ชัวร์ก่อนแชร์: เลี้ยงหมา-แมว ยิ่งทำให้โลกร้อน จริงหรือ?
25 สิงหาคม 2568
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล
ข้อมูลน่าสงสัย :
มีข่าวสร้างความกังวลต่อการเลี้ยงสุนัขและแมวเผยแพร่ในต่างประเทศ ที่อ้างว่า การมีสัตว์เลี้ยง 1 ตัวปลดปล่อยปริมาณคาร์บอนเท่ากับการเป็นเจ้าของรถยนต์ 1 คัน และอ้างว่าสื่อที่สนับสนุนความเชื่อเรื่องโลกร้อนแนะนำให้ประชาชนละเว้นการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยง เพื่อยับยั้งปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอีกด้วย
บทสรุป :
1.การปลดปล่อยคาร์บอนจากการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงมีแค่ 1-3% จากอุตสาหกรรมอาหารโดยรวม
2.การเลี้ยงสุนัข 1 ตัวปลดปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าการเป็นเจ้าของรถยนต์ถึง 5 เท่า
FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :
หัวข้อข่าวทำให้เข้าใจผิด
ข้ออ้างว่าสื่อแนะนำให้คนเลิกเลี้ยงสัตว์เพื่อยับยั้งภาวะโลกร้อน มาจากบทความเรื่อง The case against pets: is it time to give up our cats and dogs? เผยแพร่ทางเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ The Guardian เมื่อปี 2023 ซึ่งอ้างว่าสื่อดังของประเทศอังกฤษได้รับเงินสนับสนุนจาก บิล เกตส์ มหาเศรษฐีที่รณรงค์เรื่องโลกร้อน The Guardian จึงกระตุ้นให้ผู้อ่านเลิกเลี้ยงสัตว์ เพื่อเอาใจแนวคิดรักษ์โลกตามอย่างนายทุนที่ออกเงินสนับสนุนสำนักข่าว
อย่างไรก็ดี แม้คำที่ใช้ในการพาดหัวข่าว อาจทำให้เข้าใจผิดว่าบทความพูดถึงทางเลือกในการยุติการมีสัตว์เลี้ยง แต่จริง ๆ แล้ว หัวใจของเนื้อหาพูดถึงหลักจริยธรรมในการเลี้ยงสัตว์เอาไว้ในบ้าน และวิธีสร้างสภาพแวดล้อมให้สัตว์เลี้ยงมีความสุข
ในช่วงท้ายของบทความ มีการกล่าวถึงประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยแหล่งข่าว ที่ย้ำถึงประเด็นรอยเท้าคาร์บอนของสัตว์เลี้ยงที่ผู้คนมักไม่ค่อยพูดถึง เพราะขณะที่คนเลี้ยงสัตว์หลายรายหันมากินมังสวิรัติเพื่อลดการทำฟาร์ม ซึ่งเป็นแหล่งผลิตก๊าซเรือนกระจกปริมาณมหาศาล แต่สัตว์เลี้ยงของพวกเขาก็ยังต้องกินเนื้อสัตว์อยู่ดี
การเลี้ยงสัตว์ปลดปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าการมีรถยนต์
งานวิจัยที่เตือนถึงปัญหาสภาพแวดล้อมกับการเลี้ยงสัตว์มากที่สุดคืองานวิจัยปี 2017 ของ เกรกอรี โอคิน ศาสตราจารย์ด้านภูมิศาสตร์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส
งานวิจัยพบว่าอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงสำหรับสุนัขและแมวในสหรัฐฯ ปลดปล่อยปริมาณคาร์บอนต่อปีถึง 64 ล้านตัน เทียบกับการปลดปล่อยคาร์บอนของรถยนต์บนถนนจำนวน 13.6 ล้านคัน
เกรกอรี โอคิน เปรียบเปรยว่า หากสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นรวมตัวกันตั้งประเทศของตนเอง ประเทศของพวกมันจะติดอันดับที่ 5 ของรายชื่อประเทศที่ปลดปล่อยปริมาณคาร์บอนมากที่สุดในโลก รองจากสาธารณรัฐประชาชนจีน สหรัฐอเมริกา บราซิล และรัสเซีย
อย่างไรก็ดี นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ตั้งแง่ต่อผลการประเมินของ เกรกอรี โอคิน เนื่องจากวัตถุดิบที่นำมาผลิตอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง นำมาจากวัตถุดิบเหลือใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสำหรับมนุษย์ เช่น ส่วนที่เป็นปอด ไต และกระเพาะของสัตว์ ซึ่งไม่นำมาเป็นอาหารของมนุษย์ ดังนั้นปริมาณคาร์บอนจากอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงอาจไม่สูงเท่าที่มีการประเมิน
ผลการวิจัยของ ปีเตอร์ อเล็กซานเดอร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภาควิชาความมั่นคงทางอาหารโลก มหาวิทยาลัยเอดินบะระ พบว่าสัดส่วนการปลดปล่อยปริมาณคาร์บอนในอุตสาหกรรมอาหารโดยรวม มาจากการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแค่ 1-3% ซึ่งน้อยกว่าปริมาณที่ระบุในงานวิจัยปี 2017 อย่างมาก
ปีเตอร์ อเล็กซานเดอร์ ประเมินว่าการเลี้ยงสุนัขพันธุ์ใหญ่น้ำหนัก 10 กิโลกรัมเป็นเวลา 1 ปี จะปลดปล่อยปริมาณคาร์บอนเท่ากับการขับรถยนต์ขนาดกลางในสหราชอาณาจักรด้วยระยะทาง 2,000 กิโลเมตร ซึ่งเท่ากับระยะทาง 1 ใน 5 ของการขับรถยนต์ในช่วงเวลา 1 ปี
ดังนั้นการเป็นเจ้าของสุนัข 1 ตัวจึงปลดปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าการเป็นเจ้าของรถยนต์ถึง 5 เท่า
ปีเตอร์ อเล็กซานเดอร์ แนะนำว่า นอกจากการเลี้ยงสัตว์ จะมีประโยชน์ต่อจิตใจต่อผู้เลี้ยงแล้ว ยังมีทางเลือกการเลี้ยงสัตว์โดยไม่เพิ่มภาระด้านสิ่งแวดล้อม เช่น หันมาเลี้ยงสัตว์ในจำนวนที่เหมาะสม เลือกเลี้ยงสัตว์ที่มีขนาดเล็กลงเพื่อลดปริมาณการบริโภค หรือการเพิ่มความหลากหลายของอาหารสัตว์เลี้ยงด้วยการลดปริมาณเนื้อสัตว์ในแต่ละมื้อ
ข้อมูลอ้างอิง :
https://www.reuters.com/fact-check/article-did-not-suggest-pets-should-be-given-up-fight-climate-change-2024-07-23/
https://www.euronews.com/my-europe/2024/02/27/fact-check-do-pets-pollute-as-much-as-cars