ครั้งแรก จีนเปิดทาง ใช้ "สเตเบิลคอยน์" ผูก "เงินหยวน" หนุนใช้งานเงินหยวนในระดับโลก
ทางการจีนเตรียมเปิดทางใช้ "สเตเบิลคอยน์" ผูก " เงินหยวน"
ทางการจีนกำลังพิจารณาที่จะอนุญาตให้ใช้ "สเตเบิลคอยน์" ที่มีมูลค่าผูกกับ "เงินหยวน" เป็นครั้งแรก เพื่อสนับสนุนการใช้งานเงินหยวนในระดับโลก โดยการตัดสินใจนี้ถือเป็นการเปลี่ยนท่าทีครั้งใหญ่ของจีนต่อสินทรัพย์ดิจิทัล หลังจากที่เคยสั่งห้ามการซื้อขายและขุดคริปโทเคอร์เรนซีในปี 2564 เนื่องจากกังวลต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน
สภาแห่งรัฐของจีน (คณะรัฐมนตรี) มีแผนทบทวนและอาจอนุมัติโรดแมปสำหรับการใช้เงินหยวนในตลาดโลกภายในเดือนนี้ ซึ่งแผนดังกล่าวคาดว่าจะรวมถึงเป้าหมายการใช้เงินหยวนในตลาดโลก กำหนดบทบาทและความรับผิดชอบของหน่วยงานกำกับดูแลภายในประเทศ และแนวทางป้องกันความเสี่ยง
ผู้นำระดับสูงของจีนคาดว่าจะจัดประชุมศึกษาเรื่องการส่งเสริมการใช้เงินหยวนในระดับสากล (yuan internationalisation) และสเตเบิลคอยน์ภายในสิ้นเดือนนี้ โดยมีแนวโน้มที่จะให้คำชี้แนะแนวทางการใช้ และขอบเขตการพัฒนาสเตเบิลคอยน์เชิงธุรกิจ
ทั้งนี้ จีนมองว่านวัตกรรมทางการเงิน โดยเฉพาะสเตเบิลคอยน์ เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับส่งเสริมการใช้เงินหยวนในระดับสากล ท่ามกลางอิทธิพลของคริปโทฯ ที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเทคโนโลยีบล็อกเชนของสเตเบิลคอยน์ยังช่วยให้โอนเงินข้ามพรมแดนได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง และมีต้นทุนต่ำ
สำหรับ "สเตเบิลคอยน์" เป็นคริปโทเคอร์เรนซีชนิดหนึ่งที่ออกแบบให้มีมูลค่าคงที่ โดยผูกกับสกุลเงินทั่วไปที่ออกโดยรัฐบาล เช่น ดอลลาร์สหรัฐ และมักใช้โดยนักลงทุนด้านคริปโทฯ ในการเคลื่อนย้ายเงินระหว่างโทเคน
ส่วนแบ่งการชำระเงินระหว่างประเทศด้วยเงินหยวนลดลงเหลือ 2.88% ในเดือนมิถุนายน 2568 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐยังครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 47.19% จีนจึงดำเนินการควบคุมเงินทุนอย่างเข้มงวด แต่อนุญาตให้เคลื่อนย้ายเงินไปยังตลาดสำคัญ เช่น ฮ่องกง
สำหรับรายละเอียดของแผนการดังกล่าวนั้นคาดว่าจะเปิดเผยในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยมีหน่วยงานกำกับดูแลของจีน รวมถึงธนาคารกลางจีน (PBOC) รับผิดชอบในการดำเนินการ
ปัจจุบันตลาดสเตเบิลคอยน์โลกมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2.47 แสนล้านดอลลาร์ แต่ธนาคาร Standard Chartered ประเมินว่า อาจจะเติบโตถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2571 โดยในภูมิภาคเอเชียนั้น เกาหลีใต้มีแผนอนุญาตให้บริษัทต่าง ๆ ใช้สเตเบิลคอยน์ที่ผูกกับเงินวอน ขณะที่ญี่ปุ่นก็มีโครงการในทิศทางเดียวกัน
ขณะที่สหรัฐฯ นั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้เดินหน้าสนับสนุนสเตเบิลคอยน์ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อต้นปีนี้ และกำลังจัดทำกรอบกฎระเบียบเพื่อทำให้คริปโทฯ ที่ผูกกับดอลลาร์เป็นสกุลเงินที่ถูกกฎหมาย
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว หน่วยงานกำกับดูแลของเซี่ยงไฮ้จัดประชุมเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นเพื่อพิจารณากลยุทธ์ด้านสเตเบิลคอยน์และสกุลเงินดิจิทัล โดย หวง อี้ปิง ที่ปรึกษาของ PBOC ระบุว่า การสร้างสเตเบิลคอยน์หยวนในฮ่องกงมีความเป็นไปได้
กฎหมายสเตเบิลคอยน์ของฮ่องกงเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 ทำให้ฮ่องกงเป็นหนึ่งในตลาดแรก ๆ ของโลกที่ควบคุมผู้ให้บริการสเตเบิลคอยน์ที่ผูกกับสกุลเงินทั่วไปที่ออกโดยรัฐบาล ขณะเดียวกัน เซี่ยงไฮ้ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการระหว่างประเทศสำหรับเงินหยวนดิจิทัลด้วย โดยทั้งฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้จะเป็นเมืองหลักในการเร่งนำแผนดังกล่าวไปบังคับใช้
นอกจากนี้ จีนยังคาดว่า จะหารือเรื่องการขยายการใช้เงินหยวนและสเตเบิลคอยน์สำหรับการค้าข้ามพรมแดนกับบางประเทศในการประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม - 1 กันยายน 2568 ที่เมืองเทียนจิน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ค่าเงินเอเชียชะงัก รอดีลใหญ่ รัฐเซีย-ยูเครน
- "พิชัย" เผยไทยเตรียมหารือภาษี "Local Content" กับทางการสหรัฐฯ สัปดาห์หน้า
- "ดอลลาร์" หมดความขลัง ? ทองคำจ่อแซงหน้า ท้าชิงเบอร์หนึ่งทุนสำรองโลก ใต้เงาทรัมป์ 2.0
- สหรัฐฯ ขึ้นภาษี 50% กับสินค้าที่ทำจากเหล็กและอะลูมิเนียม 400 รายการ ชี้อุดช่องโหว่ป้องกันเลี่ยงภาษี
- จีนเตรียมพาเหรดกองทัพขน "อาวุธลับ" ไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาโชว์กลางปักกิ่ง