โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ใครคือผู้คนดั้งเดิมย่านเสาชิงช้า? 4 กลุ่มคนในย่านเก่า ศูนย์กลางศาสนาแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

ศิลปวัฒนธรรม

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา
วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ด้านหน้ามีเสาชิงช้า โบราณสถานประจำเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ (ภาพจาก หนังสือ กรุงเทพฯ 2489-2539)

หากถามว่า “ย่านเก่า” ย่านไหนในกรุงเทพฯ ที่รุ่มรวยด้านศาสนาและความเชื่อมากที่สุด ย่านเสาชิงช้า ย่อมมาเป็นลำดับแรก ๆ เพราะข้องเกี่ยวกับพระราชพิธีของราชสำนักมาตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ แม้ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวจะแปรเปลี่ยนไปจากอดีตมากแล้วก็ตาม แต่ชุมชนเก่าแก่ย่อมไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากปราศจากคน เช่นนั้นแล้วใครคือผู้คนดั้งเดิมย่านเสาชิงช้า ?

ผู้คนดั้งเดิมย่านเสาชิงช้า

เสาชิงช้าคือย่านเก่าที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น โดยเฉพาะด้านความเชื่อ เพราะบริเวณนี้เป็นที่ตั้งเสาชิงช้า (เดิม) ใกล้ ๆ โบสถ์พราหมณ์ และเป็นพื้นที่ที่อยู่ตรงกลางเกาะเมืองของกรุงรัตนโกสินทร์อย่างพอดิบพอดี จึงถูกใช้เป็นสถานที่จัดพระราชพิธีตรียัมปวายและการโล้ชิงช้า โบราณราชประเพณีที่พระมหากษัตริย์ทรงถือปฏิบัติมาตั้งแต่สมัยอยุธยา

เมื่อมีการสร้างพระอารามหลวงให้เป็นที่ประดิษฐาน“พระศรีศากยมุนี”คือ วัดสุทัศนเทพวราราม ในสมัยรัชกาลที่ 2 ต่อมาได้เกิดพระอารามใหม่แวดล้อมพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มอีก 3 วัด คือ วัดบวรนิเวศ, วัดเทพธิดาราม และวัดราชนัดดาราม ในสมัยรัชกาลที่ 3 ยิ่งทำให้มีผู้คนเข้ามาตั้งถิ่นฐานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และประกอบสัมมาอาชีพสอดคล้องกับความเป็น “ชุมชนหลังวัด”

คนกลุ่มนี้เองคือคนกลุ่มแรก ๆ ของย่านเสาชิงช้า ประกอบด้วย

พราหมณ์เป็นกลุ่มคนที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานพร้อมสร้างโบสถ์พราหมณ์ตั้งแต่ พ.ศ. 2327 (รัชกาลที่ 1) และพาครอบครัวย้ายมาตั้งรกรากพักอาศัยในบริเวณย่านเสาชิงช้า จนเกิดเป็นชุมชนของพราหมณ์ เรียกว่า“ตรอกโบสถ์พราหมณ์”

พราหมณ์กลุ่มนี้เป็นตระกูลพราหมณ์เก่าแก่ ที่เดินทางมาจากอินเดียใต้ตั้งแต่สมัยอยุธยา เพื่อประกอบพระราชพิธีในราชสำนัก พวกเขายังกระจายตัวไปอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ในอดีตเป็นตระกูลพราหมณ์ต่าง ๆ เช่น ตระกูลพราหมณ์อยุธยา ตระกูลพราหมณ์เพชรบุรี (บ้านสมอพลือ) ตระกูลพราหมณ์นครศรีธรรมราช

หลังกรุงศรีอยุธยาล่มสลาย กลุ่มพราหมณ์ดั้งเดิมกลับมารวมตัวกันอีกครั้งที่กรุงเทพฯ และกลายเป็นคนกลุ่มแรก ๆ ของย่านเสาชิงช้า แต่ปัจจุบันพราหมณ์ในย่านนี้มีจำนวนน้อยลงเรื่อย ๆ และถูกแทนที่ด้วยกลุ่มอื่นแล้ว

คนจีน หรือชาวไทยเชื้อสายจีน มีทั้งกลุ่มแต้จิ๋ว ฮกเกี้ยน ไหหลำ และจีนแคะ อาศัยกระจายอยู่ในทุกชุมชนของย่านเสาชิงช้า แต่ไม่ได้แยกชุมชนเฉพาะกลุ่มอย่างชัดเจน มี “ศาลเจ้าพ่อเสือ”เป็นศูนย์รวมจิตใจร่วมกัน

คนไทยเชื้อสายจีนแต่ละกลุ่มจะประกอบอาชีพแตกต่างกัน เช่น ชาวแต้จิ๋วและชาวฮกเกี้ยนมักประกอบกิจการร้านค้าสังฆภัณฑ์ วัตถุมงคล และการทำทอง ขณะที่ชาวไหหลำมักเปิดธุรกิจโรงแรมที่พัก เช่น โรงแรมศิริพงษ์ ตั้งอยู่ใกล้ชุมชนวัดเทพธิดาราม โรงแรมสิริมิตร ในแพร่งสรรพศาสตร์ ส่วนชาวจีนแคะมักประกอบอาชีพค้าขายอาหาร เช่น ข้าวต้มเกาเหลาสมองหมู ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นแคะ เป็นต้น

คนไทยดั้งเดิมเป็นกลุ่มคนที่อยู่ในพื้นที่มาแต่เดิม มีการอพยพเข้ามาเพิ่มเติมมากขึ้นหลังจากการย้ายราชธานีมายังกรุงรัตนโกสินทร์ ในช่วงต้นกรุงฯ ที่ยังมีระบบไพร่-ทาส คนกลุ่มนี้คือแรงงานสำคัญในการสร้างบ้านแปงเมือง เป็นกำลังหลักซ่อมสร้างพระนคร เนื่องจากระบบไพร่-ทาสมีผลเฉพาะกับคนไทย ส่วนคนจีน-พราหมณ์อยู่นอกระบบ รัฐไม่สามารถเกณฑ์มาใช้แรงงานโดยไม่เสียค่าจ้างได้ เมื่อมีวังเจ้านายก็เป็นคนกลุ่มแรกที่เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนข้าราชบริพารในย่านนี้

ในอดีต ชาวไทยมักประกอบอาชีพค้าขายและเกษตรกรรม ซึ่งสะท้อนวิถีชีวิตริมน้ำของบ้านเรือนในแถบนี้ได้เป็นอย่างดี

คนลาวเป็นกลุ่มชาวลาวที่อพยพมาจากเวียงจันทน์และหลวงพระบางตั้งแต่ช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ส่วนมากประกอบอาชีพช่างตีทองคำเปลวสำหรับปิดพระพุทธรูป อาศัยอยู่ในบริเวณถนนตีทองและถนนตะนาว หรือชุมชนบ้านดินสอที่เป็นแหล่งผลิตและจำหน่ายดินสอในบริเวณถนนบ้านดินสอพอง

ชาวลาวย่านนี้ยังมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มชาวลาวในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น บ้านบาตร บ้านสายที่มีอาชีพทำบาตรพระด้วยมือและสายรัดประคดพระ เป็นต้น

พัฒนาการประวัติศาสตร์ของย่านเสาชิงช้า ทำให้เห็นกลุ่มคนที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานจากหลายพื้นที่ สะท้อนความเป็นสังคมพหุวัฒนธรรมของกรุงเทพฯ ที่รวมความหลากหลายอย่างต่อเนื่องจากกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเสาชิงช้าเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่นำผู้คนจากหลายวัฒนธรรมเข้ามาปฏิสัมพันธ์กันด้วยทักษะงานฝีมือที่เป็นอัตลักษณ์ของชุมชนต่าง ๆ

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่

อ้างอิง :

รศ. ดร. กรรณิการ์ สุธีรัตนาภิรมย์ และคณะ เขียน. รศ. ดร. ประภัสสร์ ชูวิเชียร บรรณาธิการ. (2568). (คณะ)โบราณคดีมองกรุงรัตนโกสินทร์.กรุงเทพฯ : คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร.

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 19 สิงหาคม 2568

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ใครคือผู้คนดั้งเดิมย่านเสาชิงช้า? 4 กลุ่มคนในย่านเก่า ศูนย์กลางศาสนาแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ศิลปวัฒนธรรม

“วัดในศาสนาพุทธ” แห่งแรกคือที่ไหน ส่วนในไทยจะสร้างได้ต้องผ่าน 6 เงื่อนไข มีอะไรบ้าง?

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“มนต์ธรณีสาร” คาถาสำหรับทำน้ำมนต์ล้างซวย บทแรกที่นักเรียนไสยเวทย์ต้องศึกษา

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

แม่ทัพเดอะมอลล์ กรุ๊ป จัดโครงการ 'รักแผ่นดิน' รวมพลังคนไทยช่วยครอบครัวทหาร

ประชาชาติธุรกิจ

วันสารทจีน -วันไหว้พระจันทร์ 2568 ตรงกับวันไหน เช็กเลย

ฐานเศรษฐกิจ

“มูนเค้กในกล่องหกเหลี่ยมสง่างาม” จาก Hyatt Regency Bangkok Sukhumvit

Gourmet & Cuisine

Lamborghini Fenomeno ขุมพลัง V12 แรงสุดในประวัติศาสตร์สายพันธุ์กระทิงดุ

Manager Online

LIVE ถ่ายทอดสดวอลเลย์บอลหญิง ไทย พบ จีน กระชับมิตร วันนี้ 19 ส.ค.68

PostToday

ปฏิทิน กันยายน 2568 มาเปลี่ยนวันทำงานให้เป็นวันสนุกกันเถอะ

Thai PBS

แมวห้ามกินอะไร? อาหารต้องห้าม! ที่ทาสแมวต้องรู้ ก่อนให้เจ้าเหมียวเสี่ยงตายโดยไม่รู้ตัว

sanook.com

ดาว ลภัสรดา CEO รพ.มาสเตอร์พีช ทำบุญวันเกิด

เดลินิวส์

ข่าวและบทความยอดนิยม

ใครคือผู้คนดั้งเดิมย่านเสาชิงช้า? 4 กลุ่มคนในย่านเก่า ศูนย์กลางศาสนาแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

ศิลปวัฒนธรรม

“มนต์ธรณีสาร” คาถาสำหรับทำน้ำมนต์ล้างซวย บทแรกที่นักเรียนไสยเวทย์ต้องศึกษา

ศิลปวัฒนธรรม

"เรือนางคณิกา" แห่งเมืองกวางตุ้ง ความลับของคณะทูตกรุงธนบุรี ที่ไปลองดีจนต้องอับอายขายหน้า

ศิลปวัฒนธรรม
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...