"บ้านปู" เร่งลงทุน-ขยายพอร์ตพลังงานสะอาดในครึ่งปีหลัง

เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“บ้านปู” โชว์รายได้ครึ่งปีแรกกว่า 84,500 ล้าน เดินหน้ากลยุทธ์ Energy Symphonics เต็มสูบ แม้ขาดทุนจากค่าเงิน

นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ "BANPU"บอกว่า ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2568 บ้านปูมีรายได้จากการขายรวม 2,521 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 84,543 ล้านบาท มีกำไร EBITDA อยู่ที่ 19,144 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ ประมาณ 1,428 ล้านบาท ซึ่งเป็นการรับรู้ผลขาดทุนจากการแข็งค่าของเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้ไม่กระทบต่อกระแสเงินสดยังคงแข็งแกร่ง

โดย 3 ธุรกิจหลักของ "บ้านปู" ธุรกิจแหล่งพลังงาน ยังคงเป็นฐานรายได้หลักของบ้านปู แม้ราคาถ่านหินจะลดลง แต่บริษัทสามารถรักษาระดับการผลิตได้ใกล้เคียงปีก่อน พร้อมเดินหน้าโครงการ “Value Efficiency Program” ที่ช่วยลดต้นทุนเหมืองในออสเตรเลีย ลงทุนในธุรกิจนิกเกิลที่อินโดนีเซีย รองรับอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและยานยนต์ไฟฟ้า ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติก็เติบโตแข็งแกร่ง โดยราคาขายเฉลี่ยปรับเพิ่มจาก 1.82 เป็น 2.92 เหรียญฯ ต่อล้านบีทียู

ส่วนธุรกิจผลิตพลังงาน โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนสร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอ ขณะที่พลังงานหมุนเวียนเติบโตโดดเด่น มีกำลังผลิตรวม 969 เมกะวัตต์

ธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ระบบกักเก็บพลังงาน ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมกว่า 1,130 เมกะวัตต์ชั่วโมง จากโครงการในญี่ปุ่นและออสเตรเลีย พร้อมขยายตลาด Energy Trading ในญี่ปุ่น ซึ่งครึ่งปีแรกจำหน่ายไฟฟ้าได้ถึง 3,525 GWh (กิกะวัตต์) และเริ่มใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนและราคาซื้อขายไฟฟ้าในตลาดแข่งขัน

สำหรับแผนในครึ่งปีหลังของปี 2568 "บ้านปู" จะเร่งสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่ได้เริ่มไว้ในครึ่งแรกของปี รวมทั้งจะมีการขยายโครงการ CCUS รวมถึงเข้าซื้อกิจการ Bedrock Production ในสหรัฐฯ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในระยะยาว โดยคาดว่าจะมีการทำสัญญาได้ไตรมาส 4 ปีนี้ เงินลงทุนราว 370 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะเป็นการลงทุน 1 ใน 8 ผลผลิตหรือ ราว 108 ล้านฟุตต่อวัน

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่เข้ามากระทบในช่วงครึ่งปีแรก ทั้งราคาถ่านหินและอัตราแลกเปลี่ยนนั้น ในครึ่งปีหลังน่าจะเบาบางลง โดยราคาถ่านหินมีสัญญาณดีขึ้น จากช่วงไตรมาส 2 อยู่ที่ 100 เหรียญฯต่อตัน ตอนนี้ขึ้นมาเป็น 110 เหรียญฯ ต่อตัน คาดว่าราคาเฉลี่ยครึ่งปีหลังจะดีขึ้น รวมไปถึงค่าเงินบาทน่าจะอยู่ในระดับทรงตัวที่ 32.40 บาท คาดว่าผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนน่าจะน้อยกว่าครึ่งปีแรก

สำหรับทิศทางการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 บริษัทฯ จะเดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์ “Energy Symphonics” อย่างต่อเนื่องและเข้มข้นยิ่งขึ้น และมั่นใจว่า EBITDA ปีนี้ น่าจะอยู้ใกล้เคียงกับปีก่อน ที่อยู่ที่ 1,200-1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง