‘ปวิน’ วิเคราะห์กลยุทธ์การสื่อสารของเขมรในเวทีโลกพร้อมแนวทางการตอบโต้!
31 ก.ค.2568 - นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการ และผู้ต้องหาคดี 112 ที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เช้านี้ ดิชั้นขอประมวลและรวบรวมกลยุทธ์ที่กัมพูชาใช้ในการสร้างความได้เปรียบในการสื่อสารและการทูตในเวทีระหว่างประเทศ และขอเสนอการตอบโต้ของไทยค่ะ
1.การสร้างเรื่องเล่าและนำเสนอข้อมูลอย่างรวดเร็ว (First Mover Advantage): กัมพูชาแสดงความรวดเร็วในการนำเสนอเรื่องราวของตนเองต่อสาธารณะและองค์กรระหว่างประเทศ และมักทำก้าวนึงก่อนไทย ทำให้สามารถกำหนดวาระการพูดคุยและสร้างความประทับใจแรกให้กับผู้รับสารได้ก่อน การชิงจังหวะนี้ทำให้พวกเขาควบคุม narrative ของความขัดแย้งได้ก่อนที่อีกฝ่ายจะโต้ตอบ
2.การใช้เวทีระหว่างประเทศเป็นเครื่องมือหลัก: การนำประเด็นความขัดแย้งเข้าสู่สหประชาชาติและองค์กรระหว่างประเทศอื่นๆ อย่างทันที เป็นการยกระดับปัญหาจากระดับทวิภาคีไปสู่ระดับนานาชาติ ทำให้ได้รับความสนใจและการพิจารณาจากประชาคมโลก ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อฝ่ายไทย
3.การใช้การทูตสาธารณะเชิงรุก (Proactive Public Diplomacy): การเชิญผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารหรือผู้แทนต่างประเทศเข้าไปในพื้นที่ปะทะก่อน เป็นการแสดงหลักฐาน 'เชิงประจักษ์' ที่สร้างความน่าเชื่อถือในมุมมองของตนเอง และยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์โดยตรงกับคณะทูตต่างประเทศ ไทยเพิ่งตื่นมาตอบโต้ไม่นานมานี้
4.การระดมการสนับสนุนจากภาคประชาสังคมและเครือข่ายในต่างประเทศ: การมีส่วนร่วมและสนับสนุนการประท้วงหรือการเคลื่อนไหวของชาวกัมพูชาในต่างประเทศ (เช่น ที่เมลเบิร์น เจนีวาและออสโส) เป็นการสร้างแรงกระเพื่อมจากภายนอก ซึ่งส่งผลต่อการรับรู้และสร้างแรงกดดันทางการเมืองในระดับนานาชาติ คนกัมพูชาใช้โอกาสนี้ในการวาดภาพไทยว่าเป็น "ผู้รุกราน" "ผู้หิวสงคราม"
5.การสื่อสารที่เน้นความเสียหายและสถานะเหยื่อ: ไม่ว่าจะในรูปแบบ "ข่าวปลอม" หรือการนำเสนอข้อมูลที่เน้นความสูญเสีย ความเดือดร้อนของประชาชนตัวเอง และการทำให้ภาพลักษณ์ของตนเป็น "ฝ่ายที่ถูกกระทำ" จะช่วยดึงดูดความเห็นใจและสร้างการสนับสนุนจากสาธารณชนระหว่างประเทศได้ง่ายขึ้น
…ในการรับมือกับสถานการณ์นี้ ไทยควรเสริมสร้างกลไกการทูตสาธารณะและประชาสัมพันธ์เชิงรุก โดยต้องเน้นย้ำถึงความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของข้อมูลเป็นหัวใจสำคัญ สิ่งนี้รวมถึงการจัดตั้งทีมงานที่มีความสามารถในการติดตามและตอบโต้ข้อมูลเท็จหรือบิดเบือนได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที ควบคู่ไปกับการสื่อสารข้อเท็จจริงและมุมมองของไทยอย่างสม่ำเสมอและสอดคล้องกันไปยังกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ทั่วโลก ทั้งองค์กรระหว่างประเทศ สื่อต่างชาติ นักการทูต และภาคประชาสังคม การเชิญผู้แทนต่างประเทศหรือสื่อมวลชนอิสระเข้าเยี่ยมชมพื้นที่ชายแดนภายใต้การดูแลที่ปลอดภัย โดยเน้นย้ำถึงความพยายามของไทยในการรักษาสันติภาพและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จะช่วยสร้างความเข้าใจและลดพื้นที่ให้ข้อมูลบิดเบือนได้ การใช้แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์และช่องทางดิจิทัลต่างๆ อย่างมีกลยุทธ์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นภาษาที่หลากหลาย ก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ การทำงานร่วมกับพันธมิตรระหว่างประเทศที่เข้าใจสถานการณ์และมีบทบาทในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ จะช่วยเสริมสร้างน้ำหนักให้กับท่าทีของไทยในเวทีโลก และลดอิทธิพลของข้อมูลที่เป็นปรปักษ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ (ดิชั้นจึงขอให้เราใจเย็นๆ กับทูตอเมริกันคนใหม่ด้วย)