ครอบครัวซาเอกิ ถ่ายทอดความรักจากแม่สู่ลูก ผ่านการเอาใจใส่เลี้ยงดู สนับสนุนในทุกเส้นทางความฝันของลูก
Hello Magazine Thailand
อัพเดต 11 สิงหาคม 2568 เวลา 18.06 น. • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • HELLO! Magazine Thailandเฉลิมฉลองให้แก่ความรักอันปราศจากเงื่อนไขใดของแม่ ผ่านเรื่องราวความอบอุ่นจากครอบครัว ‘ซาเอกิ’ โดยมีคุณแม่โรส-พรรณี ซาเอกิ พร้อมด้วยลูกๆ หัวแก้วหัวแหวนทั้งสาม ได้แก่คุณนุ่น-สุภชา ซาเอกิ พี่สาวคนโต คุณไอโกะ ซาเอกิ น้องสาวคนรอง และคุณโทคิโตะ ซาเอกิ ลูกชายคนสุดท้อง ร่วมกันถ่ายทอดความรักความผูกพันสุดประทับใจ
คุณแม่สายซัพพอร์ต
ในฐานะซามูไรหญิงแกร่งแห่งอุตสาหกรรมยานยนต์ชั้นนำของเมืองไทยและระดับโลก ผู้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัท R.R.D Automotive (Thailand) คุณโรสมุ่งมั่นผลักดันธุรกิจของครอบครัวร่วมกันกับสามี-คุณโทชิฮิโกะ ซาเอกิ กระทั่งได้รับการยอมรับให้เป็นตัวแทนผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ครบวงจรแก่ค่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ระดับ Top 5 ของโลก หากแต่ในบทบาทแห่งการเป็นคุณแม่นักบริหารของลูกๆ วัยรุ่นทั้งสาม คุณโรสก็ให้ความสำคัญทัดเทียมกับการทำงาน ตลอดทั้งยังทำหน้าที่คุณแม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“โรสเลี้ยงลูกๆ เป็นแบบเพื่อน ไม่ค่อยบีบบังคับอะไรเขามากมาย แต่ถ้าช่วงที่เขายังเป็นเด็กเราก็จะคอยสนับสนุนส่งเสริมและชี้แนะแนวทางมากกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องทำตามที่คุณแม่บอก จะปล่อยให้ลูกๆ ได้คิดได้เลือกเองมากกว่า” คุณโรสเผยถึงแนวทางการอบรมเลี้ยงดูลูกๆ ทั้งสาม
“สิ่งที่สำคัญที่สุดในฐานะแม่ ก็คือการวางรากฐานเรื่องการศึกษา อยากให้ลูกๆ มีความรู้ที่ดีเพื่อที่ว่าเมื่อเติบโตขึ้นไป เขาจะสามารถดำรงชีวิตได้ทั่วโลก ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนๆ ก็ตาม”
ด้วยความที่ดูแลลูกๆ เหมือนเป็นเพื่อนสนิท เปิดใจกว้างในทุกมิติมุมมอง พร้อมรับฟังในทุกปัญหา รวมถึงการอยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนและผลักดันในทุกๆ ความฝันของลูกอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้ทั้งสามพี่น้องได้เติบโตไปอย่างมีคุณภาพและเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มภาคภูมิ คุณโรสจึงได้รับตำแหน่ง ‘คุณแม่สายซัพพอร์ต’ จากลูกๆ อย่างเป็นเอกฉันท์
“ในฐานะแม่เราพอจะมองออกว่าเด็กทั้งสามคนเขาก็ต่างมีเส้นทางของตัวเองอยู่แล้ว โรสไม่ได้ไปเครียดหรือกะเกณฑ์อะไรกับพวกเขามากนะคะ อย่างในด้านการเรียน ลูกๆ เขาจะคิดเองว่าอยากไปเรียนที่มหาวิทยาลัยไหน เราก็แค่คอยสนับสนุนส่งเสริมในส่วนที่เราต้องดูแลอย่างเต็มที่เกินร้อยค่ะ (หัวเราะ) ไม่ได้บังคับว่าจะต้องเรียนเพื่อกลับมาสานต่อธุรกิจของที่บ้านนะ ทุกคนสามารถไปทำธุรกิจของตัวเองได้ตามสบายเลย เพราะเราเชื่อมั่นว่าพวกเขาจะไปได้ดีในเส้นทางของตัวเอง
“โรสว่าตัวเองค่อนข้างโชคดีที่ไม่ค่อยปวดหัวกับลูกๆ เท่าไหร่ ความหมายคือลูกๆ ทุกคนค่อนข้างรับผิดชอบตัวเขาเองได้ดี จากสิ่งที่เราแนะนำเขาก็นำไปปรับใช้ในชีวิตของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี ด้วยความที่โรสเลี้ยงลูกแบบเพื่อน คุณแม่พยายามเป็นวัยรุ่น (หัวเราะ) มีอะไรเราก็จะคุยกันได้ทุกเรื่อง ลูกๆ ก็จะปรึกษาเราอย่างเปิดใจ
“ทุกวันนี้รู้สึกดีใจจัง เหมือนเรามีเพื่อนคุยเพื่อนกินเพื่อนช็อป รู้สึกว่าเราไม่ได้เป็นคุณแม่ที่ห่างจากลูกมากเกินไป เรายังคุยกับลูกรู้เรื่อง เหมือนเป็นเพื่อนกัน”
ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหนก็ตาม คนเป็นพ่อเป็นแม่ควรปรับมุมมองความคิดของตัวเองให้เข้ากับลูก เราต้องกลมกลืนกับลูกๆ ไปให้ได้ เรียกว่าเปิดใจให้ลูกในทุกมิติมุมมอง
คุณโรส
สามทายาท สามเส้นทางฝัน
ภายใต้การเลี้ยงดูของคุณแม่โรสที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้มีมุมมองความคิดตามแบบฉบับของตัวเอง ผสานกับการเติบโตมาในแวดล้อมของวัฒนธรรมญี่ปุ่นจากคุณพ่อ และธรรมเนียมประเพณีในเมืองไทย ส่งผลให้บุตรธิดาทั้งสามมีมุมมองที่เปิดกว้างหลากหลาย ทั้งยังมีบุคลิกภาพที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ หากแต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงสุภาพอ่อนน้อม และมีเส้นทางความฝันที่แตกต่างกันออกไปอย่างมีเป้าหมายชัดเจน
คุณนุ่น-สุภชา ซาเอกิ ผู้เป็นพี่สาวคนโต มีบุคลิกภาพสงบนิ่ง ชอบความเป็นส่วนตัว และหลงใหลในงานศิลปะมานับแต่เด็ก เธอจึงเลือกศึกษาด้านแฟชั่นดีไซน์ที่ Bunka Fashion College สถาบันการศึกษาด้านแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับโลกของญี่ปุ่น ก่อนบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปคว้าปริญญาโทสาขา Fashion Merchandising and Retail Management จาก LIM College มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และทำงานอยู่ในแวดวงแฟชั่นของนิวยอร์ก ด้วยตำแหน่ง Production Development กระทั่งถึงปัจจุบัน
“หน้าที่ของนุ่นคือการคัดเลือกโปรดักต์ และวัสดุอย่างประเภทของผ้าต่างๆ รวมถึงดูแลในส่วนของคอร์สค่าใช้จ่าย ก่อนจะส่งต่อเพื่อไปตัดเย็บที่โรงงาน ความสนุกและท้าทายอยู่ตรงที่เราต้องทำงานคลุกคลีทั้งกับทั้งฝั่งดีไซน์และการตลาด ทำให้ได้เห็นกระบวนการของทั้งสองฝั่งในทุกขั้นตอน” คุณนุ่นเล่าถึงรายละเอียดการทำงานที่เธอหลงใหล
“เรื่องรักสวยรักงามนุ่นได้รับอิทธิพลมาจากคุณแม่ ถ้าดูรูปนุ่นสมัยยังเด็กจะเห็นเลยว่าเสื้อผ้านุ่นจะแฟชั่นจัดเต็มมาก วันๆ หนึ่งคุณแม่จับเปลี่ยนชุดเช้า-กลางวัน-เย็น ส่วนความหลงใหลในงานศิลปะ จำได้ว่าตั้งแต่เด็กๆ นุ่นจะชอบอ่านหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นของคุณพ่อ ชอบวาดรูป หัดเขียนภาษาญี่ปุ่น ทุกปีคุณพ่อก็จะพาไปเยี่ยมบ้านที่ญี่ปุ่น เราได้เห็นคนญี่ปุ่นแต่งตัวกันสนุกเต็มที่ ได้เปิดโลกด้านแฟชั่น รู้สึกว่าน่าสนใจอยากเรียนรู้เพิ่มเติม จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เลือกเรียนด้านแฟชั่นค่ะ”
อยากให้ทุกคนในครอบครัวใส่เสื้อผ้าที่เราดีไซน์แล้วมีความมั่นใจ และรับรู้ถึงความรักความผูกพันที่เราใส่ใจลงไปในทุกขั้นตอนการออกแบบตัดเย็บ
คุณนุ่น
ในส่วนของลูกสาวคนรอง คุณไอโกะ ซาเอกิ หญิงสาวหน้าเก๋ เรือนร่างสูงโปร่ง ผู้มาพร้อมบุคลิกคล่องแคล่วมั่นใจ สมกับเป็นอดีตนักกีฬาทีมโรงเรียน คุณแม่โรสเล่าว่าคุณไอโกะเป็นคนที่เข้ากับคนง่าย และมีมนุษย์สัมพันธ์ดีมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเติบโตคุณไอโกะเริ่มมีความสนใจในงานด้านบริหาร ด้วยเพราะเธอมีคุณแม่โรสเป็นต้นแบบในฐานะผู้หญิงทำงานยุคใหม่
“ตั้งแต่เด็กเห็นทั้งคุณพ่อคุณแม่ช่วยงานกัน เราก็ได้เห็นถึงผลของความสำเร็จที่ตามมา เป็นแรงบันดาลใจทำให้เรารู้สึกว่า งานบริหารคืองานที่มีมากกว่าการบริหารจัดการงานหรือคน แต่มันมีองค์ประกอบของศาสตร์และศิลป์หลากหลายแง่มุมที่น่าสนใจ คุณแม่เองก็พูดให้ฟังบ่อยๆ ว่า โตขึ้นเราต้องรู้จักการบริหารเงินและบริหารงานนะ” ด้วยองค์ประกอบดังกล่าวนี้เอง ที่ปูทางให้คุณไอโกะเลือกศึกษาสาขาวิชาบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัย Babson College เมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา และเพิ่งรับปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับ 2 ไปหมาดๆ เมื่อสองสามเดือนที่ผ่านมา
“คิดมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่งว่าชีวิตเราอยากจะมี end goal อย่างไรบ้าง ระหว่างปิดเทอมกลับมาเมืองไทยก็มีโอกาสได้ฝึกงานช่วงสั้นๆ ทุกปี สุดท้ายก็คิดถึงอนาคตตัวเองว่าอยากมาสานต่อธุรกิจของครอบครัว เพื่อให้เติบโตอย่างยั่งยืน ให้สมกับที่คุณพ่อคุณแม่สู้มาตลอด” คุณไอโกะเผยถึงเป้าหมายชีวิตในอนาคตของเธอ
“เรียนจบแล้วก็ตั้งใจว่าจะกลับมาอยู่เมืองไทยค่ะ เพราะจะได้อยู่บ้านกับคุณแม่ด้วย และอยากมีประสบการณ์ทำงานกับบริษัทอื่นๆ ก่อนประมาณ 2-3 ปี เพื่อให้ตัวเองได้มุมมองที่แตกต่างหลากหลายมากขึ้น อยากเรียนรู้จากองค์กรใหญ่ๆ ว่าเขามีวิธีการบริหารธุรกิจอย่างไร รวมถึงได้มีโอกาสพบเจอกับคนใหม่ๆ ด้วย เพื่อเปิดโลกแห่งการเรียนรู้มากขึ้นด้วยค่ะ”
เราต้องเติบโตและทำได้ด้วยตัวเองอย่างคุณแม่ เพราะคุณแม่สอนตลอดว่าในอนาคตเราต้องยืนได้ด้วยตัวเองนะ ซึ่งเป็นประโยคที่หนูยึดมั่นมาโดยตลอด
คุณไอโกะ
ในขณะที่คุณโทคิโตะ ซาเอกิ หรือชื่อเล่นที่เรียกขานกันในหมู่สมาชิกครอบครัวว่าโทคิ นักศึกษาป้ายแดงด้าน Industrial Engeneering & Management แห่ง Northeastern University มหาวิทยาลัยชื่อดังระดับท็อป 5 ในเมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา ก็กำลังเตรียมตัวออกเดินทางไปศึกษาต่อในช่วงเดือนสิงหาคมนี้
“ผมชอบเรื่องรถและสนใจด้านวิศวกรรมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว” คุณโทคิบอกเล่าถึงความชื่นชอบที่เขามีต่อเครื่องยนต์กลไก กระทั่งเคยเป็นที่ปรึกษาแนะนำรถ Aston Martin DB11 ให้กับคุณแม่โรสได้ใช้เป็นยานพาหนะส่วนตัวเช่นในทุกวันนี้
“บวกกับบริษัทของที่บ้านดำเนินธุรกิจยานยนต์ ทำให้อยากศึกษาด้านวิศกรรมยานยนต์ และการบริหารธุรกิจควบคู่กันไปด้วย เพราะในอนาคตผมจะกลับมาสานต่อธุรกิจของที่บ้านในสายงานผลิตให้เจริญเติบโตมากขึ้น และผมก็มีความฝันว่าอยากเปิดธุรกิจของตัวเองอีกช่องทางหนึ่ง ที่มองๆ ไว้มีหลายอย่าง เช่น ด้านเทคโนโลยีเอไอ หรือธุรกิจออนไลน์เล็กๆ ที่ลงทุนไม่สูงมาก เป็นสตาร์ทอัพที่ลงทุนกับเพื่อนๆ หรืออีกอย่างหนึ่งคือร้านอาหาร เพราะผมชอบทานอาหาร” น้องชายคนสุดท้องของบ้านซาเอกิเอ่ยถึงความฝันในวันข้างหน้าด้วยประกายตาเชื่อมั่น
และไม่ว่าเส้นทางฝันของลูกๆ ทั้งสามจะดำเนินไปอีกยาวไกลเพียงใด แน่นอนว่าคุณแม่โรสก็ยังคงยืนหยัดทำหน้าที่คุณแม่สายซัพพอร์ตตลอดไป
แม่ผู้เป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจ
อย่างที่เราทราบกันดีว่าการเป็นพ่อแม่ผู้ปกครองที่ดีมีคุณภาพนั้น เปรียบดั่งเมล็ดพันธุ์และรากเหง้าต้นแบบในการหล่อหลอมให้เด็กๆ เติบโตขึ้นมาอย่างเปี่ยมคุณค่า สามหนุ่มสาวรุ่นใหม่แห่งตระกูลซาเอกิคือข้อพิสูจน์ชั้นเลิศของตรรกะความเชื่อนี้ ภายใต้พลังบวกที่มีคุณแม่โรสคอยฟูมฟักปลูกฝังและส่งต่อแรงบันดาลใจอันดีงาม
“แม่เป็นแรงบันดาลใจในหลายแง่มุม ทั้งชีวิตครอบครัว และการดูแลบริหารธุรกิจ คุณแม่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำได้หลายบทบาท นุ่นมองว่าคุณแม่เป็นคนที่สตรองมาก คำสอนหนึ่งจากคุณแม่ที่นุ่นจำได้ดีคือ ‘ถ้าไม่ลองทำ ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง’ มันถ่ายทอดออกมาให้เราเห็นโดยการลงมือทำจริงๆ ของคุณแม่ กลายเป็นแบบอย่างทำให้เราเป็นคนไม่อ่อนแอ กล้าคิดกล้าทำ กล้าแสดงออก ไม่รักสบาย” คุณนุ่นบอกเล่าถึงความประทับใจที่มีต่อคุณโรส ทั้งยังเสริมด้วยว่าคุณแม่โรสมีจิตวิญญาณของนักสู้เต็มตัว ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของคุณไอโกะน้องสาวคนรอง
“พอได้ฟังเรื่องราวของคุณแม่ตอนเด็กๆ ที่เริ่มต้นตั้งแต่ไม่มีอะไรเลย เรียนรู้และลงมือสร้างประสบการณ์ด้วยตัวเอง มันจุดประกายให้หนูรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากๆ ที่เกิดมาโดยมีความพร้อมของชีวิตในหลายๆ ด้าน เพราะมีคุณแม่ที่มีความสามารถมากขนาดนี้ มีคุณแม่คอยสนับสนุนส่งเสริมเราในทุกๆ ด้านแบบนี้ เราไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์เพราะมีคุณแม่ปูทางดูแลไว้ให้ แต่ในขณะเดียวกันหนูก็มีความมุ่งมั่นอยู่ในใจตลอดมาว่า เราต้องเติบโตและทำได้ด้วยตัวเองอย่างคุณแม่ เพราะคุณแม่สอนตลอดว่าในอนาคตเราต้องยืนได้ด้วยตัวเองนะ ซึ่งเป็นประโยคที่หนูยึดมั่นมาโดยตลอด”
ในขณะที่น้องชายคนเล็ก ยกให้คุณแม่โรสเป็นแรงบันดาลใจในแง่ของการประสบความสำเร็จในด้านการงาน “ผมอยากทำงานเก่งเหมือนคุณแม่ ผมภูมิใจที่คุณแม่ทำงานมาจนประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ด้วยความสามารถของตัวเอง และคุณแม่เต็มที่กับผมทุกอย่าง ถึงวันหนึ่งที่ผมเติบโตขึ้น ผมก็ต้องกลับมาตอบแทนคุณแม่อย่างเต็มที่เหมือนกัน ทั้งในด้านการดูแลความรู้สึก ชีวิต และอื่นๆ”
มาถึงตรงนี้คุณแม่โรสที่นั่งนิ่งรับฟังอยู่ข้างๆ มาโดยตลอด ก็ระบายยิ้มกว้างอย่างปลื้มปริ่มและภาคภูมิใจเป็นที่สุด
ในอนาคตผมจะกลับมาสานต่อธุรกิจของที่บ้านในสายงานผลิตให้เจริญเติบโตมากขึ้น และผมก็มีความฝันว่าอยากเปิดธุรกิจของตัวเองอีกช่องทางหนึ่ง
คุณโทคิ
บอกรักแม่ผ่านของขวัญสุดพิเศษ
ในเดือนสิงหาคมอันอบอวลไปด้วยกลิ่นอายความรักบริสุทธิ์จากใจแม่ ลูกๆ บ้านซาเอกิก็ต่างบอกรักคุณแม่โรสผ่านของขวัญชิ้นพิเศษในทุกๆ ปีเช่นกัน
เริ่มจากคุณโทคิที่เจ้าตัวเป็นสายฟู้ดดี้เลิฟเวอร์อยู่แล้ว เขาจึงมอบมื้อเย็นสุดประทับใจด้วยการคัดสรรร้านอาหารชั้นดีระดับมิชลินสตาร์ “จริงๆ ก็ไปกันทั้งครอบครัวครับ ถือเป็นการใช้ช่วงเวลาดีๆ ร่วมกัน คุณแม่ชอบทานปลา ผมก็จะหาร้านที่มีเมนูปลาอร่อยๆ ที่สำคัญคือต้องมีไวน์ลิสต์ดีๆ เพราะคุณแม่ชอบดื่มไวน์เพื่อสุขภาพ”
นอกเหนือจากนี้ ดอกไม้แสนสวยก็เป็นอีกหนึ่งของขวัญสุดเซอร์ไพรส์ที่คุณแม่โรสโปรดปรานไม่แพ้กัน “ไม่จำกัดประเภทดอกไม้ แต่ขอเป็นช่อใหญ่อลังการ เพราะคุณแม่จะชอบมาก ส่วนถ้าเป็นช่วงนี้คุณแม่จะอินกับดอกพีโอนีมากหน่อย” คุณไอโกะเผย
เช่นเดียวกับคุณนุ่นที่แม้ว่าตัวจะอยู่ไกลถึงนิวยอร์ก หากแต่ก็ไม่เคยพลาดที่จะสั่งดอกไม้ช่องามแทนใจมาส่งให้ถึงหน้าประตูบ้าน แต่สำหรับปีนี้มีความพิเศษเหนือกว่านั้น เพราะเธอตั้งใจรังสรรค์สารพันชุดผ้าไทยร่วมสมัยภายใต้แบรนด์ของตัวเองที่ชื่อ SAEKI สำหรับคุณแม่และน้องสาวน้องชาย เพื่อสวมใส่ถ่ายภาพแฟชั่นเซ็ตปกของนิตยสาร HELLO! (THAILAND) ฉบับต้อนรับวันแม่
ภายใต้จุดเริ่มต้นจากการที่คุณนุ่นมีโอกาสช่วยคุณแม่โรสทำงานแฟชั่นโชว์การกุศลของชมรมเพลินไทยสมัยนิยม ซึ่งมี ม.ล.ปุญยนุช เกษมสันต์ ดุลยจินดา เป็นประธานชมรม จุดประกายให้เธอหลงใหลในเสน่ห์เฉพาะตัวของผ้าไทย
“ด้วยความที่เราเรียนและทำงานด้านแฟชั่น ทำให้รู้จักรายละเอียดของผ้าเยอะ ซึ่งโดยส่วนตัวก็รู้สึกว่าผ้าไทยมีความน่าสนใจในหลากมิติ มีจุดเด่นในตัวเอง ไม่ใช่แค่สีสันลวดลายที่สวยงาม แต่ผ้าไทยยังมีเรื่องราวความเป็นมา สื่อถึงภูมิปัญญาของชนชาติไทย แต่ละผืนก็แฝงรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป” คุณนุ่นขยายความ
จากงานแฟชั่นโชว์การกุศลดังกล่าว คุณนุ่นได้ออกแบบสร้างสรรค์คอลเลกชั่นชุดผ้าไทยที่งดงามร่วมสมัย ให้บรรดานางแบบได้สวมใส่เดินเฉิดฉายบนรันเวย์ กระทั่งได้รับเสียงชื่นชมตอบรับทั่วทั้งงาน ก่อนจะต่อยอดมาสู่แบรนด์ SAEKI ที่ตั้งชื่อตามนามสกุลของครอบครัว
ส่วนคอลเลกชั่นที่ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับแฟชั่นเซ็ตปกในครั้งนี้ คุณนุ่นใช้สีฟ้าและขาวซึ่งเป็นคู่สีที่เป็นตัวแทนวันแม่มาเป็นแนวคิดหลัก จากนั้นสั่งทอผ้าพิเศษจากกลุ่มทอผ้าพื้นบ้านไทยบ้านตุ้มทอง อำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ ผ่านขั้นตอนการทอโดยใช้ผ้าไหมไทยผสมผสานกับผ้าออร์แกนดี เพื่อรังสรรค์ผิวสัมผัสที่เนียนนุ่มสวมใส่สบาย อีกทั้งยังผ่านกระบวนการย้อมสีฟ้าจากส่วนผสมธรรมชาติมากถึง 3-7 เฉดด้วยกัน เพื่อให้เกิดน้ำหนักของเฉดสีที่ให้มิติงดงามราวกับว่าผืนผ้านั้นมีชีวิต ในขณะที่ขั้นตอนการออกแบบตัดเย็บสอดประสานไปด้วยเทคนิคที่เมื่อสวมใส่แล้วดูสง่างามอลังการหากแต่ร่วมสมัย พร้อมทั้งแต่งเติมลูกเล่นอย่างการจับพลีตและระบาย เพิ่มเรื่องราวน่าสนใจให้แก่ผ้าไทยยิ่งขึ้น
“แต่ละชุดออกแบบโดยการดึงเอาคาแร็กเตอร์และตัวตนของคุณแม่และน้องๆ ที่เราคุ้นเคยออกมานำเสนอผ่านเสื้อผ้า โดยเลือกดีไซน์ที่เข้ากับแต่ละคน อยากให้ทุกคนในครอบครัวใส่เสื้อผ้าที่เราดีไซน์แล้วมีความมั่นใจ และรับรู้ถึงความรักความผูกพันที่เราใส่ใจลงไปในทุกขั้นตอนการออกแบบตัดเย็บ ให้รู้สึกเหมือนว่าผืนผ้าเป็นตัวแทนอ้อมกอดของเราค่ะ” ดีไซเนอร์สาวไฟแรงกล่าวทิ้งท้าย
ซึ่งหากว่าใครสนใจชุดผ้าไทยสไตล์ made to order สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ทางอินสตาแกรม @saekiofficial
นิยามคำว่า ‘แม่‘
ท้ายที่สุดแล้ว เราอยากทราบถึงนิยามคำว่า ‘แม่’ ภายใต้วิสัยทัศน์ของคุณแม่ซีอีโออย่างคุณโรส เพื่อให้เป็นดั่งพลังและแรงบันดาลใจมอบแด่คุณแม่ยุคใหม่คนเก่งทุกๆ คน
“คนเป็นคุณแม่ก็คือผู้ให้ คำเดียวเลยจบ” คุณแม่ซามูไรสาวแกร่งแห่งวงการยานยนต์ตอบในทันทีหลังจบคำถาม ก่อนขยายความต่ออย่างมีนัยสำคัญว่า “ให้ในสิ่งดีๆ สิ่งที่ถูกต้องกับลูก วางแผนชีวิตให้ลูกๆ ตั้งแต่เขายังเด็ก ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การดำเนินชีวิต ให้ความเมตตาปรารถนาดีแก่ลูก ให้คำแนะนำที่ดีๆ ให้การเลี้ยงดูและสนับสนุนอย่างเต็มที่ ให้ความเป็นเพื่อน ให้ความเป็นพี่ หรือแม้กระทั่งเป็นน้อง
“โรสบอกลูกๆ เสมอว่า ถึงแม้ว่าเราจะเป็นแม่ แต่ถ้าคุณแม่ทำอะไรผิด หรือพวกหนูคิดว่าคุณแม่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง พวกหนูสามารถบอกคุณแม่ได้ ไม่ใช่หมายความว่าคุณเป็นลูก คุณจะแนะนำอะไรคุณแม่ไม่ได้ ที่สำคัญคือ ถ้ารู้สึกว่าตัวเราเองผิด ในหัวใจของคนเป็นแม่ เราก็ต้องยอมรับและปรับปรุง เพื่อให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูกๆ ด้วย
“สำหรับโรส ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหนก็ตาม คนเป็นพ่อเป็นแม่ควรปรับมุมมองความคิดของตัวเองให้เข้ากับลูก โลกใบนี้มันหมุนไปเรื่อยๆ เราก็ต้องหมุนต้องปรับตามโลก รวมถึงปรับตามลูกในมุมมองและช่วงเวลาที่เหมาะสมด้วย ไม่ถือว่าเป็นเรื่องง่ายหรือยาก แค่ว่าเราต้องเรียนรู้ที่จะปรับไปตามพวกเขา คือเราต้องกลมกลืนกับลูกๆ ไปให้ได้ เรียกว่าเปิดใจให้ลูกในทุกมิติมุมมองค่ะ” คุณโรสเอ่ยปิดท้าย ก่อนส่งยิ้มหวานอบอุ่นแก่ลูกสาวลูกชายทั้งสาม สะท้อนถึงความรักความทุ่มเทที่เธอมีให้แก่ลูกๆ เสมอมา และจะยังคงอยู่ตลอดไป
ขอขอบคุณสถานที่ถ่ายทำ : บ้านกลางกรุง