คนเก่งจริงต้องกล้ารับคำติ ทักษะนี้ช่วยเติบโตก้าวไกลกว่าเดิม
รู้หรือไม่? “ทักษะที่ถูกประเมินค่าต่ำที่สุดในชีวิตการทำงาน คือความสามารถในการรับคำติเชิงสร้างสรรค์” หรือพูดง่ายๆ ก็คือ การเปิดใจรับฟังคำวิจารณ์โดยไม่มีอคติ เพราะเป็นทักษะที่จะช่วยให้วัยทำงานเติบโตในหน้าที่การงาน ไม่ใช่แค่ทำงานเก่งอย่างเดียวอีกต่อไป!
อดัม แกรนต์ (Adam Grant) นักจิตวิทยาองค์กรจาก Wharton Business School เขียนไว้ในโพสต์บนแพลตฟอร์ม X เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่า ถ้าหากคุณอยากเติบโตในสายอาชีพได้ไกลกว่าคนอื่น หนึ่งในทักษะสำคัญที่ต้องมีคือ “การรับฟังคำวิจารณ์เชิงสร้างสรรค์” โดยเฉพาะคำติแรงๆ ตรงไปตรงมาแต่เต็มไปด้วยความตั้งใจดี
เขาอธิบายว่า “การหาความรู้นั้นง่าย แต่การได้คำวิจารณ์ที่ตรงไปตรงมายากมาก ถ้าคุณรับความจริงไม่ได้ คนก็จะเลิกพูดความจริงกับคุณในที่สุด ..คนที่เติบโตได้มากที่สุด คือคนที่รับคำติได้ดีที่สุด”
ฟังคำวิจารณ์อย่างมีสติ รับฟังด้วยใจเปิดกว้าง ไม่ปะทะกลับทันที
แม้รู้ว่าคำวิจารณ์จะช่วยให้เราเก่งขึ้น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมันได้โดยไม่รู้สึกปวดใจ โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอคำวิจารณ์ตรงๆ กลางที่ทำงาน
ในพอดแคสต์ “WorkLife” ตอนหนึ่งเมื่อปี 2018 Grant เคยพูดไว้ว่า มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะรู้สึกตั้งรับทันทีเมื่อได้ฟังคำติแรงๆ เขาอธิบายในเชิงจิตวิทยาว่า “คำวิจารณ์ในแง่ลบมักส่งสัญญาณเตือนอัตโนมัติ มันกระตุ้นระบบประสาทของร่างกาย… สมองของคุณจะทำงานเร็วมาก คุณเริ่มสร้างเกราะป้องกันตัวเอง และเตรียมโต้กลับทันที”
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเห็นตรงกันว่า การตอบสนองอย่างเหมาะสม ไม่ปะทะ ไม่ตั้งแง่ จะช่วยให้คุณมีผลงานที่ดีขึ้น มีความสุขกับงานมากขึ้น และมีความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงาน
วิธีรับมือกับคำติ: หายใจลึกๆ แล้วค่อยคิดอย่างมีเหตุผล ช่วยให้พัฒนาดีขึ้น
“การเปิดใจรับคำวิจารณ์ เริ่มตั้งแต่วินาทีที่คุณได้รับมัน” คือคำแนะนำจาก สก็อตต์ มอตซ์ (Scott Mautz) อดีตผู้บริหารจาก Procter & Gamble และผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะผู้นำ ซึ่งเขียนบทความให้กับ CNBC Make It เมื่อปี 2024 โดยเขาแนะนำว่า เมื่อคุณได้รับคำติ อย่ารีบตอบกลับทันที
แต่ให้ตั้งรับด้วยการ “หายใจลึกๆ” และตอบกลับด้วยความสงบและเป็นมืออาชีพ จากนั้นเมื่ออยู่คนเดียว จึงค่อยประเมินคำวิจารณ์อย่างมีสติ โดยเขามีคำแนะนำ 3 ขั้นตอนสำหรับการรับมือคำติอย่างมืออาชีพ ดังต่อไปนี้
1. ประเมินว่าใครเป็นคนให้คำติ และเขามีสิทธิ์ให้คำตินั้นหรือไม่
ให้พิจารณาว่าคนที่เขามาติชมงานของคุณ เขาทำงานใกล้ชิดกับคุณหรือเปล่า? เข้าใจเนื้องานของคุณมากน้อยแค่ไหน? ปกติให้คำแนะนำดีหรือเปล่า? ถ้าใช่.. คุณก็ควรน้อมรับฟังไว้ ทั้งนี้ คำติที่ดีควรมีแนวทางพัฒนาที่ชัดเจน และช่วยให้คุณเข้าใกล้เป้าหมายในสายอาชีพ เช่น การเลื่อนตำแหน่ง
2. เปลี่ยนมุมมองต่อคำวิจารณ์
ลองปรับวิธีคิดใหม่ว่าคนที่ให้คำแนะนำคุณนั้น จริงๆ แล้วเขามีตั้งใจดี อย่าลืมว่า “การถูกติเหนือกว่าการถูกเมิน”
3. มองหาว่าอะไรที่ช่วยให้คุณเก่งขึ้นได้จริง
ลองใช้เวลาทบทวนดูว่าอะไรคือสิ่งที่จะทำให้คุณเก่งขึ้น แข็งแกร่งขึ้นจริงๆ วิธีหนึ่งที่ได้ผลคือให้คุณย้อนกลับไปดูผลงานของตัวเองทั้งหมด แล้วลองจินตนาการว่าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของผลงานนั้น แต่เป็นคนนอกที่มองเข้ามา ถ้าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้มีอคติอะไรกับงานนี้ คำวิจารณ์ที่คุณได้รับมันฟังขึ้นไหม? ดูมีเหตุผลและช่วยให้ดีขึ้นได้จริงหรือเปล่า?
จากนั้นลองเทียบกับคำติที่คุณเคยได้รับมาก่อน ว่ามันสอดคล้องกันหรือไม่ ถ้ามันเริ่มมีรูปแบบบางอย่างที่ชัดเจน เช่น จุดอ่อนที่หลายคนพูดคล้ายกัน นั่นแหละคือโอกาสที่ดีในการหยิบสิ่งเหล่านั้นมาพัฒนาให้ตรงจุด และทำให้คุณเติบโตได้อย่างแท้จริง
คิดแบบนักกีฬาโอลิมปิก อย่าคิดแค่ว่าตนเองทำดีแล้ว
ในพอดแคสต์ของแกรนต์ เขาให้เคล็ดลับอีกอย่างว่า การเปลี่ยนมุมมองต่อคำติ เช่น การคิดแบบนักกีฬาโอลิมปิก ไม่ได้แค่ช่วยให้คุณเป็นพนักงานที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนวิธีทำงานของคุณในระดับลึกลึ้งขึ้นอีกด้วย
“ให้คุณคิดว่าตัวเองเป็นนักกีฬาโอลิมปิก ที่ต้องการรู้ว่าจะพัฒนาอย่างไรได้อีกบ้าง ไม่ใช่แค่รอฟังคำชมว่าทำได้ดีแล้ว วิธีที่ดีที่สุดในการพิสูจน์ตัวเอง คือการแสดงให้เห็นว่าคุณพร้อมจะพัฒนาตัวเอง” นักจิตวิทยาบอกทิ้งท้าย
อ้างอิง: CNBC, Adam Grant, adamgrant biography