ทูตจีนประจำสหรัฐชี้ ‘เกษตรกร’ ไม่ควรแบกรับภาระจากสงครามการค้า
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ว่านายเซี่ย เฟิง เอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน กล่าวว่า มาตรการกีดกันทางการค้ากำลังแผ่ขยายไปทั่ว และบดบังความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างจีนและสหรัฐ
เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา จีนจัดเก็บภาษีสินค้าเกษตรและอาหารของสหรัฐสูงถึง 15% เป็นมูลค่า 21,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 680,820 ล้านบาท) เพื่อตอบโต้มาตรการภาษีของรัฐบาลวอชิงตัน ขณะที่ในเดือนนี้ ทั้งสองชาติได้ขยายเวลาสงบศึก 90 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าสินค้าของกันและกันในอัตราสามหลัก
ในการกล่าวสุนทรพจน์ต่ออุตสาหกรรมถั่วเหลืองที่กรุงวอชิงตัน เซี่ยระบุว่า การส่งออกสินค้าเกษตรของสหรัฐไปยังจีนในช่วงครึ่งปีแรกลดลง 53% เมื่อเทียบปี 2567 ส่วนการส่งออกถั่วเหลืองลดลง 51% และตำหนิว่า ภาคเกษตรกรรมไม่ควรถูกแทรกแซงโดยการเมือง และ “เกษตรกรไม่ควรมีราคาที่ต้องจ่ายในสงครามการค้า”
เอกอัครราชทูตจีนกล่าวว่า ภาคเกษตรกรรมเป็น “เสาหลักของความสัมพันธ์ทวิภาคี” ซึ่งจีนมีข้อได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบในสินค้าที่ใช้แรงงานเข้มข้น ขณะที่สหรัฐโดดเด่นในสินค้าโภคภัณฑ์
เมื่อกล่าวถึงการที่รัฐบาลวอชิงตันจะจำกัดการซื้อที่ดินของ “ศัตรูต่างชาติ” รวมถึงจีน ที่นางบรูค โรลลินส์ รมว.เกษตรสหรัฐ ประกาศไว้เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา เซี่ยปฏิเสธข้อกังวลดังกล่าว โดยระบุว่า นักลงทุนจีนถือครองที่ดินเกษตรกรรมของสหรัฐน้อยกว่า 0.03% และเรียกข้อจำกัดนี้ว่าเป็น “การปั่นหัวทางการเมือง”.
เครดิตภาพ : AFP