หุ้นไทยครึ่งปีแรกเหงา SET50-SET100 ทรุดเฉียด 10% ขณะวอลุ่มโตสวนทาง
จากการรวบรวมข้อมูลดัชนี SET50 ปิดระดับ ณ วันที่ 31 ก.ค.68 ที่ 814.78 จุด ลดลง 89.7 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -9.91% จากเปิดตลาดซื้อขายวันแรกปีนี้ (2 ม.ค.68) ที่ระดับ 904.48 จุด ซึ่งตลอดช่วง 140 วันทำการแรกของปีนี้ มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 4,423,068.02 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 31,593.34 ล้านบาทต่อวัน
หากเทียบช่วงเดียวกันกับปี 67 ดัชนี SET 50 ปิดตลาดที่ระดับ 831.91 จุด ลดลง 42.79 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -4.89% จากเปิดตลาดซื้อขายวันแรกที่ 874.70 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 3,760,828.08 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 26,672.54 ล้านบาทต่อวัน
จะเห็นได้ว่าแม้การปรับตัวลดลงของดัชนีใน 7 เดือนที่ผ่านมา หรือกว่า 140 วันทำการแรกของปี 68 จะสูงกว่าเมื่อเทียบกับปี 67 แต่มูลค่าการซื้อขายระหว่างปี 68 สูงขึ้นกว่า 662,239.94 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลง 17.60% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ขณะที่ดัชนี SET 100 ปิดตลาดที่ระดับ 1,745.18 จุด ลดลง 211.03 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -10.78% จากเปิดการซื้อขายวันแรกของปีนี้ที่ระดับ 1,956.21 จุด โดยมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 5,065,802.52 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 36,184.30 ล้านบาทต่อวัน
แต่หากเทียบเมื่อช่วงเวลาเดียวกันกับปี 67 ที่ดัชนี SET 100 ปิดตลาดที่ 1,812.24 จุด ลดลง 125.9 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 6.49% จากดัชนีเปิดตลาดที่ระดับ 1,938.14 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 4,547,363.98 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 32,250.81 ล้านบาทต่อวัน
จะเห็นได้ว่าแม้การปรับตัวลดลงของดัชนีใน 7 เดือนที่ผ่านมา หรือกว่า 140 วันทำการแรกของปี 68 จะสูงกว่าเมื่อเทียบกับปี 67 แต่มูลค่าการซื้อขายระหว่างปี 68 สูงขึ้นกว่า 518,438.54 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลง 11.40% เมื่อเทียบกับปีก่อน
บริษัทหลักทรัพย์ซื้อ-ขายสูงสุด
สำหรับการจัดอันดับการซื้อขายของบริษัทสมาชิกในภาพรวมนั้น ประเภทการลงทุนเพื่อบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 694,803.94 ล้านบาท ขณะที่รวมทั้งตลาดโดยไม่รวมประเภทการลงทุนเพื่อบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ อยู่ที่ 10,898,359.99 ล้านบาท โดยรวมทั้งตลาด (ไม่รวม DRx) อยู่ที่ 11,593,163.93 ล้านบาท
บริษัทสมาชิกที่มีการซื้อสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่
- BLS มูลค่า 55,006.96 ล้านบาท
- INVX มูลค่า 20,408.53 ล้านบาท
- CGSI มูลค่า 18,380.19 ล้านบาท
- KKPS มูลค่า 11,390.38 ล้านบาท
- MST มูลค่า 4,454.79 ล้านบาท
- KTX มูลค่า 2,535.70 ล้านบาท
- YUANTA มูลค่า 2,314.32 ล้านบาท
- PI มูลค่า 1,987.99 ล้านบาท
- PST มูลค่า 1,805.45 ล้านบาท
- LIB มูลค่า 1,438.15 ล้านบาท
บริษัทสมาชิกที่มีการขายสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่
- CST มูลค่า 29,339.76 ล้านบาท
- MACQ มูลค่า 25,242.25 ล้านบาท
- KS มูลค่า 16,599.21 ล้านบาท
- DBSV มูลค่า 6,558.77 ล้านบาท
- KSS มูลค่า 6,452.72 ล้านบาท
- UOBKHST มูลค่า 4,484.63 ล้านบาท
- CLSA มูลค่า 4,275.23 ล้านบาท
- IVG มูลค่า 4,111.41 ล้านบาท
- FSS มูลค่า 2,870.59 ล้านบาท
- KGI มูลค่า 2,753.21 ล้านบาท
ต้องยอมรับว่านับตั้งแต่ต้นปี 68 มาตลาดหุ้นไทยเผชิญหน้ากับความท้าทายจากหลายปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ความไม่แน่นอนทางภาษีการค้าโลก ปัญหาทางการเมือง การท่องเที่ยวที่ไม่ได้ดีดั่งคาด หนีครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง
ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อบริษัทจดทะเบียน (บจ.) และความเชื่อมั่นใจการลงทุนของตลาดหุ้นไทย อีกทั้งยังทำให้ความน่าสนใจในการลงทุนหุ้นไทยลดน้อยลง แต่อย่างไรก็ดี ในช่วงเดือนก.ค. ที่ผ่านมา สังเกตพบว่ากลุ่มนักลงทุนต่างประเทศเริ่มกลับมามาสถานะซื้อสุทธิที่เพิ่มขึ้น
อีกทั้งดัชนี SET Index SET50 และ SET100 เริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้น มูลค่าการซื้อขายรายวันก็เพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน เป็นที่น่าสนใจว่าหรืออาจเป็นสัญญาณการกลับมาฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยแล้วในช่วงที่เหลือของปี 68 นี้