'มาริษ' สายตรงถึงเลขาธิการ UN - รมว.กต.ญี่ปุ่น ขอให้กลไกออตตาวาสอบสวนกัมพูชาละเมิดอนุสัญญา ขอมาเลเซีย-สิงคโปร์กดดันกัมพูชาร่วมเก็บกู้
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการดำเนินการภายหลัง กำลังพลกองร้อยทหารพรานที่ 2610 รวม 7 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องจุบตะโมก จังหวัดสุรินทร์ ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล เมื่อวานนี้ (12 ส.ค.2568) ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากพฤติการณ์ที่ไม่สุจริตใจของฝ่ายกัมพูชา และขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ และละเมิดพันธกรณีตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศว่า เมื่อวานนี้ (12 ส.ค.) ตนได้โทรศัพท์หารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นจะเป็นประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ในเดือน ธ.ค. นี้ เพื่อขอให้ใช้กลไกในกรอบอนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Convention) เพื่อไต่สวนการกระทำของกัมพูชา ซึ่งฝ่ายเลขาธิการของอนุสัญญาออตตาวา ได้มีหนังสือตอบกลับมาด้วยแล้ว และในวันศุกร์นี้ (15 ส.ค.2568) จะมีการพูดคุยกับประเทศผู้บริจาคในกรอบอนุสัญญาออตตาวา เพื่อให้เห็นการดำเนินการของกัมพูชา
โดยเฉพาะในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย -กัมพูชา (General Border Committee) หรือ GBC ไทย-กัมพูชา ซึ่งไทยเสนอเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด แต่กัมพูชากลับปฏิเสธ พร้อมยังได้โทรศัพท์พูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ เพื่อขอให้ ใช้กลไกอาเซียนกดดันให้กัมพูชาร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด
นายมาริษ ยังย้ำว่าในห้วงการเดินทางเยือนนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ตนเอง ได้พบเลขาธิการสหประชาชาติ หรือเลขาธิการ UN และรัฐมนตรีของญี่ปุ่นแล้ว และได้ประท้วงท่าทีความไม่จริงใจของกัมพูชาต่อทั้ง 2 บุคคล และในโอกาสต่าง ๆ เสมอมา
ส่วนกรณีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ได้ส่งจดหมายร้องเรียน ต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC และเลขาธิการสหประชาชาติ (UN) เมื่อ 11 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา กล่าวหาฝ่ายไทยละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา รวมถึงกฎหมายระหว่างประเทศ ข้อตกลงทวิภาคี และเงื่อนไขของการหยุดยิงที่ตกลงกันไว้อย่างต่อเนื่องนั้น นายมาริษ ยืนยันว่า ที่ผ่านมา
ฝ่ายกัมพูชาไม่มีหลักฐานใดที่แน่ชัด แต่ฝ่ายไทยมีข้อมูลชัดเจน เกี่ยวกับการยั่วยุของกัมพูชา และการวางทุ่นระเบิด และที่สุด UNSC ก็ไม่ได้มีการประชุมเรื่องนี้อีกครั้งแต่อย่างใด