ทรัมป์เผย! คุยไทยและกัมพูชาตกลงจะเจรจาหาข้อสรุปหยุดยิง
วันที่ 27 กรกฎาคม 2568 เวลา 5:19 น. โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าเมื่อวันเสาร์ เขาได้พูดคุยกับผู้นำไทยและกัมพูชา เพื่อยุติความขัดแย้งบริเวณชายแดนที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก พร้อมขู่ว่าถ้าสองฝ่ายไม่หยุดยิงก็ไม่ต้องมาคุยเรื่องภาษีกับสหรัฐฯ
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม 2568 กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เอ่ยถึงประเด็นความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทยและกัมพูชาที่มีการปะทะกันจนสูญเสียทั้งทหารและพลเรือนจำนวนมาก โดยกล่าวว่า เขาได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและรักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย เพื่อให้ยุติความขัดแย้งด้วยการหยุดยิงทันที
"ผมเพิ่งพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเกี่ยวกับการยุติสงครามกับไทย" ทรัมป์ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนสกอตแลนด์ กล่าวในโพสต์บนเครือข่าย Truth Social ของตนเอง
"เช่นเดียวกัน ผมก็ได้พูดคุยกับรักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย และมันเป็นการสนทนาที่ดีมาก" เขาโพสต์อีกครั้งไม่นานหลังจากนั้น
ทรัมป์ระบุเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยและกัมพูชาต่างต้องการสันติภาพและการหยุดยิงทันที
"ตอนนี้ผมจะส่งต่อข้อความนั้นกลับไปยังนายกรัฐมนตรีกัมพูชา หลังจากพูดคุยกับทั้งสองฝ่ายแล้ว การหยุดยิง, สันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมชาติ เราจะได้รู้กันเร็วๆ นี้"
"ผมพยายามทำให้สถานการณ์ที่ซับซ้อนนี้ดูง่ายขึ้น มีผู้เสียชีวิตมากมายในสงครามครั้งนี้ แต่มันทำให้ผมนึกถึงความขัดแย้งระหว่างปากีสถานและอินเดีย ซึ่งยุติลงได้สำเร็จ" ทรัมป์กล่าวโดยเปรียบเทียบการเป็นตัวกลางสงบศึกล่าสุดระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านเอเชียใต้ซึ่งโจมตีใส่กันหลังจากเกิดกรณีรุนแรงที่เริ่มต้นขึ้นในแคชเมียร์
ทรัมป์ยังระบุด้วยว่าเขาจะไม่เดินหน้าเจรจาข้อตกลงการค้ากับทั้งสองประเทศอาเซียนจนกว่าการสู้รบจะยุติลง โดยล่าสุดทรัมป์เปิดเผยว่าไทยและกัมพูชายอมตกลงเข้าสู่การเจรจาแล้ว
ขณะที่อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการปะทะด้วยอาวุธ และเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่าย "ตกลงหยุดยิงโดยทันที" รวมทั้งหารือเพื่อหาทางออกที่ยั่งยืน
ฟาร์ฮาน ฮัก รองโฆษกของเลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวในแถลงการณ์ว่า "เลขาธิการสหประชาชาติประณามการสูญเสียชีวิต, การบาดเจ็บของพลเรือน และความเสียหายต่อบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานของทั้งสองฝ่ายที่น่าเศร้าและไม่ควรเกิดขึ้นเลย"
ทั้งนี้ ความตึงเครียดปะทุขึ้นเหนือพื้นที่ปราสาทโบราณที่มีการโต้แย้งกันมายาวนาน ก่อนที่การสู้รบจะแผ่ขยายไปทั่วพื้นที่ชายแดนชนบทของสองประเทศซึ่งมีสันเขาล้อมรอบไปด้วยป่าดงดิบและพื้นที่เกษตรกรรมที่ชาวบ้านทำสวนยางพาราและข้าว