‘ธีรรัตน์’ ห่วง 4 จังหวัด 8 อำเภอยังอ่วมน้ำท่วมจากพายุ ‘วิภา’
เมื่อวันที่ 4 ส.ค. น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน "วิภา" โดยมีนายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม ที่ปรึกษา รมช.มหาดไทย นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นายสมลักษ์ ยกน้อยวงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นายบุญเหลือ บารมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก น.ส.นิติยา พงษ์พานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เข้าร่วมประชุม
โดย น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์อุทกภัย และรายงานผลการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยจากทุกจังหวัด ซึ่งภาพรวมส่วนใหญ่สถานการณ์ในพื้นที่เริ่มคลี่คลายกลับเข้าสู่ภาวะปกติ มีการดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย และฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยในทุกด้าน แต่ในบางพื้นที่ยังคงมีน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่ทางการเกษตร และยังคงมีประชาชนบางส่วนได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัย กระทรวงมหาดไทย มีความห่วงใยประชาชน และยังติดตามสถานการณ์การให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมประสานการปฏิบัติในการให้ความช่วยเหลือประชาชนให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว ทั่วถึง จนกว่าสถานการณ์ทุกพื้นที่จะคลี่คลายกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ตนจึงมีข้อสั่งการให้จังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วเร่งสำรวจความเสียหายและจัดทำบัญชีความเสียหายทุกด้าน พร้อมเร่งให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัยตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว รวมถึงฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน โดยเฉพาะระบบไฟฟ้าและประปาในพื้นที่ประสบภัยที่ได้รับความเสียหาย ให้กลับมาให้บริการประชาชนได้ตามปกติโดยเร็ว
รมช. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ต้องประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร ทั้งการคาดการณ์สภาพอากาศ ขั้นตอนของการช่วยเหลือเยียวยา ผู้ประสบภัยของหน่วยงานภาครัฐแก่สาธารณชนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน อีกทั้ง ตนกำชับให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญในการวางแผนการฟื้นฟูในระยะยาว เพื่อเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงที่จะเกิดสถานการณ์ซ้ำในพื้นที่เดิม ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ประชาชนในพื้นที่เป็นประจำทุกปี โดยให้ประชาชนในพื้นที่ เข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผนมรับมือภัยพิบัติในพื้นที่ของตนเอง ซึ่งจะทำให้การแก้ไขปัญหาในระยะยาวได้รับความร่วมมือจากประชาชน เนื่องจากเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงหากเกิดสถานการณ์ขึ้นในห้วงต่อไป
ด้านนายสหรัฐ กล่าวว่า ปภ. ได้ติดตามสถานการณ์น้ำ และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนวิภา และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่ส่งผลให้ห้วงวันที่ 21 ก.ค.ปัจจุบัน-4 ส.ค. เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 12 จังหวัด ได้แก่ จ.น่าน เชียงราย พะเยา ลำปาง เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน แพร่ สุโขทัย พิษณุโลก ตาก อุตรดิตถ์ และเลย รวม 74 อำเภอ 365 ตำบล 2,390 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 74,591 ครัวเรือน 233,487 คน มีผู้เสียชีวิต 8 ราย แบ่งเป็น จ.น่าน 5 ราย พะเยา 2 ราย และแพร่ 1 ราย ปัจจุบัน ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จ.น่าน เชียงราย สุโขทัย และพิษณุโลก รวม 8 อำเภอ 18 ตำบล 52 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,135 ครัวเรือน 11,594 คน โดยสถานการณ์ระดับน้ำในภาพรวมจังหวัดน่าน เชียงราย และสุโขทัย ระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง ส่วนจังหวัดพิษณุโลก ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
นายสหรัฐ กล่าวอีกว่า สำหรับ ปภ. ยังให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัยในพื้นที่ 4 จังหวัดที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ โดยได้ระดมเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัย ประกอบด้วย รถบรรทุกติดตั้งเครื่องสูบน้ำระยะไกล รถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัย รถประกอบอาหาร รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย เรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำ เพื่อเร่งคลี่คลายสถานการณ์และให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง.