ดร.เบนจามิน สป็อก แพทย์ชาวอเมริกัน ผู้เขียนหนังสือคู่มือเลี้ยงลูก ยอดขายมากที่สุดในโลก
หนังสือคู่มือเลี้ยงลูก “Baby and Child Care” ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1946 หนังสือเล่มนี้ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในหนังสือที่ทรงอิทธิพลที่สุดในศตวรรษที่ 20 ปฏิวัติวิธีการเลี้ยงลูกแบบเก่า ถูกแปลไปเป็นภาษาต่าง ๆ 36 ภาษา และมียอดขายมากกว่า 50 ล้านเล่ม (ข้อมูลเมื่อปี 1998)
อย่างที่กล่าวไปแล้ว ผู้เขียนหนังสือคู่มือเลี้ยงลูก มีชื่อว่า ดร.เบนจามิน สป็อก (Benjamin Spock) เขาเป็นกุมารแพทย์และนักเขียนชาวอเมริกัน ที่นำเสนอแนวคิดใหม่ ๆ ในการเลี้ยงลูก ซึ่งย้อนแย้งกับขนมความเชื่อในยุคนั้น
ประวัติส่วนตัวนั้น เบนจามิน แมคเลน สป็อก (Benjamin McLane Spock) เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 1903 ก่อนจะมาเป็นแพทย์ ดร.สป็อกเคยเป็นนักกีฬาพายเรือเจ้าของรางวัลเหรียญทองโอลิมปิกในปี 1924 จากนั้น เขาเรียนจบแพทย์และตัดสินใจเรียนต่อด้านกุมารเวช และผสมผสานหลักการทางจิตวิทยาเข้ากับการดูแลเด็ก
คนในศตวรรษที่ 20 เลี้ยงลูกอย่างไร?
ย้อนกลับไปช่วงต้นศตวรรษที่ 20 นี่เป็นยุคสมัยที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น มีการค้นพบยาปฏิชีวนะ พี่น้องตระกูลไรต์ประดิษฐ์ครื่องบินลำแรกของโลก
และที่สำคัญที่สุดคือ การแพทย์ที่ก้าวหน้าขึ้น สามารถลดอัตราการเสียชีวิตของทารกได้ ทำให้ยุคนี้ผู้คนจึงมีแนวคิดโน้มเอียงไปเชื่อทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น
เหตุผลอีกประการคือ ความไม่มั่นคงทางการเมือง หากไล่เรียงดูแล้วจะพบว่าในยุคต้นศตวรรษที่ 20 เกิดสงครามโลก 2 ครั้ง ทำให้สังคม ณ เวลานั้นต้องการพลเมืองที่มีระเบียบวินัยและแข็งแกร่ง นั่นทำให้แนวคิดของ จอห์น บี. วัตสัน (John B. Watson) มีบทบาทอย่างมาก โดยเสนอว่าผู้ปกครองไม่ควรแสดงความรักมากเกินไป เช่น กอดหรือจูบ เพราะเชื่อว่าจะทำให้เด็กอ่อนแอ
แนวคิดการเลี้ยงลูกแบบที่ว่ามา แม้จะตอบโจทย์บริบทสังคม ณ เวลานั้น แต่ก็มิวายส่งผลเสียต่อเด็กหลายประการ เช่น ขาดพัฒนาการด้านารมณ์ ขาดความอบอุ่นจากพ่อแม่ เกิดความเครียด เพราะถูกควบคุมวินัยอย่างเข้มงวดตั้งแต่ยังเยาว์ ซึ่งดูจะเป็นสิ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองในยุคนี้ให้ความสำคัญมาก
ดร. สป็อก ท้าทายวิธีคิดเดิม ๆ เสนอวิธีเลี้ยงลูกบนพื้นฐานความรัก
ในหนังสือ “Baby and Child Care” แทนที่ ดร.เบนจามิน สป็อก จะแนะนำให้ผู้ปกครองทำตามกฎระเบียบที่เข้มงวดและเลี้ยงลูกให้เป็นไปตามแนวทางของสังคมที่เคยปฏิบัติกันมา เขาได้นำเสนอแนวคิดที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง โดยมีสาระสำคัญดังนี้
- รักใครและปลอบโยน - ดร.สป็อกแนะนำให้พ่อแม่กอด จูบ และปลอบโยนลูกเมื่อลูกร้องไห้ โดยเน้นว่าความรักใคร่และการตอบสนองต่อความต้องการของเด็กเป็นสิ่งสำคัญต่อพัฒนาการทางอารมณ์และจิตใจ
- ยืดหยุ่นได้ - เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องการรับประทานอาหาร เขาแนะนำให้ผู้ปกครองให้อาหารลูกเมื่อเด็กรู้สึกหิว และปรับตารางเวลาให้เข้ากับความต้องการของเด็กแต่ละคน
- เด็กแต่ละคนมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน - ดร.สป็อกเน้นย้ำว่าาเด็กแต่ละคนเป็นปัจเจกบุคคลที่มีลักษณะนิสัยและพัฒนาการที่แตกต่างกัน ผู้ปกครองควรทำความเข้าใจและเลี้ยงดูลูกตามความเป็นตัวตนของเด็กแต่ละคน ไม่ใช่เลี้ยงทุกคนด้วยวิธีการเดียวกัน
- ขอความร่วมมือ มิใช่การต่อต้าน - แทนที่จะบังคับขู่เข็ญลูก ผู้ปกครองควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูก ให้ความเคารพซึ่งกันและกัน หาตรงกลางระหว่างสองฝั่ง และส่งเสริมให้เด็กรู้จักความร่วมมือ แทนที่จะใช้การลงโทษหรือการบังคับที่ทำให้เกิดการต่อต้าน
ดร.สป็อก เสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 1998 ช่วงท้ายก่อนเสียชีวิต ดร.สป็อกปรับปรุงแก้ไขหนังสือ Baby and Child Care ในเวอร์ชันที่ 7 เป็นเวอร์ชันสุดท้าย และยังเป็นคนที่ออกตัวชัดเจนว่าต่อต้านสงคราม (เวียดยาม) รวมถึงรณรงค์ให้มีการปลดอาวุธนิวเคลียร์
ที่มา: The Guardian
ข่าวที่เกี่ยวข้อง