โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

กนง.ลดดอกเบี้ยหรือไม่ ! หลังเงินเฟ้อหลุดกรอบ-ภาษี "ทรัมป์" ฉุดเศรษฐกิจ

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ปลัดคลังเรียกร้องกนง.ลดดอกเบี้ย หลังกระทรวงพาณิชย์ประกาศเงินเฟ้อเดือนก.ค.ติดลบ 0.7% หลุดกรอบเป้าหมายธปท.ที่ 1-3% มาต่อเนื่องหลายเดือน ซึ่งการประชุมกนง.13 ส.ค.จะมีการลดดอกเบี้ยหรือไม่ และหุ้นตัวไหนได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง TNN Online พาไปไขคำตอบกันเลย

เงินเฟ้อของไทยในเดือนก.ค. ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยลดลง -0.7% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ทั้งราคาน้ำมันในตลาดโลก ค่าไฟฟ้า ราคาสินค้ากลุ่มผัก-ผลไม้สด และของใช้ส่วนบุคคลมีราคาลดลง ขณะที่เงินเฟ้อเฉลี่ย 7 เดือน (ม.ค. – ก.ค.) เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนยังสูงขึ้น 0.21 % โดยกระทรวงพาณิชย์ยังยืนว่าไทยไม่เกิดเงินฝืด! พร้อมคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2568 อยู่ระหว่าง 0.0-1.0% หรือค่ากลางที่ 0.5%

ร้อนถึงปลัดกระทรวงการคลัง “ลวรณ แสงสนิท” ที่ต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ควรพิจารณาดำเนินนโยบายการเงินในเชิงผ่อนคลาย เพื่อผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อเข้าใกล้เป้าหมายที่กำหนด 1-3% ตามที่ตกลงกันไว้

โดยย้ำว่า ธปท. ยังมีเครื่องมืออื่นๆ อีกหลายอย่างเพื่อทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น เช่น การควบคุมปริมาณเงิน การซื้อคืนหลักทรัพย์ การดูดซับสภาพคล่อง และการผ่อนปรนกฎเกณฑ์การกำกับดูแลธนาคาร

"คำถามคือ ที่ผ่านมามีการใช้เครื่องมือเหล่านี้อย่างเต็มที่แล้วหรือยัง เพื่อให้เงินเฟ้อเข้าใกล้เป้าหมายที่สุด"

ขณะที่ธนาคารกลางในหลายประเทศเริ่มหันมาปรับลดดอกเบี้ยล่าสุด ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4%

ดังนั้นในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 13 ส.ค.บอร์ดกนง.จะไฟเขียวปรับลดดอกเบี้ยตามธนาคารต่างประเทศ และกระทรวงการคลังคาดหวังไว้หรือไม่ เพื่อให้เงินเฟ้อขยับเพิ่มขึ้น และหุ้นตัวไหนได้รับประโยชน์ และเสียประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลงกันบ้าง วันนี้ TNN Online พาไปไขคำตอบจากกูรูกันค่ะ

เริ่มจาก“ชาญชัย พันทาธนากิจ” ผู้อำนวยการอาวุโส บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) มองว่า กนง.จะปรับลดดอกเบี้ยลง 2 ครั้งช่วงที่เหลือของปีนี้ ในวันที่ 13 ส.ค.ลง 0.25% และประชุมเดือนต.ค.ลงอีกรอบ 0.25% เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังเผชิญความเปราะบาง จากความเสี่ยงภาษี“ทรัมป์” คาดว่าเศรษฐกิจไทยทั้งปีจะโต 2.3% เนื่องจากส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกขยายตัว 15% ตลาดสหรัฐฯ เติบโตถึง 30% เพราะมีการเร่งส่งออกก่อนที่จะประกาศภาษีทรัมป์ ดังนั้นในช่วงที่เหลือของปีนี้การส่งออกจะลดลงจากภาษีทรัมป์ 19%

ส่วนกรณีที่“ทรัมป์” ประกาศขึ้นภาษีอินเดีย 50% นั้น จะทำให้คู่แข่งส่งออกไทยถูกตัดไปอีกราย และอาจทำให้นักลงทุนย้ายฐานการผลิตมาอาเซียนรวมถึงไทยเพิ่มขึ้น เพื่อลดต้นทุนการผลิต นอกจากนี้ตลาดหุ้นอินเดียอยู่ในดัชนี MSCI การที่อินเดียถูกเก็บภาษีสูงจะส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติไหลเข้ามาในตลาดหุ้นอาเซียนเพิ่มขึ้น เนื่องจากถูกเก็บภาษีต่ำกว่า

ด้านหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง

กลุ่มไฟแนนซ์ : SAWAD

กลุ่มโรงไฟฟ้า : CKP,GPSC

กลุ่มหุ้นปันผลสูง High Yield : OSP,ADVANC

กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ : AP

ส่วนหุ้นเสียประโยชน์คือหุ้นกลุ่มแบงก์ ถ้าราคาปรับตัวลงมาแนะนำทยอยสะสม เพราะเป็นหุ้นที่ปันผลสูง

สอดรับกับ “ณัฐชาต เมฆมาสิน” CFA,FRM ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ ประเมินว่า ตลาดให้น้ำหนัก 72% กนง.จะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมรอบวันที่ 13 ส.ค.นี้ จากเดิมสัดส่วนการให้น้ำหนักไม่ถึง 50% เป็นผลมาจากเงินเฟ้อต่ำกว่าคาด ทั้งเงินเฟ้อทั่วไปและเงินเฟ้อพื้นฐานทำให้มีช่องว่างในการปรับลดดอกเบี้ย เพราะถ้าจะไปลดดอกเบี้ยรอบถัดไปเดือนต.ค.อาจจะล่าช้าเกินไปในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ที่ผ่านมากนง. ได้ปรับจีดีพีขึ้นเป็น 2.3% ซึ่งรวมผลกระทบภาษีทรัมป์ที่ 18% ใกล้เคียงกับตัวเลขที่ทรัมป์ประกาศจัดเก็บ 19% ขณะที่ statement กนง.จะรักษา Policy Space เพื่อรองรับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

แม้ว่าการลดดอกเบี้ยที่ผ่านมาจะเห็นว่าประสิทธิผลต่ำธนาคารพาณิชย์ไม่ได้ปรับลดดอกเบี้ยลงตามดอกเบี้ยนโยบายทันที ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการลดดอกเบี้ยไม่ได้ประสบผลสำเร็จเสมอไป แต่การที่ทางการช่วยเหลือลูกหนี้ เช่น โครงการคุณสู้เราช่วยน่าจะแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากกว่า

ทั้งนี้การลดดอกเบี้ยไม่ได้ทำให้เงินเฟ้อขึ้นทันที เพราะจะต้องขึ้นกับพฤติกรรมการใช้จ่ายผู้บริโภค ซึ่งการขยับขึ้นยาก แต่ถ้ามองในส่วนของสภาพคล่องการเงิน ดอกเบี้ยจะล้อไปกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) ต้นทุนการเงินของบริษัททำให้ภาระหนี้ลดลง

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยช่วงที่เหลือยังซึมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมีน้อย คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการประกาศงบของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3 และเริ่มดีขึ้นในไตรมาส 4 หลังจากร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายปี 69 วาระ 2-3 ผ่านสภาฯ ทำให้มีการเบิกจ่ายเพิ่มขึ้น ประกอบกับเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นท่องเที่ยว คาดว่าจะส่งผลให้การบริโภค การใช้จ่ายมากขึ้นหนุนจีดีพีปีนี้โต 2% แต่ปีหน้าอาจจะชะลอตัวลงจากภาษีทรัมป์

ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลงเป็นกลุ่มไฟแนนซ์ โรงไฟฟ้า กองทุนรวม เช่น กองทุนรวม สิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต สามบีบี กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) เป็นต้น

ปิดท้าย “ภราดร เตียรณปราโมทย์” ผู้อำนวยการ สายงานวิจัยบล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า การประชุมกนง.มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% หลังทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไทย 19% ขณะที่เงินบาทในปัจจุบันแข็งค่าสุดในรอบ 4 ปีแตะระดับที่ 32.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นถ้ามีการอัดฉีดสภาพคล่องด้วยการปรับลดดอกเบี้ยจะช่วยให้เงินบาทอ่อนค่าหนุนภาคส่งออกมีรายได้เพิ่ม เพราะส่งออกมีสัดส่วน 65% ของจีดีพี

นอกจากนี้เงินเฟ้อล่าสุดติดลบ 0.7% มากกว่าตลาดคาดการณ์ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 การใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายจะช่วยให้เงินเฟ้อปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับนักเศรษฐศาสตร์บูมเบิร์กสัดส่วน 58% คาดการณ์ประชุมกนง.รอบนี้ลดดอกเบี้ย สอดรับกับนักลงทุนสะท้อนจากผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 1 ปีและ 10 ปีอยู่ที่ 1.5% ต่ำกว่าดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.75%

ดังนั้นการปรับลดดอกเบี้ยจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทยส่งผลให้ PE สูงขึ้น หนุนดัชนีหุ้นไทยบวก 57 จุด หุ้นได้ประโยชน์คือไฟแนนซ์ เนื่องจากต้นทุนการเงินที่ถูกลง เช่น MTC, TIDLOR,KTC หุ้นปันผลสูง เช่น SPALI, SIRI, ICHI

แต่ในทางตรงกันข้ามถ้ากนง.ตรึงดอกเบี้ยประชุมรอบนี้ไว้ที่ 1.75% คาดว่าการประชุมครั้งถัดไป 8 ต.ค.จะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ซึ่งจะปรับลดตามเฟด โดยตลาดคาดว่าจะปรับลดในการประชุมวันที่ 18 ก.ย.68 ส่วนผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยนั้น ถ้ากนง.ไม่ลดดอกเบี้ยตลาดหุ้นจะผันผวนปรับตัวลง

หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการคงดอกเบี้ย 1.75% คือหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่อิงรายได้ดอกเบี้ยสูง เช่น KTB,BBL และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า เช่น GPSC,GULF,BGRIM

การลดดอกเบี้ยเปรียบเสมือนเหรียญ 2 ด้าน มีผู้ได้รับประโยชน์คือผู้กู้เงิน ลูกหนี้ มีภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลง ภาคภาคธุรกิจ นักลงทุนมีต้นทุนทางการเงินลดลงจะช่วยส่งเสริมการลงทุนขยายกิจการเพิ่มขึ้น ขณะที่นักลงทุนในตลาดหุ้นจะมองเป็นบวก เพราะผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลงจะส่งผลให้เม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นมากขึ้น และกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นจากต้นทุนที่ลดลง

ในทางกลับกันกลุ่มเสียประโยชน์คือ ผู้ฝากเงิน ผลตอบแทนที่ได้รับลดลง โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่พึ่งพารายได้จากดอกเบี้ยอาจเดือดร้อน รวมถึงธุรกิจธนาคารได้รับผลกระทบจากรายได้ที่ลดลง ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องต้องชั่งน้ำหนักผลดี-ผลเสียที่เกิดขึ้นให้ดีภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่เปราะบางว่า แนวทางไหนที่จะช่วย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 2.3%….

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TNN ช่อง16

โปรแกรมกีฬาวันนี้ พร้อมช่องถ่ายทอดสด วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม 2568

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ทัพลูกยางสาวไทย ยู-21 พลาดท่าพ่าย ญี่ปุ่น ศึกชิงแชมป์โลกฯ

10 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

สรุปข่าวประจำวันที่ 9 สิงหาคม 2568

AEC10NEWs

กรมอุตุฯ แจ้ง 10-15 สิงหาคม ทั่วไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

ไทยโพสต์

เปิดข้อมูลลึกเทียบต้นทุนการปล่อยคาร์บอน “ทองคำ vs เงิน”

ฐานเศรษฐกิจ
วิดีโอ

สาวไทย เหน็บเขมร! บ้านมึ_มีไหมแบบนี้ ผู้ใหญ่ใจดีเลี้ยงข้าวทหาร เข้าร้านสะดวกซื้อก็ไม่ต้องจ่าย

BRIGHTTV.CO.TH

อนามัยโลกผิดหวัง!สหรัฐฯเลิกหนุนวัคซีนmRNA หลังล้มเหลวป้องกันติดเชื้อโควิด

Manager Online

ตาขับกระบะพายายไปทำบุญวันเกิด รถเกิดเสียหลักชนต้นไม้ข้างทาง เสียชีวิต 1 บาดเจ็บ 1

สยามนิวส์

11 สิงหาคม 2568 ไปรษณีย์ไทย – เคอรี่หยุดไหม ตรวจสอบที่นี่

ฐานเศรษฐกิจ

ซวยซ้ำซวยซ้อน!! เกาหลีใต้ ขับไล่! แรงงานกัมพูชา กว่า 5 หมื่นคนกลับประเทศ !!

TOJO NEWS

ข่าวและบทความยอดนิยม

หุ้นไทยวันนี้ 8 สิงหาคม 2568 ลดลง 6.08 จุด จับตาผลประชุมกนง.

TNN ช่อง16

บล.หยวนต้า ชี้เป้าหุ้นงบสวยน่าเก็งกำไร สวนทางตลาดพักตัว

TNN ช่อง16

FUND FLOW ไหลเข้า “ส่อง 10 หุ้นไทย” ถูกใจต่างชาติ ซื้อสูงสุด

TNN ช่อง16
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...