โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

“รัตนโกสินทร์ Insinght” เสวนาวิชาการ 70 ปีคณะโบราณคดี ถึง “บ้าน” ที่ชื่อกรุงรัตนโกสินทร์

ศิลปวัฒนธรรม

อัพเดต 54 นาทีที่แล้ว • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“รัตนโกสินทร์ Insinght” เสวนาวิชาการ 70 ปีคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปกร ถึง “บ้าน” ที่ชื่อกรุงรัตนโกสินทร์

เพราะกรุงรัตนโกสินทร์เปรียบเสมือนบ้าน เนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปีคณะโบราณคดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากรจึงมาเล่าเรื่องของ “บ้าน” หลังนี้ ผ่านมุมมองอันหลากหลาย ในกิจกรรมเสวนาวิชาการ “รัตนโกสินทร์ Insinght”พร้อมเปิดตัวหนังสือ (คณะ)โบราณคดีมองกรุงรัตนโกสินทร์ที่เจาะลึกเรื่องราวของพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์ หรือ “เกาะรัตนโกสินทร์” ศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์สำคัญใจกลางกรุงเทพฯ และประเทศไทย

งานนี้มีคือ ผศ. ดร. ดำรงพล อินทร์จันทร์ คณบดีคณะโบราณคดี เป็นประธานกล่าวเปิดงาน วิทยากรคือคณาจารย์จาก 6 ภาควิชา ได้แก่ รศ. ดร. กรรณิการ์ สุธีรัตนาภิรมย์ภาควิชาโบราณคดี, อาจารย์ศศิธร ศิลป์วุฒยาภาควิชามานุษยวิทยา, ผศ. ดร. พัสวีสิริ เปรมกุลนันท์ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ, อาจารย์พอพล สุกใสภาควิชาภาษาตะวันออก, อาจารย์ภูมิ ภูติมหาตมะสาขาวิชาประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และอาจารย์ ดร. ศิวศิลป์ ศิริจักรเศรษฐ์สาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส ดำเนินรายการโดย รศ. ดร. ประภัสสร์ ชูวิเชียรจัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ

รัตนโกสินทร์ Insinght เสวนาวิชาการ 70 ปีคณะโบราณคดี

ทำไมต้อง “กรุงรัตโกสินทร์” ?

คณาจารย์มีมุมมองต่อกรุงรัตนโกสินทร์ตรงกัน คือเป็น “บ้าน” ที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ของคณะโบราณคดี ที่สำคัญคือมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับทุกศาสตร์-สาขาวิชาของคณะ

ในอดีต ม.ศิลปากรเคยเป็นวังที่ประทับของเจ้านาย พื้นที่แห่งนี้คือแหล่งรวมมรดกความเป็นกรุงเทพฯ และความเป็นไทย ในฐานะราชธานี ทั้งรายล้อมไปด้วยชุมชนมากมายที่ตั้งถิ่นกันมาอย่างยาวนาน กับที่โยกย้ายเข้ามาใหม่ ทำให้มีความเป็นพหุวัฒนธรรม การเป็นศูนย์กลางการปกครองยังทำให้มีการติดต่อกับนานาชาติ มีการเข้ามาของคนหลากเชื้อชาติ หลายภาษาด้วย

กล่าวได้ว่า เกาะรัตนโกสินทร์เป็นแหล่งรวมองค์ความรู้ทั้งทางโบราณคดี ประวัติศาสตร์ศิลปะ มานุษยวิทยา ภาษา จารึก และประวัติศาสตร์ท้องถิ่นไว้อย่างครบถ้วน

“พื้นที่” ของแต่ละสาขาวิชา

อ. ประภัสสร์ เผยว่า หนังสือ (คณะ)โบราณคดีมองกรุงรัตนโกสินทร์พยายามสะท้อนความเชื่อมโยงคณะโบราณคดีในบทบาทสถาบันวิชาการเข้ากับพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ จึงมอบหมายให้แต่ละสาขาวิชานำเสนอพื้นที่ต่าง ๆ ภายในเกาะรัตนโกสินทร์ผ่านศาสตร์ในสาขาวิชาของตน ดังนี้

1. ภาควิชาโบราณคดี – มิวเซียมสยาม พื้นที่แรกในกรุงรัตนโกสินทร์ที่มีการสำรวจขุดค้นทางโบราณคดีอย่างจริงจัง โดยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานราชการกับคณะโบราณคดี

2. ภาควิชามานุษยวิทยา – ชุมชนเสาชิงช้า ชุมชนเก่าแก่ที่ต้องปรับตัวและต่อรองกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากรัฐอยู่เสมอ

3. ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ – พระบรมมหาราชวังกับวังท่าพระ ในฐานะศูนย์กลางศิลปะแบบจารีตของไทยแต่โบราณ

4. ภาควิชาภาษาตะวันออก – วัดพระเชตุพนฯอันเนื่องมาจากวัดวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม คือแหล่งรวมจารึกเยอะที่สุดในกรุงเทพฯ

5. สาขาวิชาประวัติศาสตร์ท้องถิ่น – บางลำพูย่านเก่าแก่ที่มีความหลากหลาย แหล่งรวมอาหารการกินที่สำคัญของชุมชนโดยรอบ

และ 6. สาขาวิชาภาษาฝรั่งเศสบูรณาการร่วมกับสาขาวิชาอื่น ๆ ด้วยการแปลคำศัพท์เฉพาะเป็นภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส เพื่อใช้เป็นตัวแทนเรื่องราวในแต่ละส่วน ด้วยหลักวิธีที่ละเอียด ถูกต้อง

แต่ละสาขาวิชาเล่าถึงอะไรบ้าง ?

คณาจารย์แต่ละท่านได้เล่าถึงรายละเอียดต่าง ๆ ที่รวบรวมไว้ในหนังสือ และเกร็ดน่ารู้เกี่ยวในศาสตร์ของตนต่อการศึกษาและเข้าใจกรุงรัตนโกสินทร์

อ. กรรณิการ์ แห่งภาควิชาโบราณคดี เล่าว่า ก่อนการขุดค้นทางโบราณคดีบริเวณมิวเซียมสยาม เพิ่งมีการขุดค้นในเขตเกาะเมืองช่วงการสำรวจพื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อปี 2537 ทำให้เราได้รู้ว่าใต้ดินกรุงเทพฯ มีอะไรให้ค้นพบมากมาย ก่อนจะต่อยอดไปสู่การขุดค้นที่ รพ. ศิริราช ปิยราชการุณ ซึ่งการศึกษาครั้งนั้นทำให้นักโบราณคดีรู้ว่ากำแพงและป้อมเมืองธนบุรีอยู่ตรงไหน เป็นยังไง ถือเป็นความก้าวหน้าที่ทำให้รู้จักกรุงรัตนโกสินทร์และธนบุรีผ่านหลักฐานเชิงประจักษ์ มากกว่าแค่หน้ากระดาษ

ส่วน อ. พัสวีสิริ แห่งภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ เผยว่า การค้นคว้าภายในพื้นที่พระบรมมหาราชวังทำให้พบประเด็นสำคัญมากมายเกี่ยวกับงานช่างหลวง ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ระบบสัญลักษณ์ และคติต่างๆ ทุกอย่างที่ประกอบกันเป็นพระบรมมหาราชวังล้วนมีความหมายที่สื่อถึงองค์พระมหากษัตริย์ พระราชวงศ์ พระราชอำนาจ ดินแดน ฯลฯ บ่งบอกลำดับชั้นของศิลปะไทยประเพณีได้เป็นอย่างดี

เช่นกันกับ อ. พอพล จากภาควิชาภาษาตะวันออก ที่ชี้ว่า การศึกษาจารึกพระเชตุพนฯ ช่วยยืนยันได้ว่า “จารึกวัดโพธิ์” สมศักดิ์ศรีความเป็นมรดกโลกหรือไม่ อย่างไร ในฐานะแหล่งรวมเอกสารและจารึกที่มีคุณค่าของไทย

สำหรับงานด้านมานุษยวิทยาของ อ. ศศิธร จากภาควิชามานุษยวิทยา ก็เผยให้เห็นถึงพัฒนาการของชุมชนย่านเสาชิงช้า ซึ่งเป็นศูนย์กลางศาสนถานที่ประกอบพิธีของราชสำนักมาแต่เดิม เริ่มต้นจากการเป็นชุมชนพราหมณ์ แล้วค่อย ๆ ปรับตัวมาตลอดเวลา มีการเข้ามาของคนกลุ่มใหม่ ๆ การย้ายถิ่นฐาน ก่อนกลายเป็นย่านท่องเที่ยวในปัจจุบัน

ใกล้เคียงกับงานของ อ. ภูมิ จากสาขาวิชาประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ที่เล่าว่าย่านบางลำพู สะท้อนภาพการเติบโตของเกาะรัตนโกสินทร์ยังไงบ้าง แต่จะต่างกันกับชุมชนเสาชิงช้าตรงที่บางลำภูมีความต่อเนื่องของผู้คนมากกว่า เป็นถิ่นวังหน้าของรัชกาลที่ 1 พื้นที่ดังกล่าวมีบ้านขุนนางท่ามกลางบ้านเรือนราษฎร ทั้งมีความหลากหลายทางเชื้อชาติที่ศึกษาแล้วมองเห็นไปถึงอนาคตและเห็นรูปแบบการขับเคลื่อนย่านด้วย

ด้าน อ. ศิวศิลป์ แห่งสาขาวิชาภาษาฝรั่งเศสให้ความเห็นว่า พื้นที่เกาะเมืองเต็มไปด้วยมรดกมากมาย สถานที่เหล่านี้คือห้องแล็บทางภาษาที่มีชีวิต โดยการมีส่วนร่วมในการศึกษาครั้งนี้คือ บ่อยครั้งข้อมูลต่าง ๆ จะเป็นภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส จึงต้องใช้ความเข้าใจด้านภาษาเพื่อเข้าถึงองค์ความรู้ แล้วถ่ายทอดและบูรณาการร่วมกับกับสาขาวิชาอื่น ๆ

อ. ประภัสสร์ ยังให้รายละเอียดด้วยว่า หนังสือ (คณะ)โบราณคดีมองกรุงรัตนโกสินทร์ใช้วิธี “เขียนแจม” แบบข้ามศาสตร์ คือเพิ่มเนื้อหาข้ามสาขาวิชาแทรกอยู่ในแต่ละส่วนของเนื้อหา เช่น ภาควิชาภาษาตะวันออกแทรกมุมมองด้านภาษาในเนื้อหาวังท่าพระของภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะแทรกข้อมูลสถาปัตยกรรมแบบยุโรปยุครัชกาลที่ 5 ในเนื้อหามิวเซียมสยามของภาควิชาโบราณคดี เป็นต้น

การอนุรักษ์ร่วมกับการพัฒนา

อีกหนึ่งประเด็นชวนขบคิดบนเวทีเสวนาคือ เมื่อกรุงรัตนโกสินทร์ไม่ใช่เฉพาะศูนย์กลางอันคราคร่ำไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ แต่เป็นใจกลางเมืองหลวงที่การพัฒนาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราจะอนุรักษ์มรดกดังกล่าวไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาอย่างไร ?

อ. ศิวศิลป์ มองว่า คณะโบราณคดีคงต้องทำงานให้มากขึ้นด้วยการใช้ทรัพยากรทางวัฒนธรรมให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจด้วย แล้วใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนผ่านการท่องเที่ยว

ด้าน อ. ภูมิ ชี้ว่า ต้องมีการ “เสริมพลัง” สร้างการมีส่วนร่วม หาพันธมิตรมาหรือบัณฑิตที่จบไปแล้วทำงานอยู่ตามภาคส่วนต่าง ๆ มาช่วยกันคิดช่วยกันทำ

“ความเป็นศูนย์กลางเมืองทำให้เกาะรัตนโกสินทร์ถูกให้ความสำคัญสูงอยู่แล้ว สิ่งต่อมาคือต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป สิ่งสำคัญคือเราจะให้ดับไปยังไง… ตอนนี้สิ่งที่เราขาดคือพื้นที่การเรียนรู้สำหรับผู้สูงอายุหรือเด็ก ๆ อีกอย่างคือควรแก้ไขอุปสรรคที่มาจากระบบราชการ ต้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมได้โดยมีระบบตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ แล้วสร้างความร่วมมือกับบัณฑิตเก่ง ๆ ”อาจารย์จากสาขาวิชาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นกล่าว

สอดคล้องกับ อ. ศศิธร ซึ่งมองว่าเราไม่ควรอนุรักษ์โดยแช่แข็ง ผู้คนควรมีส่วนร่วมการการพัฒนาโดยรัฐกับชุมชนต้องทำความเข้าใจร่วมกันด้วย

พันธกิจของคณะโบราณคดีต่อ “บ้าน”

คณาจารย์ 6 ภาควิชาเห็นพ้องต้องกันว่า สิ่งที่คณะโบราณคดีทำตลอดมาเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจต่อ “บ้าน” ชื่อกรุงรัตนโกสินทร์อยู่แล้ว สิ่งที่ต้องเพิ่มเติมคือการเป็น “สหวิทยาการ”หรือการทำงานข้ามศาสตร์เพื่อส่งต่อกระบวนการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบูรณาการองค์ความรู้ที่เป็นวิชาการมาทำให้สามารถลงไปสู่สังคมอย่างกว้างขวาง

นี่คือภารกิจที่คณะโบราณคดี ในฐานะ “เจ้าถิ่น” หรือ “เจ้าภาพ” ต้องทำให้เกิดขึ้น

ดังที่ ผศ. ดร. ดำรงพล อินทร์จันทร์ คณบดีคณะโบราณคดี กล่าวว่า “การครบรอบ 70 ปีคณะโบราณคดี จึงไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จทางวิชาการเท่านั้น แต่ยังเน้นย้ำความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างชุมชน นักวิชาการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรักษาและสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมให้อยู่คู่สังคมไทย และสังคมโลก”

โดยมีหนังสือ (คณะ)โบราณคดีมองกรุงรัตนโกสินทร์เป็นประจักษ์พยานความพยายามสะท้อนความเชื่อมโยงข้างต้นอย่างเป็นรูปธรรมและมีชีวิตชีวา

หลังงานเสวนาสามารถบริจาคเพื่อสนับสนุนการจัดการศึกษาของคณะโบราณคดีจำนวน 200 บาทและรับหนังสือ(คณะ)โบราณคดีมองกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นอภินันทนาการจำนวน 1 เล่ม ได้ที่คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ตั้งแต่เวลา 13.00-18.00 น. (ไม่มีการจัดส่ง) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่เพจ ณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 11 สิงหาคม 2568

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : “รัตนโกสินทร์ Insinght” เสวนาวิชาการ 70 ปีคณะโบราณคดี ถึง “บ้าน” ที่ชื่อกรุงรัตนโกสินทร์

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ศิลปวัฒนธรรม

รัชกาลที่ 5 ทรงมี “พี่น้อง” ร่วมพระราชบิดาและพระราชมารดากี่พระองค์?

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“ต้นยางอำเภอสารภี” อายุกว่า 100 ปี 800 กว่าต้น แลนด์มาร์คสำคัญของเชียงใหม่ มีที่มาอย่างไร

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

บานสะพรั่งรับวันแม่ "ทุ่งเอื้องลิ้นมังกร" ที่อุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว

Manager Online

เจมีไนน์ บินร่วมงาน The House of Creed Pop-Up ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์

THE STANDARD

‘อนุญาโตตุลาการ’ ทางเลือกในโลกธุรกิจ ยุติข้อพิพาทอย่างมืออาชีพ ไม่ต้องถึงศาล

BT Beartai

รัชกาลที่ 5 ทรงมี “พี่น้อง” ร่วมพระราชบิดาและพระราชมารดากี่พระองค์?

ศิลปวัฒนธรรม

5 อาหารบำรุงสุขภาพสำหรับคุณแม่วัย 40+

Manager Online

สพฐ. ยัน สอบรองผอ.สพท. โปร่งใส-กรณีวุฒิปลอมเป็นการสอบครูผู้ช่วย ตัดสิทธิทันทีตั้งแต่ต้น

MATICHON ONLINE

ข่าวและบทความยอดนิยม

รัชกาลที่ 5 ทรงมี “พี่น้อง” ร่วมพระราชบิดาและพระราชมารดากี่พระองค์?

ศิลปวัฒนธรรม

“รัตนโกสินทร์ Insinght” เสวนาวิชาการ 70 ปีคณะโบราณคดี ถึง “บ้าน” ที่ชื่อกรุงรัตนโกสินทร์

ศิลปวัฒนธรรม

“ต้นยางอำเภอสารภี” อายุกว่า 100 ปี 800 กว่าต้น แลนด์มาร์คสำคัญของเชียงใหม่ มีที่มาอย่างไร

ศิลปวัฒนธรรม
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...