BPP รุกตลาด Power Trading สหรัฐฯ ตอกย้ำบทบาทผู้บุกเบิกด้านผลิตพลังงาน พร้อมโชว์กำไร 1,846 ล้านบาท ของครึ่งแรกปี 68
● BPP ปักหมุดสหรัฐฯ ลุย Power Trading บริษัทไทยรายแรก พร้อมธุรกิจ Power Retail เสริมการเติบโตควบคู่ธุรกิจผลิตไฟฟ้า
● ครึ่งแรกปี 68 ฟอร์มแข็งแกร่ง กำไร 1,846 ล้านบาท หนุนจากโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ จีน และรายได้จากขายสิทธิการปล่อยคาร์บอน (CEAs)
● ประกาศ 3 พันธกิจใหม่ ตอกย้ำบทบาทผู้บุกเบิกด้านผลิตพลังงานที่มั่นคง ยืดหยุ่น และยั่งยืน
บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ผู้ผลิตพลังงานระดับสากล เดินหน้าต่อยอดพอร์ตธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นบริษัทไทยรายแรกที่เข้าสู่ธุรกิจซื้อขายพลังงานไฟฟ้า (Power Trading) ในตลาดไฟฟ้าเสรี ERCOT สหรัฐฯ การเติบโตเชิงกลยุทธ์นี้สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ – การผลิตไฟฟ้า, กลางน้ำ – การซื้อขายไฟฟ้า, ไปจนถึงปลายน้ำ - ธุรกิจค้าปลีกไฟฟ้า (Power Retail) เพื่อเพิ่มมูลค่าและรายได้อย่างยั่งยืน แนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับจุดยืน “บุกเบิกนวัตกรรมพลังงาน เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน (Pioneer Energy, Empowering Tomorrow)” และพันธกิจใหม่ในการยกระดับขีดความสามารถ พร้อมเปิดรับโอกาสที่รองรับทิศทางพลังงานโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ BPP รายงานผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2568 เติบโตแข็งแกร่ง จากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ จีน และรายได้จากการขายสิทธิการปล่อยก๊าซคาร์บอน (Carbon Emission Allowances: CEAs)
นายอิศรา นิโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP กล่าวว่า “ในยุคที่ความมั่นคงด้านพลังงานเป็นปัจจัยสำคัญของเสถียรภาพเศรษฐกิจและความมั่นคงของทุกประเทศทั่วโลก BPP มุ่งเป็นผู้นำและพัฒนาพลังงานที่ไม่หยุดแค่การผลิตไฟฟ้า แต่ยังต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยธุรกิจ Power Trading ในตลาดสหรัฐฯ ผ่านบริษัทลูก BPPUS โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัล ข้อมูล และทีมงานมืออาชีพ ถือเป็นก้าวสำคัญที่เราสามารถสร้างรายได้จากธุรกิจซื้อขายสิทธิรายได้จากความแออัดของระบบสายส่งไฟฟ้า หรือ Congestion Revenue Rights (CRR) รวมรายได้ตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจ CRR ในไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา จนถึงครึ่งปีแรก 2568 กว่า 133 ล้านบาท และเตรียมขยายสู่ตลาด Intercontinental Exchange (ICE) เพื่อทำกำไรจากตลาดซื้อขายไฟล่วงหน้าจากการคาดการณ์ราคาพลังงาน (Proprietary Trade) ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนควบคู่กับธุรกิจผลิตไฟฟ้าอันเป็นธุรกิจหลักของบริษัทที่ยังคงสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ เรายังดำเนินธุรกิจค้าปลีกไฟฟ้าในสหรัฐฯ ผ่าน BKV Energy บริษัทย่อยภายใต้ความร่วมมือระหว่าง BPPUS และ BKV Corporation ซึ่งล่าสุดได้รับรางวัล “Best Electricity Company” จากเวที Best of the Best 2025 ของ Houston Chronicle ผ่านการโหวตของผู้บริโภคในรัฐเท็กซัส สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อคุณภาพและการส่งมอบไฟฟ้าที่ต่อเนื่องในราคาที่เหมาะสม”
สำหรับไฮไลท์ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก 2568 มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
BPP มีกำไรสุทธิ 1,846 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) รวม 4,486 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ Temple I และ II ปรับตัวดีขึ้น และมีกำไรจากการวัดมูลค่าเครื่องมือทางการเงิน (Change in Fair Value of Financial Instrument) อันเป็นผลจากการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงในราคาที่ดี โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (CHPs) ในจีนที่บริหารต้นทุนถ่านหินได้มีประสิทธิภาพ และรายได้จากการขายสิทธิการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่เพิ่มขึ้น
ธุรกิจพลังงานความร้อน (Thermal Energy): โรงไฟฟ้าเจิ้งติ้งในจีน เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยใช้ชีวมวลร่วมกับเชื้อเพลิงหลักในสัดส่วนร้อยละ 10 ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้ราว 70,000 ตันต่อปี ส่วนโรงไฟฟ้าโจวผิงได้เริ่มก่อสร้างระบบท่อส่งไอน้ำฝั่งเหนือในเดือนกรกฎาคมและกำลังศึกษาการขยายท่อเพิ่มเติมไปยังฝั่งตะวันตกและตะวันออกเพื่อส่งมอบไอน้ำที่มีความเสถียรและคุ้มค่าให้แก่ภาคอุตสาหกรรมได้มากขึ้น ขณะที่โรงไฟฟ้า HPC ในสปป. ลาว และ BLCP ในไทย ยังคงรักษาค่าความพร้อมจ่ายไฟ (EAF) ในระดับสูงที่ร้อยละ 89 และ 90 ตามลำดับ
ธุรกิจ Renewables+: โครงการอิวาเตะ โตโนะ (Iwate Tono) แบตเตอรี่ฟาร์มในญี่ปุ่น กำลังไฟฟ้า 14.5 เมกะวัตต์ ความจุพลังงาน 58 เมกะวัตต์ชั่วโมง ได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดย BPP ยังเดินหน้าขยายธุรกิจระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System: BESS) ที่ญี่ปุ่น ผ่าน Banpu NEXT ซึ่ง BPP ถือหุ้นร้อยละ 50 โดยตั้งเป้าสู่การเป็นผู้เล่นหลักในธุรกิจ BESS ของญี่ปุ่น พร้อมทั้งอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายการลงทุน BESS สู่ตลาดสหรัฐฯ ในอนาคต
ทั้งนี้ BPP ยังได้ประกาศพันธกิจใหม่ 3 ด้าน เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและสอดรับกับพลวัตของอุตสาหกรรมพลังงานโลก ได้แก่:
1. ผลักดันการเติบโตด้วยนวัตกรรมดิจิทัล ความเชี่ยวชาญระดับสากล และการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในโครงการระดับโลก
2. ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่ยั่งยืน ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อลดการปล่อย CO2 และเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานเพื่ออนาคต
3.ยกระดับคุณภาพชีวิตผ่านการพัฒนาชุมชน ทั้งในด้านการศึกษา การดูแลสุขภาพ และการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ ฯลฯ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
“ตลอดเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา BPP ดำเนินธุรกิจใน 8 ประเทศยุทธศาสตร์ในฐานะผู้นำและผู้บุกเบิกด้านพลังงาน สะท้อนศักยภาพในการสร้างสมดุลด้านพลังงาน ผ่านการกระจายพอร์ตธุรกิจ การเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์เดิม และการลดการปล่อย CO2 อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบพลังงานคุณภาพสูงควบคู่กับผลตอบแทนที่มั่นคงให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม” นายอิศรา นิโรภาส กล่าวทิ้งท้าย
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจ BPP ได้ที่ www.banpupower.com