ไทยเสี่ยงน้ำท่วมหนัก! อันดับ4 ของโลกในปี 2050 กทม.อาจจมน้ำ
เรื่องของภัยพิบัติในประเทศไทยอาการยังน่าเป็นห่วง เพราะ…ในแต่ละปีเริ่มเกิดความรุนแรงขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างเช่นในปี2568 น้ำท่วมจังหวัดน่านแบบรุนแรงที่สุด แถมยังเจอกับแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดช่วงต้นปีที่ผ่านมา จึงทำให้ในอนาคตประเทศไทยต้องมีระบบรับมือที่ดี และระบบเตือนภัยที่ดีกว่านี้เนื่องจากธรรมชาติเริ่มลงโทษเรามากขึ้น สาเหตุหลักมาจากโลกร้อน โลกรวน ที่ยังคงต้องจับตาต่อไป อย่างล่าสุด ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กชื่อว่า Sonthi Kotchawat ระบุว่า ประเทศไทยอันดับ 4 ของโลกมีความเสี่ยงจะถูกน้ำท่วมหนักในปี 2050 โดยกรุงเทพฯจะจมน้ำเกือบทั้งหมด
โดยเขาให้ข้อมูลต่อว่าทั้งหมดเกิดมาจากปัจจัยดังนี้
1.คณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) คาดการณ์ว่าภายในปี 2100 ระ ดับน้ำทะเลอาจสูงกว่าปัจจุบันถึง 1.1 เมตร และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใดๆก็ตามจะไม่สามารถหยุดยั้งผลกระทบในระยะสั้น และระยะกลางของปรากฏการณ์นี้ได้ จากการคาดการณ์การพบว่าประชากรการหนึ่งพันล้านคนจะเผชิญกับความเสี่ยงจากน้ำท่วมที่สูงขึ้นมากตั้งแต่ปี 2050 เป็นต้นไป
2.ประเทศในเอเชีย 8 ประเทศ ได้แก่ จีน บังกลาเทศ อินเดีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และ ญี่ปุ่น คิดเป็นประมาณร้อยละ 70 ของประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้จะมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกน้ำท่วมอย่างหนักในปี 2050 หรือพ.ศ 2593 โดยเวียดนาม อียิปต์ และบังกลาเทศ มีดัชนีความเสี่ยงน้ำท่วมสูงสุดด้วยคะแนน 9.9 จาก 10 ตามมาด้วยประเทศไทย (9.อิรัก (9.6) และปากีสถาน (9.5)โดยจีน(9.3)และอินเดีย (9.2) ยังได้รับผลกระทบมากที่สุดเช่นกัน
3. ประเทศในแถบอาเซียน ที่มีความเสี่ยงที่อาจได้รับผลกระทบจากการถูกน้ำท่วมใน ปี2050 รายงานล่าสุดของสถาบัน McKinsey Global Institute (MGI) ระบุว่า
3.1. กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
จากการคาดการณ์ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นทำให้เมืองหลวงของไทยเป็นเมืองที่มีความเสี่ยงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่จะถูกน้ำท่วมหนักเนื่องจากกรุงเทพมีระดับความสูงเฉลี่ย1.5 เมตร เหนือระ ดับน้ำทะเล และแผ่นดินทรุดปีละ 2-3 ซม.โดยองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OEC) ระบุว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 เป็นต้นไปประชากร 5ล้านคนจาก10.7 ล้านคน ในกรุงเทพมหานครอาจเผชิญกับความเสี่ยงจากน้ำท่วมโดยคาดว่าพื้นที่หนึ่งในสามของเมืองหลวงของไทยอาจจมอยู่ใต้น้ำทั้งหมดภายในพ.ศ.2593 และส่งผลให้ประชาชนเกือบ 11 ล้านคนต้องอพยพออกจากพื้นที่…
นอกจากนี้การคาดการณ์ที่อัปเดตล่าสุดของ Climate Central คาดการณ์ว่าจะเกิดน้ำท่วมรุนแรงในกรุงเทพฯและพื้นที่ริมชายฝั่งของประเทศไทย และตามแนวชายฝั่งของมาเลเซียโดยคาดว่าจะเกิดขึ้นเร็วที่สุดในปี 2030
3.2.มาเลเซียโดย Climate Centra l คาดการณ์ว่าระหว่างปี 2573 ถึง 2593 ชาย ฝั่งด้านตะวันตกและตะวันออกของคาบสมุทรมาเลเซียจะถูกน้ำท่วมจากช่อง แคบมะละกาและทะเลจีนใต้ ซึ่งอาจท่วมพื้นที่ชายฝั่งมากถึง 12,000 ตารางกิโลเมตร
3.3.ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกคุกคามมากที่สุด จากปัญหาน้ำท่วมชายฝั่งโดยคาดการณ์ว่าบางส่วนของมนิลาเมืองหลวงของประเทศจะจมอยู่ใต้น้ำภายในปี2593 จากข้อมูลขององค์กรข่าวและวิทยาศาสตร์ Climate Central คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อประชากรมากถึง 6.8 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยสูง แม้ว่ารัฐบาลจะได้ดำเนินโครงการย้ายถิ่นฐานสำหรับผู้อยู่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้วแต่บางคนก็มีความผูกพันกับบ้านเรือนของตนอย่างมากและปฏิเสธที่จะย้ายออกไป เนื่องจากวิถีชีวิตของพวกเขาต้องพึ่งพาอาศัยท้องทะเล
3.4.รายงานของ MGI ระบุถึงความเสี่ยงของนครโฮจิมินห์ของประเทศเวียดนาม ต่ออุทกภัยร้ายแรงถึง23%ของพื้นที่ในปัจจุบันและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 36% ของพื้นที่ภายในปี 2050 (พ.ศ.2593) ไม่เพียงแต่ระดับน้ำท่วมจะเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าเท่านั้นแต่ความเสียหายต่ออสัง หาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานอาจสูงถึง 9.4พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2593
จากข้อมูลที่นักวิชาการคนดังกล่าวได้โพสต์นำเสนอนับได้ว่าเป็นสิ่งที่เราคนไทย และรัฐบาลไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องภัยพิบัติต้องนำมาศึกษา และเตรียมแผนรับมืออนาคตให้ทันกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้น!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง