24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 18 กรกฎาคม 2568
24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 18 กรกฎาคม 2568
>> หนุ่มขี่รถจักรยานยนต์ชนกับรถเทรลเลอร์ เสียชีวิตริมถนนสายหล่มสัก - สระบุรี
07.38 น. หน่วยกู้ภัยสว่างบึงสามพันธรรมสถาน ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับรถบรรทุกพ่วง และมีผู้บาดเจ็บสาหัส บนถนนหมายเลข 21 เส้นทางหล่มสัก - สระบุรี ฝั่งตรงข้ามปั๊มน้ำมัน โคกตายอ ในพื้นที่ อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีขาว ป้ายทะเบียน เพชรบูรณ์ ลักษณะชนท้ายรถเทรลเลอร์ วอลโว่ สีขาว ป้ายทะเบียน กทม. ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นผู้ชาย อายุประมาณ 15 - 20 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บึงสามพัน
>> เพลิงไหม้บ้านทาวน์โฮม ซอยรามคำแหง 72 เสียหายวอดทั้งห้อง
08.34 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดเหตุ ซอยรามคำแหง 72 แยก 1 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็น ทาวน์โฮม 2 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้นบน ภายในห้องนอน เพลิงลุกไหม้ห้องนอนเสียหายทั้งหมด ลุกลามคูหาข้างเคียง เสียหายเล็กน้อย พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 16 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจาก ไม่ทราบสาเหตุเนื่องจากเพลิงลุกไหม้เสียหายทั้งหมด ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยหัวหมาก
>> "บิ๊กเต่า" ยืนยันร่วมสำนักพุทธฯ เดินหน้าสางคดี สีกากอล์ฟ ย้ำไม่ได้ขัดแย้ง
10.30 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เผยถึงความคืบหน้าที่ เจ้าหน้าที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เข้าขอข้อมูลหลักฐานเส้นทางการเงินของวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เราต้องการเส้นทางการเงินของวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารย้อนหลัง 3 ปี เนื่องจากผู้ช่วยเจ้าอาวาส มีส่วนเกี่ยวข้องกับสีกากอล์ฟ โดยเราจะตรวจสอบคดีอาญาคู่ขนาน ไปกับวินัยสงฆ์ จะเก็บพยานหลักฐานทุกอย่างเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนที่เจ้าอาวาสจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้น อย่าพึ่งไปกล่าวหา ขอให้ดำเนินการตรวจสอบกับพระทั้ง 13 รูปก่อน ก่อนที่จะขยายผลไปกับบุคคลอื่น รวมไปถึงเจ้าอาวาสวัดด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นบุคคลใกล้ชิดและยังเป็นผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยทิดประสิทธิ์ เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสองที่ แต่หากการตรวจสอบพบว่าเกี่ยวข้องกับใคร จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาแน่นอน
สำหรับพฤติการณ์ต่างๆ ของพระแต่ละรูป เช่น ที่มีการขนเงินทำบุญใส่รถกระบะมาให้สีกากอล์ฟ หลายครั้งนั้น เรื่องนี้ตำรวจยืนยันว่ามีหลักฐานชัดเจน โดยหลังจากนี้ทางตำรวจจะมุ่งเน้นในเรื่องของเส้นทางการเงิน โดยไม่ได้หยุดแค่พระสึกแล้วจบ แต่มุ่งเน้นเส้นเงินที่เชื่อมไปบุคคลภายนอกที่เป็นฆราวาส หรือบุคคลใกล้ชิดกับพระ ที่จะเข้าข่ายการทุจริตด้วย
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยัน การร่วมงานกันระหว่างตำรวจและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นไปด้วยความเข้าใจกัน ไม่ได้จูบปากแต่เป็นเพียงการหอมแก้มกัน หลังจากที่มีการสะท้อนปัญหาและมุมมองในการทำงาน ซึ่งการทำงานไม่ควร “ค่ะ ครับ” แล้วเรื่องจบ ต้องมีแรงกระแทกให้เห็นว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ต้องตื่นตัว ต้องแก้ไขกระบวนการ โดยการทำงานร่วมกันทุกอย่างจะต้องมีความจริงใจต่อกัน พร้อมย้ำว่าไม่ได้มีการขัดแย้งกัน
>> ลุยค้นโกดังส่งขายยากันยุงเถื่อน ไร้ฉลากไทย ไร้ อย. พบลอบขายออนไลน์
10.49 น. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกันจับกุม นายกอ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี เพื่อดำเนินคดีในความผิดฐาน “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้ โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร” อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ พร้อมกับตรวจยึดของกลางยากันยุง รวมกว่า 2,400 กล่อง หลังบุกเข้าตรวจค้นและจับกุม ที่อาคารพานิชย์แห่งหนึ่งในพื้นที่ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 2 บก.ปอศ ได้ดำเนินกวาดล้าง ตรวจค้นจับกุมสินค้าที่มีการลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ ประเภทยากันยุง ซึ่งอาจมีสารอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา โดยพบว่ามีสินค้ายากันยุงที่ลักลอบนำเข้าจากประเทศจีนส่วนใหญ่เป็นยี่ห้อที่มีสัญลักษณ์ รูปเด็กอ่อน, รูปกวาง และรูปเสือ มีการเสนอจำหน่ายในสื่อโซเชียล ทางแพลตฟอร์มออนไลน์อยู่อย่างแพร่หลาย เมื่อทำการสืบสวนต่อเนื่องจึงพบว่าสินค้าเหล่านี้มีสถานที่จัดส่งมาจากอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ในจังหวัดสมุทรสาคร เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อเข้าทำการตรวจค้น อาคารดังกล่าว
ผลการตรวจค้นพบสินค้าประเภทยากันยุง ที่มีฉลากข้างกล่องเป็นภาษาจีนมีแหล่งที่มาจากต่างประเทศ หลากหลายยี่ห้อ เก็บไว้ในอาคารดังกล่าวเพื่อเตรียมส่งออกให้กับลูกค้า จำนวน 2,400 กล่อง ตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบเอกสารการนำเข้าและการชำระภาษีศุลกากรใดๆ จึงได้ตรวจยึดและดำเนินคดีกับผู้ต้องหา พร้อมกับตรวจยึดของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 2 กองบังคับการ ปอศ. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยจะมีการขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมต่อไป
>> "แพทองธาร" ควง รมช.กลาโหม ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เยี่ยมให้กำลังใจทหารพรานเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย
11.01 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ช่องบกอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์
โดยพลเอกณัฐพล กล่าวว่า วันนี้ กองทัพบกจะมีการมอบเงินช่วยเหลือให้กับทหารพรานที่ได้รับบาดเจ็บ ทั้ง 3 นาย เมื่อนางสาวแพทองธาร ทราบเรื่อ จึงขอร่วมคณะไปด้วย และจะมีการมอบเงินช่วยเหลือในส่วนของนางสาวแพทองธาร สำหรับในส่วนของนายทหารที่ขาขาด จะได้รับ เงินบำรุงขวัญพระราชทานประมาณ 50,000 บาท และเงินช่วยเหลือประมาณ 900,000 บาท ต่อจากนี้ยังจะพิจารณาบรรจุญาติเข้ารับราชการทหารซึ่งในเบื้องต้นพี่สาวของนายทหารนายดังกล่าว แสดงความประสงค์จะเข้ารับราชการ ส่วนตัวของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บขาขาดจะได้รับเงินดูแลประมาณเดือนละ 15,600 บาท และ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 2 คนจะได้รับเงินประมาณ 10,000 บาท
ส่วนเรื่องของการตรวจสอบวัตถุระเบิดว่าเป็นของใหม่หรือของเก่านั้น พลเอกณัฐพล กล่าวว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และตนในฐานะ ผอ.ทก. ไม่สามารถพูดตามความเชื่อได้ต้องดูตามพยานหลักฐาน แต่ยอมรับว่าในพื้นที่ปัจจุบันยังมีระเบิดเก่าอยู่ แต่หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นระเบิดใหม่ ยืนยันว่าจะไม่หยุดนิ่ง เพราะทั้ง 2 ประเทศอยู่ในอนุสัญญาอนุสัญญาออตตาวา หากเป็นระเบิดใหม่ก็จะถือว่าผิดอนุสัญญาดังกล่าว เบื้องต้นให้เวลาการตรวจสอบ 2-3 วัน เพราะเข้าใจว่าทุกคนอยากทราบข้อเท็จจริง แต่จะเอาความเชื่อและความคิดพูดก่อนไม่ได้ หากพูดไปต้องมีหลักฐาน ซึ่งตนได้เร่งเรื่องการตรวจสอบขอให้ทุกคนรอผลการตรวจสอบ ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ ที่ระเบิดดังกล่าวจะเป็นของใหม่ เพราะก็มีข่าวเรื่องนี้มาเหมือนกัน แต่จากข้อมูลด้านการข่าวก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ต้องรอพิสูจน์จากหลักฐานเพิ่มเติม พร้อมยอมรับว่าหากเป็นระเบิดใหม่จะมีเทคโนโลยีที่ไม่สามารถตรวจพบได้ อย่างเช่นระเบิดพลาสติก
ส่วนจะต้องเข้มงวดเรื่องการลาดตระเวนเพิ่มขึ้นหรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่าต้องเข้มงวดมากขึ้น โดยได้สั่งการไปยังแม่ทัพภาคที่ 2 ให้ กำชับผู้ปฏิบัติการในพื้นที่ ใช้ความระมัดระวัง
>> ตำรวจพิสูจน์หลักฐานชี้ต้นเพลิง “ร้านสปา” ลามร้านราเมน – เตือนอย่าเสียบปลั๊กค้างไว้
11.31 น. พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) พร้อมทีมงาน เข้าตรวจสอบอาคารที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ย่านสยามสแควร์ พบต้นเพลิงมาจากร้านสปา ก่อนลุกลามมายังร้านราเมน ซึ่งใช้ทางขึ้นเดียวกัน และมีห้องเก็บของร่วมกันที่ชั้น 3
จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเพลิงอาจเกิดจากสายไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสียบทิ้งไว้กลางคืน เจ้าหน้าที่ได้เก็บหลักฐานทั้งหมดแล้ว รอผลตรวจเพื่อใช้ประกอบสำนวนคดีหรือยื่นประกันภัย โชคดีเหตุเกิดช่วงเช้า เพลิงควบคุมได้เร็ว ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ขณะที่เจ้าของร้านให้ความร่วมมือดี และยังอยู่ในอาการตกใจ
ตำรวจ พฐ. ฝากเตือนประชาชนให้ระวังการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะในเวลากลางคืน พร้อมแนะหน่วยงานในพื้นที่สยามสแควร์เพิ่มมาตรการป้องกันเหตุซ้ำรอย
>> จร.สน.วิภาวดี กวดขันรถจักรยานยนต์ ใช้ช่องทางหลัก ถนนวิภาวดีรังสิต และรถจอดกีดขวางการจราจร
12.56 น. พ.ต.ท.ดามพวร ทองอิ่ม (วิภา 1) , พ.ต.ต.ภุชงค์ เม้าทุ่ง (วิภา 6 ) เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.วิภาวดีได้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในการจราจรบริเวณ ช่องทางหลัก เบี่ยงข้ามคลองหลักสี่ ถนนวิภาวดีรังสิต ขาเข้า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา
จากการปฏิบัติงาน พบว่ามีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ใช้ช่องทางหลักจำนวน 33 รายทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น
ขอเชิญชวนผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทุกท่าน ร่วมกันใช้ช่องทางที่เหมาะสมตามที่กำหนด เพื่อความปลอดภัยของตนเองและผู้ร่วมทางการขับขี่อย่างมีวินัย คือหนึ่งในพลังเล็ก ๆ ที่ช่วยทำให้ถนนดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน และได้ดำเนินการกวดขันวินัยจราจรอย่างเข้มงวด รถจอดกีดขวางการจราจรบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต ทั้งขาเข้าและขาออก หน้าสนามบินดอนเมือง และสถานีรถไฟดอนเมือง ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการเข้า–ออกเมือง และมีการจราจรหนาแน่นตลอดทั้งวัน
จากการตรวจสอบ พบผู้กระทำความผิด จอดรถในที่ห้ามจอดและกีดขวางช่องทางจราจร กว่า 19 ราย เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการออกใบสั่งและบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด
ขอย้ำว่า ห้ามจอดรถในเขตห้ามจอด หรือกีดขวางช่องทางจราจร เพราะจะส่งผลกระทบต่อการสัญจรของประชาชน และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุหรือความล่าช้าในการเดินทาง
>> ตำรวจ สภ.แม่ปิง รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดเงินคืนได้ 2.6 ล้านบาท
13.02 น. พล.ต.ต. ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมกับชุดสืบสวน ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ แถลงผลจับกุมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้ผู้ต้องหา 3 ราย เป็นหญิงไทย 1 ราย และชายชาวจีน 2ราย
สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุชายชาวจีน 2 คน มีพฤติกรรมข่มขู่หญิงไทยบริเวณห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยหญิงรายนี้ถูกจ้างให้เปิดบัญชีม้า แต่เกิดข้อโต้แย้งเรื่องการแบ่งค่าจ้าง จากการตรวจค้นพบเงินสดกว่า 2,680,000 บาทด้วย จากการสอบสวนผู้ต้องหาจีนรายหนึ่ง ให้การรับสารภาพว่า เดินทางจากกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทย ตามคำสั่งของหัวหน้าขบวนการ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการกดเงินสด โดยมีการนัดหมายกับหญิงสาวเจ้าของบัญชีม้าล่วงหน้า โดยจะพากันตระเวนถอนเงินสดตามสาขาต่างๆ แล้วส่งต่อให้ชาวจีนอีกทอดหนึ่ง ก่อนจะนำเงินไปฝากเข้าธนาคารอื่น เป็นลักษณะการทำงานซ้ำ ๆ ทุกวัน ขบวนการนี้เคยก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และชลบุรี
จากประวัติพบว่าผู้ต้องหาชาวจีนรายนี้เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 15 เม.ย.67 มุ่งหน้าไปที่พัทยา และกลับมาอยู่ที่เชียงใหม่ได้ประมาณ 10 กว่าวัน ส่วนหญิงชาวไทย เจ้าของบัญชีม้า ยอมรับว่าเพิ่งทำเป็นครั้งแรก โดยการชักชวนจากเพื่อนให้เข้ากลุ่ม ได้รับค่าตอบแทน 10,000 บาท ทั้งนี้เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา พร้อมส่งตัวดำเนินคดีต่อไป
>> รถจักรยานยนต์พลิกคว่ำข้างทาง พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย จ.สุพรรณบุรี
13.35 น. สมาคมกู้ภัยจากนารายณ์ ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์พลิกคว่ำและมีผู้บาดเจ็บสาหัส บริเวณริมถนน ใกล้เคียงโรงแรมวาเลนไทน์ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน - ดำ ป้ายทะเบียน 1063 สุพรรณบุรี ลักษณะพลิกคว่ำอยู่ข้างทาง ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต เป็นผู้หญิง 1 ราย จึงประสานแพทย์เวรและร้อยเวร สภ.อู่ทอง ร่วมตรวจสอบที่จุดเกิดเหตุ และได้มอบให้อาสาสมัครเคลื่อนย้ายร่างไปยังโรงพยาบาลเพื่อชันสูตรต่อไป
>> สกัดจับรถสวมทะเบียนเป็นรถแฝด ลักลอบขนแรงงานต่างด้าว
14.34 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง ร่วมกันจับกุม นายจอ (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี ความผิดฐาน “ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม” พร้อมของกลาง รถยนต์กระบะ สีส้ม แผ่นป้ายทะเบียน หมายเลขปลอม 2 แผ่น, แผ่นป้ายแสดงการเสียภาษี โดยจับกุมได้ เส้นทางหลวงหมายเลข 344 กม.30 (ขาออก กทม.) อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี
สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายร้องเรียนผ่านทางเพจเฟสบุ๊ก ตำรวจทางหลวงชลบุรี ว่ารถยนต์กระบะของตน ยี่ห้อนิสสัน สีส้ม ถูกบุคคลอื่นนำไปสวมป้ายทะเบียนและมีการกระทำผิดกฎหมายจราจร จนได้รับใบสั่งจากเจ้าพนักงานจราจร เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงติดตามสืบสวนข้อมูลพบว่ารถที่กระทำความผิด มีลักษณะจงใจนำข้อมูล ทะเบียนรถของผู้เสียหาย มาสวมกับรถตนเอง ให้เสมือนเป็นลักษณะ “รถแฝด” เพื่อใช้ขนแรงงานต่างด้าวฯ จนกระทั่งต่อมา วันที่ 14 ก.ค.68 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่ารถยนต์คันดังกล่าวกำลังขับผ่านมาในเส้นทาง บนทางหลวงหมายเลข 344 (มุ่งหน้าจังหวัดระยอง) จึงได้ไปดักรอสกัดจับ
จากการสอบถามเบื้องต้น นายจอให้การว่า ได้รับรถยนต์คันดังกล่าวจากนายหนุ่ย เมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา โดยได้รับการว่าจ้างให้นำไปใช้ในการรับ–ส่งบุคคลต่างด้าวฯ โดยไม่ทราบมาก่อนว่าป้ายทะเบียน และป้ายภาษีที่ติดมากับตัวรถนั้นเป็นของปลอม เจ้าหน้าที่จึงได้ทำบันทึกนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านบึง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
>> "เอกนัฏ" ลุยขยายผลกากพิษซุกดิน 50,000 ตัน ที่ฉะเชิงเทรา พบบัญชีส่วยนักการเมือง-เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น
15.37 น. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ทีมสุดซอย ร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) มูลนิธิบูรณนิเวศ และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา ลงพื้นที่ตรวจสอบ บริษัท แห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ขยายผลจากกรณีลักลอบฝังขยะอุตสาหกรรมกว่า 50,000 ตัน
นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบเครื่องจักร และกองกากอุตสาหกรรมทั้งบนดินและฝังดิน มีลักษณะการประกอบกิจการคล้ายกับจุดที่ อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ที่เปิดบริษัทรีไซเคิลรับกำจัดกากอุตสาหกรรม แต่ไม่นำไปกำจัดให้ถูกต้อง กลับใช้วิธีกองเก็บไว้ และฝังกลบในที่ดินของตนเอง โดยเจ้าของบริษัทเป็นพ่อของเจ้าของที่ดิน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ที่ขุดพบขยะพิษเกือบ 50,000 ตัน ก่อนหน้านี้พบข้อมูลบัญชีการจ่ายเงินให้บุคคลต่าง ๆ ทั้งนักการเมืองท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ตำรวจท้องที่ ข้าราชการ
อย่างไรก็ตาม จากนี้จะทำการตรวจสอบความเชื่อมโยงกับเครือข่ายสีเทาอื่น ๆ แลเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาและดำเนินคดีตั้งประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมเก็บตัวอย่างดินและน้ำในพื้นที่ส่งตรวจวิเคราะห์ หากผลปนเปื้อนเข้าข่ายเป็นของเสียที่เป็นวัตถุอันตราย จะดำเนินคดีเพิ่มเติมข้อหาครอบครองวัตถุอันตราย
>> ประเทศเมียนมา แผ่นดินไหวขนาด 5.3 รับรู้แรงสั่นสะเทือนเป็นบางจุดในพื้นที่ของ จ.เชียงใหม่
16.30 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา รับแจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 5.3 ความลึก 10 กิโลเมตร ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางอยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 417 กม. เบื้องต้น พบว่า จ.เชียงใหม่ สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ในบางจุด
>> จับหัวหน้าแก๊งโจ๋เมืองกำแพงเพชร ผู้ต้องหาตามหมายจับปฏิทิน ตร. ลำดับ 134
16.48 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปราม ร่วมกันจับกุม นายธอ (นามสมมุติ) อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกำแพงเพชรที่ 304/2565 ความผิดฐาน ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ,ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ โดยจับกุมได้ บริเวณซอยศรีนครินทร์ 56 เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือน ส.ค. 65 เวลากลางคืน มีผู้เสียหายพักอาศัยอยู่ที่บ้าน ได้มีนางสาวบี (นามสมมุติ) อดีตแฟนสาว ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหา ได้พูดจาล่อลวงให้ผู้เสียหาย ออกมาบริเวณหน้าบ้าน แล้วให้กลุ่มผู้ต้องหาอีกจำนวน 4 คน รุมทำร้าย จากนั้นกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่ 3 นัด ก่อนจะหลบหนีไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สืบสวนจนทราบว่า นายธอ เป็น 1 ในกลุ่มที่ก่อเหตุได้หลบหนีมาอยู่ ในซอยศรีนครินทร์ 56 จึงได้ติดตามจับกุมตัวและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร และจากการตรวจสอบประวัติคดีอาญาพบว่ามีหมายจับคดีวิ่งราวทรัพย์อีกคดีด้วย สอบถามคำให้การ ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
>> รวบแล้ว "เสือปุ่น" หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้านบาท พร้อมลูกน้องอีก 1 คน
18.00 น. จากกรณี "แก๊งเสือปุ่น" กับพวกรวม 7 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์เงินสด 3.4 ล้านบาท โดยใช้อาวุธมีดจี้ ข่มขู่ผู้เสียหาย 3 คน ที่มาซื้อเงินคริปโตเคอร์เรนซี่ สกุลเงิน USDT จำนวน 100,000 ดอลลาร์ ภายในลานจอดรถศูนย์การค้าชื่อดังย่านลาดพร้าว แขวงและเขตจตุจักร กทม. เมื่อช่วงเวลา 19.30 น. ของวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา ต่อมาสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 4 ราย
ล่าสุด พล.ต.ต. นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมชุดสืบสวนร่วมกันจับกุมตัว นายวอ (นามสมมุติ) หรือ เสือปุ่น หัวหน้าแก๊งปล้นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา และนายบอล ผู้ต้องหาคดีเดียวกัน โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านเช่าในซอยบุญคุ้ม ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ขณะหลบหนีมากบดาน พร้อมด้วยของกลางปืนสั้นพกแบบแม็กกาซีนขนาด .365 เครื่องกระสุน 29 นัด เงินสด 3 พันบาท รถเก๋ง สีดำ ทะเบียน พิจิตร ซึ่งเป็นทะเบียนปลอม กระเป๋าหลุยส์ฯ 2 ใบ จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายเข้าไปสอบสวนที่ บก.สส.บชน.
จากการสอบสวน นายวอ ให้การว่าสาเหตุที่ลงมือปล้นเงิน เพราะคิดว่าเป็นเงินเทา ผู้เสียหายจะไม่กล้าแจ้งความ ส่วนเงินที่ได้ส่วนแบ่งไปกว่า 1 ล้านบาท เอาไปใช้ซื้อยาบ้ามาเสพ ตระเวนกิน เที่ยว และย้ายที่พักหนีตำรวจไปเรื่อยจนเงินหมด เหลือติดตัวแค่ 3 พันบาท ส่วนกระเป๋าหลุยส์เสือปุ่นอ้างว่าเพื่อนให้มา
อย่างไรก็ตาม ยังเหลือ นายโบ้ เพียงคนเดียวที่ยังหลบหนี โดยชุดสืบสวนอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
>> รัฐมนตรี "สรวงศ์" นำทีม ตำรวจท่องเที่ยว ปกครอง เดินเยี่ยมนักย้ำมั่นใจความปลอดภัย
20.06 น. นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวกีฬา นายพัชรพัชร์ ศรีธัญญนนท์ นายอำเภอบางละมุงพลตำรวจโท ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พลตำรวจโท ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองพัทยา เดินตรวจเยี่ยมความเรียบร้อย ของสถานประกอบการ และจุดจอดรถบริการนักท่องเที่ยวเคลื่อนที่ โดยมุ่งเน้นไปในเรื่องของความปลอดภัยกับนักท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ยังเป็นห่วงในเรื่องของปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซ้าลงในช่วงหน้าโลซีซั่น ซึ่งมีปริมาณนักท่องเที่ยวน้อยลง จึงมีแนวทางที่จะจัดกิจกรรมต่างๆในพื้นที่เมืองพัทยา เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองพัทยา เพราะเมื่อมีการจัดกิจกรรมก็จะต้องมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจ เดินทางมาใช้บริการสถานประกอบการต่างๆ ทั้งร้านอาหาร โรงแรม สถานบันเทิง รวมไปถึงการใช้บริการรถสาธารณะด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางภาครัฐจึงต้องมีอุปกรณ์ และเทคโนโลยี ที่จะเสริมศักยภาพ และมาตรการดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางเข้ามาในทุกๆวัน ซึ่งก็ขอให้นักท่องเที่ยวมั่นใจในมาตรการของภาครัฐ นอกจากนี้ ยังมีผู้ประกอบการและพนักงานออกมาร่วมให้ต้อนรับ มอบดอกไม้เป็นกำลังใจให้กับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวกีฬา ก่อนจะร่วมกันเดินเท้าพูดคุยประชาสัมพันธ์กับนักท่องเที่ยว พร้อมมอบของที่ระลึกให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย
>> ตร.ล่าตัว 2 หนุ่มโรงงาน ชักปืนลูกซองยิงใส่เพื่อนร่วมงาน เสียชีวิต 2 สาหัส 1 ราย
21.00 น. วันที่ 18 ก.ค. 68 สภ.บางเสาธง รับแจ้งว่า มีเหตุยิงกันและมีผู้เสียชีวิต ภายในสนามฟุตบอล ภายในซอยไทยประกัน 1/5 ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ
ที่เกิดเหตุ พบหมอนรองปลอกกระสุนปืนลูกซองไม่ทราบขนาดตกอยู่ที่พื้น เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ขณะที่ ผนังกั้นสังกะสีข้างสนามฟุตบอลพบร่องรอยกระสุนปืนถาดแฉลบแผ่นสังกะสีจำนวนมาก
และพบร่างผู้เสียชีวิต คือ นายชญามร ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซอง กระสุนเข้าหน้าอกและใบหน้า รวมกว่า 13 รู นอนเสียชีวิตอยู่ภายในสนามฟุตบอลหญ้าเทียม
และ ทราบว่ายังมี นายไชยวัฒน์ และ นายพรมมินทร์ ถูกยิงอาการสาหัส ถูกนำตัวส่งรพ.ไปก่อนแล้ว ซึ่งนายไชยวัฒน์ ถูกกระสุนเข้ากลางอกและลำคอ ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ขณะที่ นายพรมมินทร์ ถูกยิงเข้าที่คางและใบหน้าอาการสาหัสเช่นกันแพทย์นำตัวเข้าห้องผ่าตัดเพื่อช่วยชีวิต
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่า มือปืน คือนายโบ้ อายุ 23 ปี และ นายธง อายุ 20 ปี ซึ่งเคยมีเรื่องกับคนตายมาก่อน นายโบ้กับนายธง พากันขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เข้ามา ตะโกนท้าทายให้อีกฝ่ายออกมาจากสนาม ก่อนนายโบ้ ถือปืนวิ่งเข้าไปหาผู้ตายพยายามจ่อยิงแต่กระสุนด้านจึงถอยออกมา ทำให้ผู้ตายกับเพื่อนพากันวิ่งหนี นายธง ซึ่งยืนคุมเชิงอยู่ชักปืนลูกซองสั้นขึ้นมายิงสาดกระสุนเข้าใส่กลุ่มผู้ตาย กระสุนถูกผู้ตายล้มลงเสียชีวิต ส่วนเพื่อนอีก 2 คนบาดเจ็บสาหัส
ด้าน พล.ต.ต. วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนพยานแวดล้อมทราบว่า ผู้ตายและผู้ก่อเหตุ เป็นเพื่อนร่วมงานกันมาก่อน เคยมีปัญหากันมา พอมาวันนี้ฝ่ายผู้ก่อเหตุทราบว่าผู้ตายจะมาเตะฟุตบอลกับเพื่อนทุกเย็นวันศุกร์ที่สนามแห่งนี้จึงตามมาก่อเหตุ ขณะนี้รู้ตัวหมดแล้ว ตอนนี้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนไม่ว่าจะเป็นสืบภาค สืบจังหวัด และสืบท้องที่ เร่งล่าตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
>> แผ่นดินไหว ที่จังหวัดเชียงใหม่
23.33 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 2.0 ความลึก 2 กม. ภายในพื้นที่ของ ต.แม่สูน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ไม่มีรายงานรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน
>> ไฟไหม้บนอาคาพาณิชย์ ย่านซอยสามเสน 4 รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับทันก่อนจะลุกลาม
00.06 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ซอยสามเสน 4 ถนนสามเสน แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ประกอบกิจการร้านจิวเวลรี่ และเครื่องประดับ ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้น 2 เพลิงลุกไหม้เสียหายสินค้าเครื่องประดับ ลุกลามฝ้าเพดาน พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 8 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ ข้อสันนิษฐานเบื้องต้น สาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรบริเวณหลอดไฟบนฝ้าเพดาน ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยภูเขาทอง
>> แผ่นดินไหว ที่เชียงราย
01.18 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 1.4 ลึก 1 กม. ในพื้นที่ของ ต.โป่งแพร่ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย ยังไม่มีรายงานการรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน
>> คนร้ายวิ่งราวทรัพย์ ผู้เสียหายในซอยสุขสวัสดิ์ 14
03.08 น. ศูนย์วิทยุผ่านฟ้า ตำรวจ 191 แจ้งว่า เกิดเหตุ คนร้ายเป็นผู้ชาย 1 ราย สวมเสื้อสีขาว กางเกงขาสั้นสามส่วน ก่อเหตุวิ่งราวโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ซัมซุง เอ-06 เครื่องสีน้ำเงิน ของผู้เสียหาย บริเวณอพาทเมนท์ ภายในซอยสุขสวัสดิ์ 14 หลังก่อเหตุ วิ่งหลบหนีมุ่งหน้าออกไปทางถนนสุขสวัสดิ์ ผู้เสียหายเข้าแจ้งความ สน.บางมด
>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา
04.01 น กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 2.4 ลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 199 กม. ไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย