“ตลาดหุ้นเอเชีย” เปิดผันผวน ตลาดจับตาภาษีชิป 100% ของทรัมป์
"ตลาดหุ้นเอเชีย" ผันผวน หลังสหรัฐประกาศเก็บภาษีนำเข้าชิป 100% นักลงทุนทั่วภูมิภาคจับตาผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลก ขณะเดียวกันรอดูข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากจีน เกาหลีใต้ และออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด
วันที่ 7 สิงหาคม 2568 ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดการซื้อขายในเช้าวันที่ 7 สิงหาคม 2568 อย่างผันผวน ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนต่อมาตรการภาษีนำเข้าฉบับใหม่ของสหรัฐ ซึ่งอาจกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชียที่เป็นศูนย์กลางการผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายสำคัญของโลกหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าชิปและเซมิคอนดักเตอร์จากต่างประเทศในอัตราสูงถึง 100% โดยมีข้อเสนอที่จะยกเว้นภาษีให้แก่บริษัทที่เข้ามาสร้างโรงงานผลิตในสหรัฐ
อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับเงื่อนไขหรือเกณฑ์การผลิตภายในประเทศที่บริษัทต่างชาติจะต้องปฏิบัติตามเพื่อให้ได้รับสิทธิ์ยกเว้นภาษี
ความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าดังกล่าวสร้างแรงกดดันต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะต่อบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน ซึ่งอาจต้องพิจารณาทบทวนแผนการลงทุนและห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศใหม่
ขณะที่บางบริษัทอาจเร่งตัดสินใจขยายการผลิตเข้าสู่ตลาดสหรัฐ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการภาษี
ในช่วงเปิดตลาดเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นในภูมิภาคเคลื่อนไหวแบบผสม โดยดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 40,668.19 จุด ลดลง 126.67 จุด หรือ -0.31% ส่วนดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้ปรับตัวลง 0.12%
ขณะที่ตลาดหุ้นออสเตรเลีย S&P/ASX 200 ลดลง 0.1% ด้านตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงปรับตัวในแดนบวก โดยดัชนีฮั่งเส็งเปิดเพิ่มขึ้น 71.87 จุด หรือ +0.29% อยู่ที่ 24,982.50 จุด และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตขยับขึ้นเล็กน้อย 3.79 จุด หรือ +0.10% อยู่ที่ 3,637.78 จุด สะท้อนมุมมองที่หลากหลายของนักลงทุนในภูมิภาคต่อทิศทางเศรษฐกิจและนโยบายของสหรัฐ
นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตัวเลขดุลการค้าประจำเดือนกรกฎาคมของจีนและออสเตรเลีย ซึ่งสะท้อนสภาพการส่งออกของประเทศสำคัญในห่วงโซ่การผลิตโลก
รวมถึงข้อมูลดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนมิถุนายนของเกาหลีใต้ ที่จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นทางการเงินและทิศทางเงินทุนเคลื่อนย้าย นักลงทุนหลายรายเลือกชะลอการซื้อขายเพื่อรอดูความชัดเจนของนโยบายสหรัฐ และแนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาคก่อนตัดสินใจลงทุนเพิ่มเติม
ความผันผวนในตลาดครั้งนี้สะท้อนถึงความเปราะบางของระบบการค้าโลกในยุคที่นโยบายการค้ากลับมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองและอำนาจต่อรองของประเทศมหาอำนาจอีกครั้ง นักลงทุนและผู้ประกอบการจำเป็นต้องเตรียมกลยุทธ์รองรับความไม่แน่นอนที่อาจเพิ่มสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี โดยเฉพาะในภาคเทคโนโลยีที่มีการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานข้ามพรมแดนอย่างเข้มข้น