าหนี้ถูกตัดหนี้ไปกว่าครึ่งหนึ่ง แต่การบินไทยยังคงมีผู้ถือหุ้นเก่าอยู่และสามารถกลับมาดำเนินการได้
  • สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือ การบินไทยฟื้นตัวได้โดยที่รัฐบาลไม่ต้องอัดฉีดเงินในช่วงแรก มีเพียงการเพิ่มทุนในระยะหลัง ซึ่งรัฐบาลได้ใส่เงินเพิ่มไป 20,000 ล้านบาท แต่เมื่อพิจารณามูลค่าหุ้นในปัจจุบันที่ราคาสูงถึง 10 บาทต่อหุ้น มูลค่าการลงทุนของรัฐเพิ่มขึ้นเป็นหลักแสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นความสำเร็จอย่างแท้จริง

ปัจจัยชี้ขาดเพื่อไม่ให้กลับไปวังวนเดิม ‘ธรรมาภิบาล’

บรรยงค์ระบุต่อว่า ปัจจัยสำคัญที่ขอเน้นย้ำมากที่สุดคือการป้องกันไม่ให้องค์กรการบินไทยกลับไปเผชิญวิกฤตเดิมอีกครั้ง ซึ่งคำตอบมีเพียงคำเดียวคือธรรมาภิบาล (Governance)

พร้อมยังเน้นย้ำว่า กรรมการบริษัทจะต้องไม่ปล่อยให้การเมืองหรือบุคคลภายนอกเข้าแทรกแซงการบริหารงาน การแต่งตั้งบุคลากรจะต้องเป็นไปตามหลัก Merit Based หรือหลักการพิจารณาจากความรู้ความสามารถเป็นสำคัญ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STANDARD

บ้านปู เพาเวอร์ พร้อมขยายการลงทุนในสหรัฐฯ หนุนไทยปิดดีลภาษีทรัมป์อย่างเป็นทางการ

20 นาทีที่แล้ว

Kenny’s BKK Sukhumvit 31 สาขาที่เสิร์ฟพิซซ่าโฮมเมดในบ้านหลังใหญ่และสนุกขึ้น

28 นาทีที่แล้ว

เปิดดีล ‘ภาษีทรัมป์’ แต่ละประเทศในอาเซียนแลกกับอะไรบ้าง

38 นาทีที่แล้ว

กต. แจง ไทยส่งทหารพร้อมยุทโธปกรณ์เข้าพื้นที่ช่องอานม้าในเขตอธิปไตยไทย ยันกัมพูชารุกล้ำดินแดน ไทยเคยประท้วงไปหลายครั้ง

52 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

คืบหน้าคดีเจ้าอาวาสวัดม่วง ตรวจสอบ 8 บัญชีวัด พร้อมไวยาวัจกร 1 คน

The Bangkok Insight

มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา

สำนักข่าวไทย Online

เสียงสะท้อน ‘ชรบ.’ ประชาชนแนวรบ รักษาหมู่บ้านในยามวิกฤต

THE STANDARD

สภาพอากาศวันพรุ่งนี้ เตือน 29 จังหวัดยังมีฝนฟ้าคะนอง ทะเลอันดามันคลื่นสูง

The Bangkok Insight

เช็กเส้นทางรถติด ต้องเลี่ยง! เดินทางไปกับ คู่หูจราจร : 4 สิงหาคม 2568

สวพ.FM91

“ศุภชัย” ชี้เขากระโดง ไม่มีใครบุกรุก

สำนักข่าวไทย Online

ชาวบุรีรัมย์ผู้มีเอกสารสิทธิฯ เตรียมแถลงปมที่ดินเขากระโดง

สำนักข่าวไทย Online

บ้านปู เพาเวอร์ พร้อมขยายการลงทุนในสหรัฐฯ หนุนไทยปิดดีลภาษีทรัมป์อย่างเป็นทางการ

THE STANDARD

ข่าวและบทความยอดนิยม

จุลพันธ์ไม่ห่วงเสนอ ‘ดีลภาษีสหรัฐฯ’ เข้าประชุมสภา แม้เสียงปริ่มน้ำ ย้ำเร่งกวดขันสินค้าส่งผ่าน

THE STANDARD

เศรษฐกิจ – ตลาดหุ้นไทย จะเป็นอย่างไรต่อ? หลังทรัมป์เคาะภาษีตอบโต้ 19% สินค้าสวมสิทธิ์อีก 40%

THE STANDARD

นักวิชาการเตือน ดีลทรัมป์ไทยได้ประโยชน์ไม่มาก ควรมุ่งสู่เศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยภาคบริการ

THE STANDARD
ดูเพิ่ม
Loading...