ดอลลาร์แข็งค่าเล็กน้อย จากความไม่แน่นอน TARIFF
ดอลลาร์แข็งค่าเล็กน้อย จากความไม่แน่นอน TARIFF หลังศาลอุทธรณ์สหรัฐมีคำตัดสิน ว่ามาตรการเรียกเก็บภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นการเก็บภาษีที่ผิดกฎหมาย
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันอังคารที่ 2 กันยายน 2568 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (02/09) ที่ระดับ 32.28/30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (01/09) เป็นวันหยุดของสหรัฐ ส่งผลให้การซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบาง
นายเจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐกล่าวว่า ถึงแม้ศาลอุทธรณ์สหรัฐจะมีคำตัดสินไปแล้วว่ามาตรการเรียกเก็บภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นั้นเป็นการเก็บภาษีที่ผิดกฎหมาย แต่รัฐบาลนายทรัมป์ยังคงเจรจากับประเทศคู่ค้าต่อไป นอกจากนี้ นายจอช ลิปสกี ประธานฝ่ายเศรษฐกิจระหว่างประเทศยังกล่าวว่า ถึงแม้ข้อสรุปการเก็บภาษีศุลกากรของนายทรัมป์จะผิดกฎหมายและต้องทำการผ่อนปรนภาษี อย่างไรก็ตาม สหรัฐยังมีแผนสำรองอยู่อีกมาก โ
ดยวันนี้ผู้นำบราซิลกล่าวว่ากำลังเตรียมจัดการประชุมกับผู้นำกลุ่ม BRICS ในวันจันทร์หน้า (08/09) เพื่อหารือถึงนโยบายการค้าของนายทรัมป์ ขณะเดียวกันนายทรัมป์เคยขู่จะขึ้นภาษีนำเข้าจากบราซิลเมื่อเดือน ก.ค. และปัจจุบันบราซิลโดนเรียกเก็บภาษีสูงถึง 50% นอกจากนี้นายทรัมป์ยังขู่จะใช้มาตรการภาษีเพิ่มสมาชิกกลุ่ม BRICS ที่ต้องการลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐ และไปใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการค้าระหว่างกันมากขึ้น
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ (02/09) นักวิเคราะห์จากหลากหลายสำนักกล่าวว่า ความไม่แน่นอนในการเมืองไทย อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและอาจส่งผลให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ และขณะนี้ตลาดจับตาการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่อาจจะอยู่เพียงแค่ชั่วคราว
นักวิเคราะห์จาก ANZ Group Holdings กล่าวว่า หากการดำเนินนโยบายของรัฐบาลมีความล่าช้า อาจจะส่งผกระทบต่อความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่อง และอาจเป็นการเร่งการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประทศไทยได้ นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์จาก Standard Chartered กล่าวว่าการที่เลือกนักการเมืองมาจากพรรคการเมืองอื่นนั้น จะส่งผลกระทบต่อนโยบายทั้งหมด รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจ
โดยคาดการณ์ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินมีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม กนง.ที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 ต.ค.นี้ สาเหตุเนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เกิดขึ้น ในด้านนักวิเคราะห์จาก Nomura Holdings กล่าวว่า มูดี้ส์ เรทติ้งส์ (Moody’s Ratings) อาจมีการปรับลดความน่าเชื่อถือของไทยในไตรมาสต่อ ๆ ไป เนื่องจากความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งของรัฐบาลไทยนั้นส่งผลต่อการฉุดรั้งการลงทุนและทำให้การแก้ไขเชิงโครงสร้างนั้นหยุดชะงัก
ทั้งนี้ตลาดจับตาความชัดเจนทางการเมืองไทยที่อาจจะได้ข้อสรุปภายในอาทิตย์นี้ โดยวันพรุ่งนี้ (03/09) ช่วงเวลา 10.00 น. จะมีการกำหนดวันประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 32.26-32.38 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 32.37/38 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (02/09) ที่ระดับ 1.1704/06 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (1/9) ที่ระดับ 1.1719/21 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ความต้องการปลดนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือนางลิซ่า คุก กรรมการเฟด ของนายทรัมป์ นั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และเศรษฐกิจโลก เพราะนโยบายการเงินของสหรัฐนั้นเข้าข่ายการไม่มีความเป็นอิสระ เพราะต้องขึ้นตรงกับคำสั่งของนายทรัมป์
นอกจากนี้ตลาดจับตาดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI)1 ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือน ส.ค.จาก HCOB ของฝรั่งเศส, เยอรมนี, อียู ที่จะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1624-1.1718 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1634/36 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (02/09) ที่ระดับ 147.25/27 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (1/9) ที่ระดับ 147.10/11 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ วันนี้ (02/09)
รองผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวในการประชุมที่ฮอกไกโดว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัวเป็นเรื่องที่เหมาะสม แต่ยังคงเตือนถึงผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐ และยังกล่าวเพิ่มเติมว่าถึงแม้ BOJ ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 3 ครั้งนับตั้งแต่เดือน มี.ค.ปีที่แล้ว แต่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังคงอยู่ในระดับต่ำมาก เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงสูง และเนื่องจากราคาข้าวและสินค้าอื่น ๆที่ปรับตัวขึ้นสูง ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าเป้าหมายที่ BOJ กำหนดไว้ที่ 2% อย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะกลับมาสู่เป้าหมายหากปัจจัยชั่วคราวเหล่านี้หมดไป
นอกจากนี้ตลาดจับตาการประชุมนโยบายครั้งต่อไปในวันที่ 18 ก.ย.นี้ หลังจากที่ BOJ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ประมาณ 0.5% ติดต่อกันเป็นครั้งที่สี่ในการประชุมเมื่อเดือน ก.ค. โดยครั้งที่ผ่านมามักจะกล่าวถึงการประเมินผลกระทบจากนโยบายการค้าของนายทรัมป์ ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 147.06-148.78 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ 148.52/53 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) ของสหรัฐ (02/09), ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือน ส.ค. จาก S&P Global ของญี่ปุ่น (03/09), ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS ของสหรัฐ (03/09), การเปลี่ยนแปลงในการจ้างงานภาคเอกชนจากเอดีพี (ADP) ของสหรัฐ (04/09),
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ (04/09), ดัชนี PMI ภาคการบริการจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) ของสหรัฐ (04/09), ดัชนียอดค้าปลีกของสหราชอาณาจักร (05/09), อัตราว่างงานเดือน ก.ค. ของสหรัฐ (05/09), ตัวเลขที่แสดงการเปลี่ยนแปลงของจำนวนการจ้างงานของสหรัฐ (05/09), รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงของสหรัฐ (05/09)
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -8.5/-8.25 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -6.4/-5.5 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ดอลลาร์แข็งค่าเล็กน้อย จากความไม่แน่นอน TARIFF
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net