มอร์แกนสแตนลีย์ มอง “หุ้นสหรัฐ” ยังมีแรงหนุนขึ้นต่อ หลังบวกยาว 4 เดือน
มอร์แกนสแตนลีย์ มอง "หุ้นสหรัฐ" ยังมีแรงหนุนขึ้นต่อ หลังบวกยาว 4 เดือน จากทั้งเฟดเตรียมลดดอกเบี้ยและกำไรบริษัทยังโต เตือนกันยายนเสี่ยงอ่อนตัว แต่จะเปิดทางปิดท้ายปีอย่างแข็งแรง
วันที่ 2 กันยายน 2568 เวลา 14.57 น. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ไมเคิล วิลสัน นักกลยุทธ์ของมอร์แกนสแตนลีย์ กล่าวว่า หุ้นสหรัฐคาดว่าจะยังคงปรับตัวขึ้นต่อ หลังจากบวกต่อเนื่องมา 4 เดือน โดยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตรียมลดอัตราดอกเบี้ย ขณะเดียวกันผลประกอบการของภาคเอกชนยังคงแข็งแกร่ง
วิลสัน ซึ่งเคยคาดการณ์ถูกต้องถึงการฟื้นตัวจากแรงขายในเดือนเมษายน ระบุว่า เศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ช่วงต้นวัฏจักรขาขึ้น ซึ่งกำไรโดยรวมยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมลดลง เขาเสริมว่าหุ้นที่อ่อนไหวต่อดอกเบี้ย เช่น หุ้นขนาดเล็ก ยังปรับตัวต่ำกว่าตลาดในปีนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่ายังมีโอกาสฟื้นตัวตามมา
“เราไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่าตลาดได้สะท้อนการลดดอกเบี้ยไปแล้ว” วิลสันเขียนในบันทึกการวิเคราะห์ พร้อมระบุว่าแม้ช่วงกันยายนจะเป็นช่วงที่ตลาดมักอ่อนตัว แต่เขายังคงมองว่าควรซื้อหากมีการย่อตัว
ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ ท่ามกลางความเชื่อมั่นว่าผลกระทบจากมาตรการภาษีการค้าของสหรัฐอาจไม่รุนแรงอย่างที่กังวลในตอนแรก ขณะที่ความคึกคักรอบใหม่ในธีมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยหนุนหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่กลุ่มนักกลยุทธ์จาก Evercore ISI มองว่ากระแสนี้อาจดันดัชนีขึ้นต่ออีก 20% ได้ภายในสิ้นปี 2569
สัปดาห์นี้ นักลงทุนจับตาข้อมูลตลาดแรงงานสำคัญเพื่อหาสัญญาณทิศทางเศรษฐกิจและนโยบายของเฟด โดยตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากำลังสะท้อนความเป็นไปได้เกือบ 90% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยภายในเดือนนี้
อย่างไรก็ตามวิลสันเตือนว่าตลาดยังเผชิญความเสี่ยงจากฤดูกาลที่อ่อนแอในเดือนกันยายน รวมถึงความเป็นไปได้ที่เงินเฟ้อจะออกมาสูงกว่าคาด แต่หากตลาดพักฐานในระยะสั้น “ก็จะเป็นการปูทางสู่การปิดท้ายปีอย่างแข็งแกร่ง”
ด้านนักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า นักลงทุนสถาบันยังคงถือหุ้นสหรัฐอย่างระมัดระวัง หลังขายต่อเนื่องมาสองเดือน แต่สัดส่วนการลงทุนยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอดีต ซึ่งน่าจะช่วยจำกัดการปรับฐานของตลาด เว้นแต่ว่าจะเกิดช็อกเชิงปัจจัยพื้นฐาน
อ้างอิง : www.bloomberg.com