สวนลอยฟ้า ณ แยกสีลม-พระราม 4
ไม่ใช่แค่สวนที่มีต้นไม้ น้ำตก และทางเดิน แต่ต้องการให้เป็นพื้นที่ที่ทั้งผู้คนได้เข้ามาใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และสัตว์ขนาดเล็กได้เข้ามาใช้เป็นพื้นที่อาศัย ให้สมกับที่เป็นสวนลอยฟ้าใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย (Thailand’s Largest Urban Roof Park)
พันธุ์ไม้ไทยที่ถูกเลือกมาเป็นส่วนหนึ่งของสวนลอยฟ้าแห่งนี้ มีที่มาซึ่งอ้างอิงจากนิราศภูเขาทอง นิราศพระบาท วรรณคดีของสุนทรภู่ที่ประพันธ์ไว้ในระหว่างการเดินทาง ที่ไม่เพียงสะท้อนภาพของสังคมไทยในวันวานนั้น แต่ยังเป็นบทบันทึกที่ทำให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ซึ่งหนึ่งในนั้นคือชื่อของพันธุ์ไม้ไทยที่แทรกอยู่ในกลอนบทต่าง ๆ
“ไม้ใหญ่ที่อยู่ในสวนลอยฟ้าแต่ละต้นจะมีป้ายบอกชื่อและคิวอาร์โค้ดที่สามารถแสกนแล้ว จะมีข้อมูลของต้นไม้นั้น ๆ ให้อ่าน อย่างหมากเม่าหรือมะเม่า มะกอกน้ำต้นไม้ที่เป็นที่มาชื่อภาษาอังกฤษของกรุงเทพ “บางกอก” ในอดีตมีต้นมะกอกน้ำมากฝรั่งที่เข้ามาค้าขายในยุคนั้นจึงเรียกว่าบางมะกอก ซึ่งต่อมาเพี้ยนจนเหลือสั้น ๆ แค่บางกอก นอกจากนี้ยังมีต้นฝาดแดง ต้นพยอม ลำพู ที่เราหวังว่าจะมีหิ่งห้อยมาขออาศัยอยู่ด้วย ต้นไม้ที่เราเลือกส่วนใหญ่เป็นไม้ที่คายออกซิเจนได้ดี ไม้ใบหนามีขนที่จะช่วยดักฝุ่นได้ เพื่อช่วยฟอกอากาศให้กับคนกรุงเทพได้”
ไม่ใช่เพียงแค่ต้นไม้น้อยใหญ่ที่คัดเลือกมาอย่างพิถีพิถัน แต่พื้นที่สีเขียวลอยฟ้าขนาด 7 ไร่ หรือ 11,200 ตารางเมตร ยังมีส่วนจำลองแอ่งน้ำและน้ำตกขนาดใหญ่และเล็กทั่วบริเวณ มีทางเดินที่ออกแบบด้วยหลัก Universal Design ที่เหมาะกับผู้ใช้งานทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ใช้รถเข็นมีไฮไลท์อยู่ที่จุดชมวิว “Bird Nest” ที่ทุกคนสามารถชมทัศนียภาพของกรุงเทพฯ ได้อย่างเต็มตา โดยเฉพาะภาพพื้นที่สีเขียวอันกว้างไหลของสวนลุมพินีที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มีโซนกิจกรรมและสันทนาการ Amphitheater ที่นั่งลดหลั่นอย่างลงตัวที่เหมาะสำหรับการจัดกิจกรรมสันทนาการทั้งเรื่องดนตรีและศิลปะ พร้อมโซนสำหรับการเดินเล่นและออกกำลังกาย
ละเอียด โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิมานสุริยา จำกัด กล่าวว่า เราให้ความสำคัญกับการสร้างพื้นที่นี้ให้เป็นพื้นที่สีเขียวที่มีคุณภาพ ผ่านการผสานหลักการออกแบบ Biophilic Design ที่เชื่อมโยงผู้คนเข้ากับธรรมชาติด้วยองค์ประกอบ เช่น พื้นผิว ลวดลาย และวัสดุธรรมชาติ ที่จะช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของมนุษย์ ทั้งภาพของความเขียวขจี กลิ่นหอมของดอกไม้ รวมถึงเสียงและสัมผัสที่เย็นสบายจากน้ำตก ประกอบกับหลักการของระบบนิเวศ (Ecosystem Principles) ผ่านการคัดเลือกต้นไม้ที่นอกจากจะช่วยสร้างออกซิเจนและดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์และฝุ่นแล้ว ยังเป็นเป็นบ้านของนก แมลงที่เป็นประโยชน์ และสัตว์เล็กสัตว์น้อย ที่เกื้อหนุนการดำรงอยู่ของธรรมชาติได้อย่างแท้จริง
แนวคิด “Biophilia” หรือ “ความรักในธรรมชาติ” ที่นำมาผสานการออกแบบสวนลอยฟ้าแห่งนี้ เพราะเชื่อว่ามนุษย์มีสายใยทางใจและชีวภาพกับธรรมชาติตั้งแต่กำเนิด การได้อยู่ท่ามกลางต้นไม้ ลม แสงแดด และสิ่งมีชีวิตเล็กๆจะช่วยฟื้นฟูสุขภาพจิตและเติมพลังให้ชีวิต ขณะที่ “Ecosystem” หรือ “ระบบนิเวศ” หมายถึงระบบที่สิ่งมีชีวิตทุกชนิดอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบ แนวคิดนี้คือหัวใจของการออกแบบที่นำองค์ประกอบธรรมชาติเช่น พรรณไม้ จุลินทรีย์ น้ำ ดิน และอากาศ มาผสมผสานกันอย่างกลมกลืน การรวมกันของทั้ง 2 แนวคิดอย่าง Biophilia และ Ecosystem ทำให้สวนลอยฟ้าแห่งนี้กลายเป็นพื้นที่สีเขียวที่ทั้งเยียวยา ฟื้นฟู และอยู่ร่วมกับเมืองได้อย่างมีสมดุล
นอกจากนี้ยังมีโซน Food Passage ที่ทุกคนจะได้ลิ้มลองอาหารจากร้านชื่อดัง โซน D Garden ที่เชื่อมต่อกับ Residents’ Private Garden ของลูกบ้านของโครงการ The Residences at Dusit Central Park
“สวนลอยฟ้าแห่งนี้เกิดจากวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของทีมผู้บริหารที่ต้องการพัฒนาพื้นที่มิกซ์ยูสของโครงการฯ ให้เป็นมากกว่าพื้นที่เชิงธุรกิจบน Prime Location แต่เป็นพื้นที่ที่ตอบแทนสังคม ต้อนรับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย รองรับทุกความต้องการและทุกไลฟ์สไตล์ ถือเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์สำคัญที่เชื่อมต่อทุกองค์ประกอบของโครงการ ทั้งโรงแรม ที่พักอาศัย ศูนย์การค้า และสำนักงานเข้าไว้ด้วยกัน และนับเป็นครั้งแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่โครงการขนาดใหญ่ใจกลางเมืองได้สร้างสรรค์พื้นที่สีเขียวสำหรับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มดุสิตธานี ย้ำ
สวนลอยฟ้าจะเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 กันยายนนี้ พร้อมกับชื่ออย่างเป็นทางการที่มาจากแคมเปญ ‘The Landmark of Thai Pride: Roof Park Naming’ การประกวดตั้งชื่อที่มีผู้สนใจส่งชื่อเข้าประกวดอย่างล้นหลามกว่า 2,200 ชื่อ เปิดบริการทุกวัน เวลา 06.00 – 22.00 น. ผู้มาใช้บริการนอกเวลาปิด-เปิดของศูนย์การค้า สามารถใช้ลิฟต์ที่ทางโครงการเตรียมไว้ให้ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Facebook: www.facebook.com/dusitcentral และ Instagram: www.instagram.com/dusitcentralpark
สามารถเข้าถึงได้ง่ายทั้งทางรถยนต์ที่สามารถนำเข้ามาจอดภายในโครงการ ระบบขนส่งมวลชนทั้งรถไฟฟ้า BTS สถานีศาลาแดง และรถไฟใต้ดิน MRT สถานีสีลมที่มีทางเชื่อมจากสถานีตรงเข้าสู่ตัวโครงการฯ อย่างไร้รอยต่อ หรือจะเป็นการเดินทางโดยรถประจำทางสาย 15, 3-45 (77), 3-52R, 3-9E (45), 4, 4-68, 77, 141, 113, 115, 162, 514
อธิชา ชื่นใจ