เผยความลับใหม่ของหุบผาที่ยาวที่สุด ในระบบสุริยะบนดาวอังคาร
ดาวอังคารมีเครือข่ายหุบผาขนาดใหญ่ที่ทอดยาวประมาณ 4,000 กิโลเมตร ชื่อว่า วัลเลส มาริเนริส (Valles Marineris) ซึ่งเป็นหุบผาที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ มันใหญ่กว่าหุบผาที่ใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งอยู่ใต้แผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ ครอบคลุมพื้นที่ 750 กิโลเมตร ส่วนหุบผาแกรนด์แคนยอนของสหรัฐ ที่ยาวเพียง 446 กิโลเมตรนั้น เรียกว่าเทียบไม่ติด
ยานอวกาศมาริเนอร์ 9 ขององค์การการบินและอวกาศแห่งสหรัฐหรือนาซา ถ่ายภาพวัลเลส มาริเนริส ได้เป็นครั้งแรกในปีค.ศ. 1972 และต่อมากล้อง HiRISE บนยานสำรวจมาร์ส รีคอนแนสซองซ์ ออร์บิเตอร์ ของนาซา ก็ได้บันทึกภาพเครือข่ายหุบผาแห่งนี้ไว้หลายครั้งตลอดเวลา 19 ปีที่มันอยู่ในวงโคจร
อย่างไรก็ตาม สิ่งมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาต่างโลกแห่งนี้ยังคงเก็บงำความลับไว้มากมาย
ภาพถ่ายล่าสุดนี้ถูกบันทึกเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา และมีการเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นภาพของทางฝั่งตะวันออกของแคนดอร์ แชสมา ซึ่งเป็นหนึ่งในหุบผาที่ใหญ่ที่สุดในเครือข่ายของวัลเลส มาริเนริส และเป็นไปได้ว่าสิ่งที่เห็นในภาพนี้อาจเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของนักธรณีวิทยาดาวเคราะห์เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมยุคโบราณของดาวอังคาร
นักวิทยาศาสตร์จากห้องปฏิบัติการลูนาร์ แอนด์ แพลเนทารี มหาวิทยาลัยแอริโซนา ซึ่งเป็นผู้พัฒนาและควบคุมกล้องถ่ายภาพ HiRISE ระบุว่า กล้องที่มีความละเอียดสูงนี้ได้ถ่ายภาพที่แสดงให้เห็นชั้นตะกอนหนาหลายเมตรที่เป็นข้อมูลใหม่ ที่สำคัญคือ ชั้นตะกอนเหล่านี้น่าจะมีอายุย้อนไปถึงช่วงที่หุบเขาก่อตัวขึ้น เพราะดูเหมือนว่าชั้นตะกอนเหล่านี้จะถูกกัดเซาะ บิดเบี้ยว และโค้งงอจากการเคลื่อนตัวของเปลือกดาวเคราะห์
ดาวอังคารไม่มีเปลือกโลกหลายแผ่นซึ่งยังมีการเคลื่อนไหวได้เหมือนบนโลก แต่เปลือกดาวของมันเป็นแผ่นเดียวกันที่มีขนาดใหญ่มหึมา อย่างไรก็ตาม ยังคงมีการก่อตัวของรอยเลื่อนและรอยแตกในเปลือกดาวระหว่างที่มันเริ่มเย็นตัวลง
นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า วัลเลส มาริเนริส รวมถึงแคนดอร์ แชสมา เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ ตามด้วยการถล่มของแผ่นดิน, น้ำท่วม และการกัดเซาะในภายหลังจนกลายเป็นรูปร่างในปัจจุบัน ซึ่งต่างจากแกรนด์แคนยอนของโลกที่เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำ
ในปีค.ศ. 2021 องค์การอวกาศยุโรป (ESA) เปิดเผยว่ายานเอ็กโซมาร์ส เทรซ แกซ ออร์บิเตอร์ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ESA และหน่วยงานอวกาศของรัสเซีย ได้พบ “น้ำ” ใต้พื้นผิวในแคนดอร์ แชสมา และมีการคาดการณ์ว่าวัสดุที่อยู่ใกล้พื้นผิวใน วัลเลส มาริเนริสอาจมีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึง 40% ซึ่งทำให้มันคล้ายคลึงกับภูมิภาคที่มีลักษณะเยือกแข็งถาวรบนโลกเช่นที่อะแลสกา, แคนาดา, กรีนแลนด์ และไซบีเรีย ที่มีน้ำแข็งอยู่ใต้ดินอย่างถาวรเนื่องจากอุณหภูมิที่อยู่ในระดับต่ำตลอดเวลา
แคนดอร์ แชสมาเต็มไปด้วยด้วยผาสูงชันและภูมิประเทศที่ทุรกันดาร นับเป็นพื้นที่ที่ท้าทายสำหรับการส่งยานสำรวจไปยังพื้นที่ อย่างไรก็ตาม โครงการสำรวจวัลเลส มาริเนริส ของสำนักงานอวกาศเยอรมนีกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการส่งยานสำรวจไร้คนขับ ยานแบบตีนตะขาบ และอากาศยานไร้คนขับจำนวนมากไปยังภูมิประเทศที่อันตรายแห่งนี้ในอนาคต
ที่มา : livescience.com
เครดิตภาพ : NASA/JPL-Caltech/University of Arizona