ขายชิปให้จีนได้ถ้ายอมจ่าย 15% ครั้งแรกที่ความมั่นคงของชาติ 'ต่อรองได้'
สหรัฐมียุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงที่สำคัญตัวหนึ่งชื่อว่า U.S. national security policy เป็นกรอบนโยบายและยุทธศาสตร์หลักที่รัฐบาลใช้ในการปกป้องความมั่นคงของชาติ ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านการทหาร การทูต เศรษฐกิจ เทคโนโลยี พลังงาน และความมั่นคงภายใน
ที่ผ่านมารายงานข่าวมีการพูดถึงเรื่องนี้บ่อยเพราะรัฐบาลที่แล้วในยุคโจ ไบเดน ได้ระบุให้ "ชิปล้ำสมัย" กลายเป็นสินค้าที่เกี่ยวพันกับความมั่นคงของชาติ ทำให้ไม่สามารถส่งออกไปยัง "จีน" ได้ เพราะเสี่ยงจะตกไปอยู่ในมือของกองทัพจีนหรือถูกนำไปใช้เพื่อการทหารของจีน จนกลายเป็นสงครามชิปขึ้นมาซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นความพยายามของสหรัฐที่จะ "ตัดตอน" การพัฒนาและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี AI ของจีน
ในอดีต รัฐบาลสหรัฐได้ตัดสินใจควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีอ่อนไหวด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง และถือเป็น "กฎเหล็กที่ไม่อาจต่อรองได้" หากเทคโนโลยีถูกควบคุม บริษัทก็ไม่สามารถใช้เงินแลกเปลี่ยนเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดเหล่านั้นได้ ไม่ว่ามูลค่าการค้าต่างประเทศที่สูญเสียไปจะมหาศาลเพียงใดก็ตาม
ทว่าล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้พลิกโฉมนโยบายความมั่นคงแห่งชาติที่ยึดถือมานานหลายทศวรรษ และสร้างความเสี่ยงรูปแบบใหม่ให้กับภาคเอกชน หลังทำข้อตกลงกับบริษัทNvidia เพื่อให้รัฐบาลวอชิงตัน "ได้ส่วนแบ่งจากยอดขาย" แลกกับการอนุญาตให้บริษัทส่งออกชิป AI ที่เคยถูกสั่งห้ามไปยังจีน ได้อีกครั้ง
ทรัมป์ต่อรองอะไร?
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (11 ส.ค.) ทรัมป์ได้ส่งสัญญาณยุติแนวปฏิบัติเดิม โดยระบุว่าจะอนุญาตให้บริษัทNvidia จำหน่ายชิป H20 ให้จีนได้ แลกกับการที่รัฐบาลสหรัฐจะได้รับส่วนแบ่ง 15% จากยอดขายนั้น และวอชิงตันยังมีการทำข้อตกลงในลักษณะเดียวกันนี้กับบริษัท AMD ด้วย
นอกจากชิป H20 ซึ่งเป็นชิป AI รุ่นที่ถูกโมดิฟายให้ลดทอนศักยภาพลงเพื่อไม่ให้เข้าข่ายเป็นชิปล้ำสมัยและให้ส่งออกไปจีนได้นั้น ทรัมป์ยังบอกกับผู้สื่อข่าวด้วยว่าเขายัง "เปิดกว้าง" ต่อการอนุญาตให้อืนวิเดียส่งออกชิปรุ่นเรือธงอย่าง "Blackwell" ไปยังจีนได้ด้วย หากมีการปรับลดสเป็กและสมรรถนะลงมา
ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่เดือน รัฐบาลทรัมป์เพิ่งสั่งแบนการขายชิป H20 ให้จีน แต่กลับยกเลิกคำสั่งในเดือนก.ค. โดยอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาด้านแร่หายาก หรือแรร์เอิร์ธกับจีน
รัฐบาลทรัมป์ยืนยันว่าความเสี่ยงด้านความมั่นคงจากการกลับมาขายชิป H20 มีน้อย เนื่องจากชิปดังกล่าวถูกจำหน่ายอย่างกว้างขวางในจีนอยู่แล้ว ขณะที่ฮาวเวิร์ด ลัตนิค รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐให้สัมภาษณ์ซีเอ็นบีซีว่า H20 เป็นเพียง "ชิปที่ดีที่สุดอันดับ 4" ของอินวิเดีย และจะเป็นผลประโยชน์ของสหรัฐหากบริษัทรัฐวิสาหกิจจีนยังคงใช้เทคโนโลยีของสหรัฐต่อไป
หลายฝ่ายมองเรื่องนี้อย่างไร
ความเคลื่อนไหวล่าสุดถูกวิพากษ์จากสมาชิกรัฐสภาสหรัฐ "ทั้งสองพรรค" โดยเตือนว่ามีความเสี่ยงที่จะสร้างกลไก “จ่ายเพื่อแลกสิทธิ” (pay-for-play framework) ในการขายเทคโนโลยีอ่อนไหวให้กับคู่แข่งของสหรัฐ ซึ่งเป็นความกังวลที่นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายสะท้อนออกมาตรงกัน
จอห์น มูลีนาร์ ส.ส. รัฐมิชิแกนจากพรรครีพับลิกัน และยังเป็นประธานคณะกรรมาธิการพิเศษว่าด้วยเรื่องจีนของสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า "การควบคุมการส่งออกเป็นด่านหน้าในการปกป้องความมั่นคงของชาติ และเราไม่ควรสร้าง 'บรรทัดฐานที่จูงใจ' ให้รัฐบาลออกใบอนุญาตขายเทคโนโลยีให้จีน ซึ่งจะเสริมศักยภาพ AI ของจีน”
"การตีราคาความกังวลด้านความมั่นคงของสหรัฐ ก็คือการส่งสัญญาณไปยังจีนและพันธมิตรว่า หลักการด้านความมั่นคงแห่งชาติอเมริกันสามารถต่อรองได้ หากจ่ายในราคาที่เหมาะสม" ราจา กฤษณามัวร์ตี ส.ส.รัฐอิลลินอยส์พรรคเดโมแครต และอยู่ในคณะกรรมาธิการเดียวกันระบุ
ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
นอกจากจะเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว ก็ยังไม่แน่ชัดด้วยว่าการกระทำของทรัมป์นั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
รอยเตอร์สระบุว่า รัฐธรรมนูญสหรัฐห้ามมิให้รัฐสภาเรียกเก็บภาษีและอากรสินค้าที่ส่งออกจากรัฐใดๆ ขณะที่เจเรมี อิลูเลียน ทนายความด้านการค้า กล่าวว่าเป็นการยากที่จะระบุได้ว่านี่ถือเป็น"ภาษีส่งออก" หรือการชำระเงินรูปแบบอื่นใด หากไม่ทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อตกลงนี้
"จนถึงทุกวันนี้ ยังไม่มีการพิจารณาว่าบริษัทต่างๆ ต้องจ่ายเท่าใดจึงจะได้รับใบอนุญาตส่งออก" อิลูเลียน กล่าว
ไคล์ แฮนด์ลีย์ ศาสตราจารย์จากคณะนโยบายและยุทธศาสตร์โลก มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก กล่าวเสริมว่า "สำหรับผมแล้ว มันดูเหมือนภาษีส่งออกจริงๆ … พวกเขาจะเรียกมันว่าอะไรก็ได้ จริงๆ แล้วมันดูเหมือนการไถเงินอยู่นิดหน่อย"
"มันก็พอฟังได้ถ้าจะบอกว่าทุกอย่างในรัฐบาลตอนนี้ดูเหมือนจะสามารถเจรจาต่อรองได้ในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน…ฉันไม่คิดว่าเป็นเรื่องแปลก หรือจะเป็นข้อตกลงสุดท้ายที่เราจะได้เห็น" ซาราห์ เครปส์ ศาสตราจารย์ประจำคณะนโยบายสาธารณะบรูคส์ มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ กล่าว
ในฝั่งของโฆษก Nvidia นั้นระบุเพียงว่า บริษัทปฏิบัติตามกฎที่รัฐบาลสหรัฐกำหนดไว้สำหรับการเข้าร่วมในตลาดทั่วโลก เช่นเดียวกับโฆษกของ AMD ที่ระบุว่า วอชิงตันได้อนุมัติคำขอส่งออกโปรเซสเซอร์ AI บางส่วนไปยังจีนแล้ว แต่ไม่ได้กล่าวถึงข้อตกลงแบ่งรายได้โดยตรง และกล่าวว่าบริษัทปฏิบัติตามกฎการควบคุมการส่งออกทั้งหมดของสหรัฐ
ที่มา: Reuters