‘เงินเลี้ยงชีพ’ สำคัญกว่าความเสี่ยงสุขภาพ นักแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์ฟิลิปปินส์ยอมแลก
บาร์ซิแกน คุณพ่อลูกสาม วัย47 ปี เป็น “มัมบาบักลาส” (mambabaklas) ซึ่งเป็นคำในภาษาฟิลิปปินส์ที่หมายถึง “นักแยกชิ้นส่วนแบบไม่เป็นทางการ” ผู้เก็บขยะอิเล็กทรอนิกส์เพื่อนิกเกิล อะลูมิเนียม และทองแดงที่อยู่ข้างใน
“การแยกชิ้นส่วนขยะเหล่านี้ช่วยทำให้เรามีเงินเลี้ยงชีพ เพื่อนำไปซื้ออาหาร และส่งลูก ๆ ของผมไปโรงเรียน” บาร์ซิแกน กล่าวขณะนั่งอยู่ข้างถนนโอนิกซ์ ที่ทอดยาวกว่า 1 กิโลเมตร ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวของนักแยกชิ้นส่วนขยะอิเล็กทรอนิกส์หลายร้อยคน และงานของพวกเขามักเกี่ยวข้องกับการเผาปลอกหุ้มสายไฟที่ทำจากยาง ซึ่งปล่อยสารเคมีที่เป็นพิษหลายชนิดสู่อากาศ ไม่ว่าจะเป็น ตะกั่ว ปรอท และแคดเมียม
ขณะที่ นายเออร์วิน คาดาโวนา เจ้าหน้าที่จัดการขยะอันตรายของกระทรวงสิ่งแวดล้อมฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม โดยอ้างถึงความเสี่ยงต่อสุขภาพ ตั้งแต่มะเร็ง และโรคทางระบบประสาท ไปจนถึงโรคทางเดินหายใจ และความพิการแต่กำเนิด
“การรีไซเคิลสารเคมีเหล่านี้เป็นเรื่องยากมาก และเมื่อคุณแยกชิ้นส่วนขยะอิเล็กทรอนิกส์ คุณต้องทำอย่างละเอียด ซึ่งมันอาจเป็นอันตรายอย่างยิ่ง” นายเจโล อโพสตอล ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสิ่งแวดล้อม จากมหาวิทยาลัยอาเตเนโอ เด มะนิลา กล่าวเพิ่มเติมว่า การสัมผัสกับสารเคมีข้างต้น อาจนำไปสู่ภาวะโลหิตจาง โรคไต โรคต่อมไทรอยด์ และสร้างความเสียหายต่อเส้นประสาท
ตามรายงาน “โกลบอล อี-เวสต์ มอนิเตอร์” (Global E-waste Monitor) ของสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ฟิลิปปินส์อยู่ในกลุ่มประเทศผู้ผลิตขยะอิเล็กทรอนิกส์อันดับต้น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีสัดส่วนการผลิตขยะคิดเป็น 540 ล้านกิโลกรัม ในปี 2565
แม้นักแยกชิ้นส่วนขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานในสถานที่ซึ่งได้รับการรับรองของฟิลิปปินส์ ต้องปฏิบัติตามแนวทางที่เข้มงวด แต่นักแยกชิ้นส่วนขยะที่ทำงานนอกระบบ ขาดการฝึกอบรม การกำกับดูแล และอุปกรณ์ป้องกันที่จำเป็น ซึ่งคาดาโวนาเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ชาวฟิลิปปินส์บางคนเจ็บป่วยจากการสัมผัสขยะอิเล็กทรอนิกส์
ด้าน เมดิซินส์ ดู มอนเด(เอ็มดีเอ็ม) ซึ่งเป็นองค์กรด้านมนุษยธรรมของฝรั่งเศส ที่จัดหาถุงมือ หน้ากากอนามัย และการฝึกอบรมเพื่อความปลอดภัยให้กับนักแยกชิ้นส่วนขยะอิเล็กทรอนิกส์บนถนนโอนิกซ์ เรียกร้องให้มีการยอมรับคนงานจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์นอกระบบ
อย่างไรก็ตาม คาดาโวนา กล่าวว่า ความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นทางการระหว่างคนเก็บขยะอิเล็กทรอนิกส์ กับร้านขายของเก่า ทำให้การยอมรับอย่างเป็นทางการสำหรับชุมชนนั้น “เป็นเรื่องยากมาก”.