“วีรภัทร” ประกาศลาออกจาก กมธ.ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม
รัฐสภา 16 ก.ค.-“วีรภัทร” ประกาศลาออกจาก กมธ.ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ชี้อึดอัด ทำหน้าที่ลำบาก เพราะประชุม กมธ. ตลอด 2 ปี น้อยที่สุด และยังไม่กล้าแตะปัญหาพระ แม้กระทั่งเรื่องสีกากอล์ฟ
นายวีรภัทร คันธะ โฆษกกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม แถลงข่าวระบุว่ามีความจำเป็นที่จะต้องออกมาพูดในฐานะที่เป็นโฆษกกรรมาธิการฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนมากมาย และบางเรื่องเงียบ บางเรื่องไม่ถูกพูดถึง ซึ่งการทำงานในคณะกรรมาธิการฯ ชุดปัจจุบันมีข้อจำกัดมาก เกิดจากตัวกลไกของคณะกรรมาธิการฯ และในการประชุมคณะกรรมาธิการศาสนาฯ ในช่วง2 ปีที่ผ่านมา ตนเชื่อว่า คณะกรรมาธิการฯนี้เป็นคณะที่ประชุมน้อยที่สุดในสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน ถ้าเป็นคณะกรรมาธิการฯอื่นๆ จะมีการประชุม 70 – 90 ครั้ง แต่คณะกรรมาธิการฯชุดนี้มีการประชุมไม่ถึง 50% ดูได้จาก3-4 เดือนที่ผ่านมามีการประชุมไม่ถึง 5 ครั้ง ดังนั้นปัญหาหลายอย่างจึงถูกหมักหมม ปัญหาหลายอย่างไม่ถูกพูด และเวลาพูดถึงปัญหา บางปัญหาก็มีความพยายาม พูดคุยกันว่าไม่อยากให้แตะต้องเรื่องนี้ นี่เป็นปัญหาที่เราเห็นช้างทั้งตัวอยู่ในห้อง แต่เราไม่กล้าพูดถึง โดยตนเองในฐานะโฆษกกรรมาธิการ เมื่อสื่อมวลชนจะขอความคิดเห็นในฐานะโฆษกกรรมาธิการ ได้รับโทรศัพท์ที่หลากหลาย ปัญหาที่เกิดขึ้น คือ ไม่มีมติจากคณะกรรมาธิการฯ ในขณะที่ปัญหาใหญ่ที่ควรพูดถึง ก็ไม่ได้ถูกพูดในที่ประชุมคณะกรรมาธิการ ทั้งที่เป็นเครื่องมือของสภาผู้แทนราษฎรในการระงับข้อพิพาทหรือนำข้อเท็จจริงมาพูด แต่ในที่ประชุมกลับไม่มีพูดถึงปัญหาเลย อย่างล่าสุดที่วันนี้นายศรีสุวรรณ จรรยา มายื่นหนังสือร้องเรียน คณะกรรมธิการฯ ถึง ประธานกรรมาธิการ และคณะโดยตรง ซึ่ง ในหนังสือร้องเรียนพูดถึงมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับกรณี สีกากอล์ฟ และพระสงฆ์
โดยตนเองเห็นรายละเอียด ตามข่าวแล้ว และก็พบว่าคณะไม่ขอลงความเห็นในเรื่องนี้ นั่นแสดงให้เห็นว่า ไม่กล้าพูดถึงปัญหาอย่างตรงไปตรงมาทั้งที่เราเป็นคณะกรรมาธิการฯที่มีอำนาจโดยตรง การที่ถูกปิดกั้นการพูดถึงการเข้าใจในการเรียกสอบปัญหานี้ กลับไม่ได้รับการพูดถึงเท่าที่ควร ตลอด2 ปีที่ผ่านมา ตนเองมีความรู้สึกอึดอัดมากในการทำงานร่วมกันในการทำงานร่วมกับคณะกรรมาธิการ เสียดายหลายอย่างที่ควรจะขับเคลื่อนได้ในช่วง2 ปีที่ผ่านมา กลับถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรแตะต้อง ปัญหาของเมืองไทยปัจจุบันคือเราไม่คือเราไม่กล้าแตะต้องปัญหาที่เกิดขึ้น และเราก็จะเห็นปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นตลอดเวลา กรณีพระสงฆ์ กับ สีกากอล์ฟ อาจจะเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง ใต้ฐานของภูเขาน้ำแข็งก็เห็นอยู่แล้วว่า พระเสพเมถุนกับเด็กผู้ชายทางภาคเหนือ กรณีพระมีข้อพิพาทเรื่องที่ดิน กรณีพระมีการยักยอกเงินวัด เราจะพูดกันแค่เป็นกระแส หรืออยากแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ดังนั้นเป็นคำถามที่ต้องถามกับ สังคมว่าควรทำอย่างไร
“สุดท้ายตอนนี้ ถือว่าเข้ามาดำรงตำแหน่งได้เกือบ2 ปีในฐานะโฆษกกรรมาธิการและขอเรียนตามตรงว่าเมื่อไม่สามารถที่จะทำงานได้อย่างมีเสรีภาพในการพูดถึง ผมขออนุญาตเรียนกับสื่อมวลชนและประชาชนว่า ผมเอง ขอลาออกเพื่อเตรียมตัวในอีก 1 เดือนข้างหน้ามีงานใดที่ยังคงค้างก็จะจัดการให้หมดและจะลาออกจากการทำงาน ในคณะนี้ ทั้งในฐานะโฆษกกรรมาธิการ และหลังจากนี้จะรับเรื่องร้องเรียนพระสงฆ์ ในนาม สส.พรรคประชาชนและพุทธศาสนิกชนที่มีคำถามที่ต้องการตอบ โดยมีเสรีภาพในการพูดถึงปัญหาที่เป็นใจกลางของพระพุทธศาสนาของประเทศไทย” นานวีรภัทร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประธานคณะ กมธ.การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม คือ นางเทียบจุฑา ขาวขำ สส.พรรคเพื่อไทย.-314.-สำนักข่าวไทย