รายงานพิเศษ : FM ฐานะการเงินแข็งแกร่ง D/E - ราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสม แถมจ่ายปันผลสม่ำเสมอ
แม้ผลงานไตรมาส 2/68 ของบมจ.ฟู้ดโมเม้นท์ (FM) จะชะลอตัวผลจากการแข็งค่าของเงินบาท แต่โบรกเกอร์ยังแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่งมี D/E ที่ต่ำ และคาด Dividend Yield ปี 68 สูงสุดอยู่ที่ 7% และราคาหุ้นปัจจุบันยังต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสม
นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของ บมจ.ฟู้ดโมเม้นท์ (FM) ที่ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2/25 อยู่ที่ 186 ล้านบาท ลดลง 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 3% จากไตรมาสก่อน จากอัตรามาร์จิ้นที่ลดลงจากผลกระทบค่าเงินบาทที่แข็งค่าเป็นหลัก
โดย 1. รายได้ไก่สดชำแหละลดลง 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 6% จากไตรมาสก่อน จากปริมาณการขายไก่สดชำแหละลดลง และราคาเฉลี่ยลดลงตา ต้นทุนที่ลดลง
2.รายได้ไก่แปรรูปปรุงสุก CAV เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เพิ่มขึ้น 17% จากไตรมาสก่อน จากปริมาณการขายอยู่ที่ 5,860 ตัน เพิ่มขึ้น 17% ทั้ง จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน และราคาเฉลี่ยลดลง 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ทรงตัว จากไตรมาสก่อน จาก product mix
โดยกลุ่มประเทศยุโรปที่มีการสั่งซื้อเพิ่มขึ้น อัตราทำกำไรขั้นต้น ลดลงอยู่ที่ 15.3% จากค่าเงินบาทที่แข็งค่า แม้ว่าต้นทุนลดลงจากกากถั่วเหลืองและข้าวโพด อาหารสัตว์ลดลง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย 3.8% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ใกล้เคียงกับ จากไตรมาสก่อน จากการบริหารควบคุมค่าใช้จ่าย ไตรมาสนี้รับรู้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 6 ล้านบาท
ทั้งนี้กำไรสุทธิครึ่งแรกปี 68 คิดเป็น 52% ของกำไรที่คาดทั้งปี โดยฝ่ายวิจัยคาดไตรมาส 3/68 มีแนวโน้มดีขึ้นจาก ต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลง แต่คาดไตรมาส 4/68 จะอ่อนตัว จากไตรมาสก่อน จากช่วง low season ยังคงประมาณการเดิมคาดการณ์กำไรปี 2568-69 เติบโตเฉลี่ย 8% (CAGR2Y) จากรายได้ปี 2568-69 เพิ่มขึ้น 9% และ 10% ตามลำดับ คาดราคาขายเฉลี่ยทั้งไก่สดชำแหละและไก่แปรรูปปรุงสุกปี 2568 ลดลงจาก 3% และ 1% โดยอ้างอิงราคาไก่ตลาดที่คาด 40 บาท/กก. จากปี 2567 ที่คาดเฉลี่ย 41 บาท/กก. คาดปริมาณการขายไก่สดจะเพิ่มขึ้นปีละ 8% และ 6% ตามลำดับ
โดยบริษัทมีการขยายตลาดใหม่ๆไปในปี 2568 ได้แก่ ฟิลิปปินส์ และ UAE เป็นการส่งออกไก่สดชำแหละและไก่แปรรูปปรุงสุก โดยบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ประเทศ UAE เป็นสัดส่วน 5% และฟิลิปปินส์ตั้งเป้ารายได้เป็นสัดส่วน 2% ของรายได้ส่งออก คาดต้นทุนข้าวโพดและกากถั่วเหลือง ซึ่งเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่จะลดลง 2% และ 5% ตามลำดับ ส่งผลให้มาร์จิ้นโดยรวมจะอยู่ที่ 15.1-15.2%
บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.15 บาท/หุ้น (XD 28 ส.ค.25) โดยบริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง มี Net D/E เป็นเงินสดสุทธิ และมี D/E 25F อยู่ที่ 0.3 เท่า บริษัท มีแผนการจ่ายคืนชำระหนี้ปีละ 96 ล้านบาท ช่วยลดภาระดอกเบี้ยจ่ายจากกระแสเงินสดในมือที่ยังมีสูง เราคาดบริษัทจะจ่ายเงินปันผลในปี 2568-69F ที่ 0.29- 0.32 บาท จากการคาดนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะของบริษัท หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล เงินสำรองตามกฎหมาย และเงินสำรองต่างๆ
ดังนั้นแนะนำ“ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 7.2 บาท จากปัจจัยพื้นฐานยังเติบโตจากการขยายธุรกิจไก่แปรรูป และขยายตลาดส่งออก ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสมมากที่สุดในกลุ่ม บริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง มี D/E ที่ต่ำ และคาด Dividend Yield ปี 2568 สูงสุดอยู่ที่ 7%
ด้านนายณัฐพล ดุษฎีโหนด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FM มั่นใจว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการของผู้บริโภคที่อยู่ในระดับที่ดี และบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพ พร้อมเดินหน้านำเทคโนโลยีมาปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและปริมาณการขาย ตลอดจนผลักดันกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันการปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เหลือ 0% อาจเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ช่วยให้บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น