โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

คลังโหมโรง ‘TouristDigiPay’ บูมท่องเที่ยว ปลดล็อกคริปโตฯแลกบาท ดันสะพัด1.75แสนล.

ไทยโพสต์

อัพเดต 18 สิงหาคม 2568 เวลา 23.52 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

คลังโหมโรง ‘โครงการ TouristDigiPay’ เปิด Sandbox 18 เดือน ปลดล็อกนักท่องเที่ยวต่างชาติแลกคริปโตเคอร์เรนซีเป็นเงินบาทใช้จ่ายท่องเที่ยวไทยไม่จำกัดพื้นที่ หวังปั๊มยอดใช้จ่ายเพิ่ม 10% หรือ 1.75 แสนล้านบาท เตรียมคิกออฟไตรมาส 4/68 รับไฮน์ซีซั่น

18 ส.ค. 2568 - นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง กล่าวภายหลังการเปิดตัวโครงการ TouristDigiPay ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่า โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถแปลงสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถือครองอยู่เป็นเงินบาท เพื่อใช้ชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าต่าง ๆ ในประเทศไทยได้อย่างสะดวกและปลอดภัย

โดยกระบวนการทั้งหมดจะดำเนินการผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. และผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการผสานศักยภาพของเทคโนโลยีทางการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าด้วยกัน เพื่อยกระดับประสบการณ์ของนักท่องเที่ยว

“โครงการนี้ถือเป็นฟีเจอร์แห่งเดียวในโลกที่เริ่มทำ ซึ่งต่างกับประเทศอื่น ๆ ที่เปิดให้เอาคริปโตเคอร์เรนซีมาแลกเป็นเงินบาทเพื่อใช้จ่าย ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ให้เอาไปผูกกับบัตรเครดิต แต่ต้องเข้าใจธรรมชาติก่อนว่าในไทยอาจจะมีแค่ร้านใหญ่ ๆ ที่รับบัตรเครดิต แต่โครงการนี้จะลงไปถึงรากหญ้า ร้านค้าขนาดเล็กที่ขายของทั่วไปด้วย ดังนั้นตรงนี้จะเป็นการช่วยผู้ค้ารายย่อยได้จริง ๆ และเชื่อว่าโครงการนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการจูงใจให้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% หรือคิดเป็น 1.75 แสนล้านบาท จากประมาณการนักท่องเที่ยวปีนี้ที่ 35 ล้านคน หมายถึงว่าเราหวังให้มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จาก 5 หมื่นบาทต่อคนต่อทริป โดยเพิ่มอีก 10% เป็น 5.5 หมื่นบาท ตรงนี้ถือว่าดีอย่างมากแล้ว” นายพิชัย กล่าว

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างรอบคอบและมีกลไกป้องกันความเสี่ยงที่เหมาะสม โครงการ TouristDigiPay จึงดำเนินการในรูปแบบโครงการทดสอบภายใต้ Sandbox โดยมีระยะเวลาเบื้องต้น 18 เดือน ซึ่งจะไม่มีการจำกัดพื้นที่ในการใช้จ่าย และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว จะมีการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพื่อพิจารณาดำเนินการในขั้นตอนต่อไป

สำหรับขั้นตอนการดำเนินการนั้น ขณะนี้ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ ก.ล.ต. จะดำเนินการออกหลักเกณฑ์สำหรับผู้ให้บริการ e-Money รวมถึวมาตรการเกี่ยวกับการฟอกเงินต่าง ๆ และคาดว่าภายในเดือน ก.ย. 2568 จะสามารถเปิดรับสมัครผู้ให้บริการ e-Money ที่สนใจเข้าร่วมโครงการได้

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการโครงการ TouristDigiPay ได้ภายในไตรมาส 4/2568 ซึ่งเป็นช่วงไฮน์ซีซั่นของการท่องเที่ยว ผ่านผู้ให้บริการ e-Money จำนวน 1-2 ราย จากปัจจุบันมีผู้ให้บริการ e-Money แสดงความสนใจเข้าร่วมโครงการแล้ว 4-5 ราย ซึ่งขณะนี้ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และมีการรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องไปแล้ว ทำให้เชื่อมั่นว่าโครงการนี้แม้จะเป็น Sandbox แต่ก็จะกลายเป็นหมุดหมายที่สำคัญในการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเข้าสู่นวัตกรรมดิจิทัล ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่เกี่ยวข้อง และสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากของไทย

นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ สำนักงาน ปปง. กล่าวว่า ยืนยันว่า ปปง. มีกระบวนการในการกำกับดูแลทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่กระบวนการแลกคริปโตเคอร์เรนซี ทั้งขั้นตอนการยืนยันตัวตน (KYC) ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ซึ่ง ปปง. มีความมั่นใจในกระบวนการทำงานอย่างมาก และแม้ว่าในระยะต่อไปหากโครงการประสบความสำเร็จและมีการขยายวงเงินเพิ่มเติม ก็จะไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะ ปปง. มีความพร้อมอยู่แล้ว

สำหรับขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการ TouristDigiPay เริ่มจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเมื่อมาถึงไทยแล้วต้องทำ KYC เพื่อเปิดบัญชีกับผู้ประกอบการสินทรัพย์ดิจิทัล และเปิด tourist wallet กับผู้ให้บริการ e-Money หลังจากนั้นสามารถโอนหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าบัญชี wallet ที่เปิดไว้ และรับเป็นเงินบาทเข้า tourist wallet ที่เปิดไว้ และสามารถนำไปชำระค่าสินค้าและบริการเป็นเงินบาท โดยสแกนผ่าน e-Money และระบบจะตัดยอดเงินใน tourist wallet ซึ่งจะมีการจำกัดวงเงิน โดยไม่เกิน 5 หมื่นบาทต่อเดือน กรณีชำระเงินแก่ร้านค้ารายย่อย และไม่เกิน 5 แสนบาทต่อเดือน กรณีชำระเงินแก่ร้านค้าผ่านกระบวนการ Know your Merchant (KYM) และนักท่องเที่ยวสามรรถแลกเงินบาทกลับเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ในวงเงินที่ไม่เกินมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลที่แลกขาเข้า

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

สเปนและโปรตุเกสต่อสู้กับไฟป่า ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น

18 นาทีที่แล้ว

สมเด็จพระสังฆราช เสด็จประทับ รพ.ศิริราช ชั่วคราว กำหนดเสด็จกลับ 19 ส.ค.

21 นาทีที่แล้ว

ทบ. แจง ‘บ้านหนองจาน’ อยู่ในเขตประเทศไทย ซัดกัมพูชาใช้ชาวบ้านรุกล้ำอธิปไตย

33 นาทีที่แล้ว

อดีตรมต.เขมร ได้ทีอัด ‘จิรายุ’ กลับกลอกเชิญ-ถอนเชิญ ‘อัลฟาโร’ ทำไทยเสียหน้า

40 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

ร้านอาหาร เรียกร้องรัฐบาลออกโครงการช่วยเหลือด่วน หลังขาดทุนหนัก รายได้ลดฮวบ ต้นทุนสูงเท่าเดิม

News In Thailand

ปลดล็อกภาระหนี้บ้าน! ออมสินออกโปรสินเชื่อเคหะ Refinance ดอกเบี้ยสุดคุ้ม ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น

The Better

ตลาดทองคำมาแรง เศรษฐีแห่แข่งธุรกิจขายทอง ฟันกำไร 5-10% | คุยกับบัญชา | 18 ส.ค. 68

BTimes

เจาะอินไซต์ "ท่องเที่ยวติดแกลม" โอกาสใหม่ การท่องเที่ยวไทย

ประชาชาติธุรกิจ

ธอส.สานต่อ "คุณสู้ เราช่วย" เฟส 2 ขยายเวลาลงทะเบียน เพิ่มคุณสมบัติช่วยลูกค้ากลุ่มเปราะบางครอบคลุมมากขึ้น

สยามรัฐ

ไทยประกันชีวิต กำไรครึ่งปีแรกโต 28% แตะ 6.3 พันล้านบาท

AEC10NEWs

หุ้นปิดร่วง 17.11 จุดรับแรงขายกระหน่ำ THAI-AOT กังวลการเมือง จับตา 2 คดีชินวัตร

Manager Online

ราคาทอง ปิดการซื้อขาย ปรับขึ้น 100 บาท เมื่อเทียบกับวันเสาร์

PPTV HD 36

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...