ท่ามกลางหยาดฝน พวกเรายังคงเปล่งประกาย ‘7DREAM’ ในราชมังฯ กับความทรงจำที่ไม่มีวันเลือน
“สำหรับบางคนวันนี้อาจจะเป็นวันที่ผ่านไปเฉยๆ ก็ได้ แต่ขอบคุณที่ทำให้วันนี้เป็นวันที่พิเศษมากๆ เลยนะครับ” – นาแจมิน
ในวันที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังเปล่งประกายด้วยรักอย่างเต็มหัวใจ**
รักที่ไร้เงื่อนไขใด รักที่ไร้ซึ่งข้อกังขาทั้งมวล ‘น้องดรีม’ และ ‘ดรีมเส้นไทย’ ณ ราชมังคลากีฬาสถาน แสดงให้เห็นแล้วว่า ความรักของพวกเรามีอยู่จริงตรงหน้า และรักมากเกินกว่าจะประเมินค่าด้วยสิ่งใดได้**
**เมื่อยามสนธยาโอบกอดผืนฟ้า ดวงดาราที่เคยทอแสงเคียงคู่จันทรา กลับมาปรากฏกายอยู่กลางเวทีราชมังฯ ราวกับว่าท้องฟ้าลดระยะห่างลงมา เพื่อให้เราทุกคนได้เป็นหนึ่งเดียวกัน
ในค่ำคืนที่ 16-17 สิงหาคม NCT DREAM ได้ประทับตราประวัติศาสตร์ลงบนสเตเดียมที่ใหญ่ที่สุดของไทย กับคอนเสิร์ต THE DREAM SHOW 4 : DREAM THE FUTURE เพื่อจารึกตำนานบทใหม่ว่า นี่คือศิลปินกลุ่มแรกของค่าย SM Entertainment ที่จำหน่ายบัตรในประเทศไทยได้มากที่สุด
และครั้งนี้ ณ ราชมังคลากีฬาสถาน ประเทศไทยเรามี 7DREAM แล้วจริงๆ**
**ภาพจาก SMTrue
ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าที่พวกเราจะมีวันนี้ คอนเสิร์ตแรกที่มีขาดพี่คนโตอย่างมาร์คลี คอนเสิร์ตครั้งถัดมาดรีมเส้นทั่วไทยประสบปัญหา Data not found และคอนเสิร์ตครั้งที่ 3 หวงเหรินจวิ้นไม่ได้ขึ้นแสดงด้วยที่ประเทศไทย
เส้นทางกว่าที่จะมีวันนี้จึงยาวไกลและรายล้อมไปด้วยอุปสรรคที่ดาหน้าเข้ามาหา ทว่าในที่สุด คอนเสิร์ตครั้งที่ 4 เราก็มี 7DREAM ในสเตเดียมที่ใหญ่ที่สุดในไทยแล้ว
“มันไม่ใช่เรื่องแน่นอนและเรื่องง่ายที่พวกเราจะได้โอกาสเล่นคอนเสิร์ตที่สเตเดียมใหญ่แบบนี้… ความรักของซีจือนี่ทุกๆ คน มันยิ่งใหญ่มากๆ เลยครับ” – มาร์คลี**
**ภาพจาก NCT Dream
ท่ามกลางหยาดฝน พวกเรายังคงเปล่งประกาย
เป็นดรีมเส้นไทย เส้นทางนี้ไม่เคยง่าย บททดสอบความรัก เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ณ ราชมังคลากีฬาสถาน เรื่องราวเกิดขึ้นตั้งแต่วันกดบัตรที่ต้องสู่รบกับบอตยันเช้า กระทั่งวันคอนเสิร์ตที่มีฝนฟ้าคะนอง
ใครก็รู้ว่าราชมังฯ ปกติแล้วร้อนระอุ เดินทางลำบากมากขนาดไหน ยิ่งในวันที่มีพยากรณ์อากาศว่าฝนจะตกชุก 80% ของพื้นที่ ยิ่งทวีความยากลำบากเข้าไปอีกเท่าตัว น้ำไม่ระบาย ไม่มีหลังคาให้กันฝน ไม่มีที่ให้หลบเป็นกำบัง มีเพียงเสื้อกันฝนตัวบาง ร่มที่พกมาจากบ้าน และรองเท้าคู่สวยที่ต้องสละ
ทว่าแม้สายฝนจะโปรยลงมาอย่างไม่ปรานี แต่ไม่มีใครลุกหนีออกจากเก้าอี้ ทุกคนยังคงอยู่ตรงนั้นด้วยหัวใจที่มั่นคง ราวกับว่าความรักที่มีต่อน้องดรีมแข็งแกร่งกว่าฟ้าฝนที่กำลังทดสอบอยู่เบื้องหน้า ทุกคนสละชุดสวยที่ตั้งใจแต่งมา เพื่อสวมเสื้อกันฝน บางคนร่มกางปกป้องตัวเอง เผื่อแผ่ไปถึงเพื่อนข้างๆ แต่ที่น่าประทับใจยิ่งกว่าคือไม่มีใครคิดจะละสายตาจากเวที
แท่งไฟสว่างไสวถูกโบกสะบัดขึ้นกลางฝน เป็นสัญญาณของหัวใจที่ไม่ไหวหวั่น เสียงเชียร์ผสมกับเสียงฝน กลายเป็นจังหวะใหม่ที่โอบกอดบรรยากาศทั้งสเตเดียม
และในจังหวะที่หลายคนคิดว่าการแสดงอาจต้องหยุดชะงัก น้องดรีมกลับก้าวออกมาท่ามกลางม่านฝน ไม่ใช่เพียงเพื่อแสดง แต่เพื่อยืนยันว่าพวกเขาเลือกอยู่ตรงนี้กับเราทุกคน
รอยยิ้ม เสียงร้อง และการเต้นที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานท่ามกลางเวทีที่เปียกลื่น เป็นเสมือนไออุ่นโอบกอดหัวใจอันหนาวเหน็บ และเป็นหลักฐานชั้นดีว่า ไม่มีอะไรหยุดน้องดรีมกับดรีมเส้นไทยได้ ถ้าเรายังอยู่ด้วยกันตรงนี้ ความรักที่เรามีให้กันนั้นยิ่งใหญ่ จนคอนเสิร์ตนี้กลายเป็นอีกหนึ่งตำนานที่ยากจะลืมเลือน
“ประเทศไทยเป็นคอนเสิร์ตที่พวกเรารอคอยมากๆ… เมื่อวานและวันนี้จะเป็น 2 วันที่ผมจดจำตลอดไปเลยครับ” – จงเฉินเล่อ
“ทุกครั้งที่มาประเทศไทย พวกเรารู้สึกมีความสุขมากๆ เพราะว่าเอเนอร์จี้ของทุกคนร้อนแรงมากๆ แล้วก็ยิ่งใหญ่มากๆ เลยครับ” – ลีแฮชาน
“ถ้าสมมติว่าในอนาคต พวกเราเดินเจอกัน เข้ามาบอกพวกเราว่าเคยไปดูคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย ผมคงดีใจมากๆ เพราะผมประทับใจวันนี้มากที่สุดเลยครับ” – ปาร์คจีซอง**
**ภาพจาก SMTrue
เปิดกล่องความทรงจำ ในสเตเดียมที่ใหญ่ที่สุดในไทย
ด้วยคอนเซ็ปต์ของคอนเสิร์ต ที่ถูกวางไว้เป็นการย้อนเวลากลับไปสู่จุดเริ่มต้น ภาพความทรงจำวัยเยาว์ ตั้งแต่ THE DREAM SHOW 1 จึงถูกนำมาย้อนเล่าใน THE DREAM SHOW 4 นี้อีกครั้ง ราวกับเป็นการปลอบประโลมทุกคนว่าไม่เป็นไร ไม่ว่าคอนเสิร์ตครั้งก่อนจะขาดหายอะไรไป ในวันนี้พวกเราได้อยู่ด้วยกัน ณ ที่แห่งนี้แล้ว
ทุกโชว์ที่สร้างสรรค์ ทุกสเตจที่แสดง ประเทศไทยเนรมิตให้อลังการและเหนือชั้นกว่าที่อื่น และเหมือนกับโชว์ที่ประเทศเกาหลีเกือบ 100% เพื่อย้ำว่าเราคือประเทศเดียวที่ได้ชม THE DREAM SHOW 4 ในสเกลสเตเดียมเปิดโล่งแบบนี้
ทันทีที่ VCR ตัวแรกฉากขึ้นจอ เสียงกรี๊ดก็ดังกระหึ่มทั่วทั้งราชมังฯ จากดอยชั้น 3 สู่ที่นั่งโซนสนามติดเวที ลูกเล่นจากแท่งไฟที่ทุกคนถืออยู่ในมือ ทำให้พวกเรากลายเป็นส่วนหนึ่งของเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่ยิ่งใหญ่ และความสนุกก็เริ่มเดินเครื่องทำงาน ก่อนที่ NCT DREAM จะปรากฏตัวด้วยเพลง BTTF และแสดงโชว์ยาวไม่มีพัก
ในคอนเสิร์ตครั้งนี้เราได้เห็นน้องดรีมร้อยเรียง คัดสรรเพลง ตั้งแต่ก้าวแรกของการเติบโต ผสานทุกช่วงอารมณ์ไว้อย่างลงตัว ทั้งหวนคืนรสชาติหวานหอมด้วยเพลงสดใส โอบกอดช่วงเวลาแห่งความฝัน กับเพลง We Young, Dunk Shot, Candy ที่พวกเราต่างเติบโตเคียงข้างกันมาตลอด 9 ปี ไปจนถึงเพลงที่เป็นความทรงจำของพวกเราทุกคน
ได้เห็นกับตาแล้วจริงๆ 7DREAM กับ Hello Future พร้อมพลุที่จุดในราชมังฯ มันสวยงามขนาดไหน
แถมยังมี ANL ที่เกาหลีไม่มี และเราได้ฟังเหรินจวิ้นร้องท่อนของเขากับหูตัวเอง ไม่ต้องฟังผ่านเสียงที่บันทึกไว้แล้ว
“พวกเราถ้าไม่มีซีจือนี่ ไม่ได้นะครับ” – หวงเหรินจวิ้น**
**ภาพจาก SMTrue
I'll be your home
ขอให้เราได้เป็นบ้านให้น้องดรีมสักครั้ง แม้เพียงแค่ 2 วันที่มาแสดงคอนเสิร์ตก็ตาม
ทุกเสียงที่เชียร์ ทุกโปรเจ็กต์ที่แฟนคลับตั้งใจ ไม่ได้หวังอะไรไปมากกว่า ขอให้น้องดรีมสนุกกับช่วงเวลาบนเวที ได้รับพลังจากเสียงเชียร์และความตั้งใจของดรีมเส้นไทยตั้งใจทำให้
ในวินาทีที่เราได้เห็นน้องดรีม 7 คน ท่ามกลางคนดูนับหมื่นเต็มพื้นที่ราชมังฯ นั่นคือวินาทีที่เรายิ้มกว้างที่สุดในรอบปี ทว่าน้ำตาแห่งความสุขกลับเอ่อล้นออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว เพราะนี่คือสัญญาณว่าทุกการรอคอยของพวกเราสิ้นสุดลงแล้ว ไม่ต้องเสียดายอะไรอีกต่อไป ตอนนี้ 7DREAM และดรีมเส้น ได้อยู่ด้วยกันแล้วจริงๆ
ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา เราเดินทางร่วมกันผ่านทุกความทรงจำ ทั้งสุขและเศร้า การได้อยู่ในคอนเสิร์ตนี้ด้วยกัน เลยไม่ใช่แค่การมาดูน้องดรีมแสดง แต่เพื่อแสดงให้น้องดรีมเห็นเหมือนกันว่าตรงนี้ยังมีพวกเราเสมอ ให้ที่นี่เป็นบ้านอีกหลัง เป็นพื้นที่ที่จะคอยมอบรอยยิ้มและโอบกอดพวกเขาทั้ง 7 คนไว้ด้วยกัน
ณ ช่วงเวลาที่ได้เห็นน้องดรีม 7 คน ด้วยตา แม้ไม่กี่ชั่วโมงตรงหน้า แต่จะประทับตราในความทรงจำไม่รู้ลืม ทุกช่วงเวลาที่เราใช้ไปด้วยกัน ตั้งแต่เพลงเปิดคอนเสิร์ต Hello Future ก่อน VCR ตัวแรก จนวินาทีที่เราโบกมือบ๊ายบายกันจนฉากกันปิด จะคงถูกสะกดไว้ในความทรงจำระหว่างเราตลอดไป
“ไม่แน่ใจว่าพวกเราจะมีคอนเสิร์ตแบบนี้ถึงเมื่อไหร่ แต่ตอนที่พวกเรามาหาทุกคน ทุกคนต้องมาหาเรานะครับ” – ลีเจโน่**
**ภาพจาก SMTrue
พี่ซีจือนี่ 🤍 น้องดรีม
เซอร์ไพรส์จากดรีมเส้นไทย สร้างรอยยิ้มให้น้องดรีมได้ทุกครั้ง
ในเพลง YOU ที่น้องดรีมยืนอยู่บนสเตจรอง ร้องเพลงพร้อมทอดสายตามองไปทั่วทั้งราชมัง โปรเจ็กต์กล่องไฟก็ถูกเปิดขึ้นเป็นคำว่า ‘9YEARS 7DREAM’ และ ‘พี่ซีจือนี่ 🤍 น้องดรีม’
แน่นอนว่าเรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นได้อย่างชัดเจน และมันเป็นอีกครั้งที่น้องดรีมและดรีมเส้นไทย กลับมาเถียงกันคอเป็นเอ็นที่ราชมังฯ ว่าจะเป็นพี่หรือเป็นน้อง กลุ่มเด็กน่ารัก 7 คน พกพาความฝันอยากจะเป็น ‘พี่ดรีม’ ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากเกาหลี
แต่ก็ต้องพ่ายแพ้อีกครั้ง เพราะโหวตให้ตายยังไงก็ได้เป็น ‘น้องดรีม’ นี่คงเป็นความพ่ายแพ้ที่น่ารักที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นมา
เพราะมันไม่ใช่บทสนทนาที่จะหาได้จากการทัวร์คอนเสิร์ตในประเทศไหน มีแค่ที่ประเทศไทยเท่านั้นที่ได้พูดคุยสิ่งนี้กับน้องดรีม กลายเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่มีแค่พวกเราเท่านั้นที่จะเข้าใจ ความพิเศษเกิดขึ้นได้จากสิ่งเล็กๆ แค่คำเรียกที่ดูธรรมดาสำหรับบางคน กลายเป็นความทรงจำที่แสนยิ่งใหญ่ ตั้งแต่ THE DREAM SHOW 3 จนถึง THE DREAM SHOW 4 และแน่นอนว่า THE DREAM SHOW5 ก็รับรองได้ว่าจะมีเด็ก 7 คน มายืนเถียงแม่บนเวทีที่ราชมังฯ อีกแน่นอน แต่ก็เตรียมตัวแพ้ได้เลยลูก เพราะน้องดรีม ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่สิบปี ก็จะยังเป็นน้องดรีมอยู่วันยังค่ำ
เซอร์ไพรส์ที่แฟนไทยเตรียมไว้ให้ ยังไม่หมดลงง่ายๆ เพราะถ้าจะมีใครเอาชนะพระพิรุณได้ คนนั้นก็คงเป็นดรีมเส้นไทย แม้ฝนจะตกหนักมากขนาดไหน เสียงของดรีมเส้นไทยดังนับหมื่นก็ดังกว่าทุกหยาดฝน เราสามารถร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดให้แจมิน ท่ามกลางเสียงฝนที่โหมกระหน่ำ สร้างเซอร์ไพรส์ให้เกิดขึ้นได้ โดยที่ไม่ต้องมีเค้กใดๆ มีแค่เสียงร้องจากหัวใจ และความรักที่อยากส่งมอบ ก็เพียงพอที่จะชนะสายฝนได้แล้ว
และเรายังมีทั้งสโลกแกน ‘ไม่ว่าจะไกลแค่ไหน ก็จะเดินไปกับ 7DREAM’, ‘Dear DREAM, I'll be your home.’ รวมแบนเนอร์ที่เขียนว่า ‘พวกเราจะเป็นท้องฟ้าสีฟ้า เพื่อให้ 7DREAM ได้เป็นสายรุ้งทั้ง 7 สี ที่เปล่งประกายอย่างเจิดจรัสบนท้องฟ้าเองนะ’, ‘ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ทำให้วัยเยาว์ของพวกเราสมบูรณ์’, ‘To the Future ไม่ใช่เพียงคำพูด แต่เป็นคำสัญญาจากหัวใจ’
ทุกคำล้วนแต่เป็นถ้อยคำที่ดรีมเส้นไทย อยากสื่อสารไปไน้องดรีมได้รับรู้ ไม่ว่าน้องดรีมจะอยู่ตรงไหน ดรีมเส้นไทยก็จะตามไปอยู่เคียงข้างตรงนั้น เติบโตด้วยกันมาแล้ว 9 ปี ก็ขอให้มีคำว่านิรันดร์เกิดขึ้นกับพวกเราด้วยเช่นกัน
“อยู่ด้วยกันตลอดไปนะครับ” – นาแจมิน
**คำว่าตลอดไปจากแจมิน เป็นเสมือนปราการนบน้ำตาขั้นสุดท้าย จากคนที่บอกเสมอว่าให้เรารักตัวเองให้มากกว่าเดิม ให้ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันให้ดี เอ่ยปากขอให้เราอยู่ด้วยกันตลอดไปเป็นภาษาไทย ที่ประเทศไทย
สนุกด้วยกันจวบจนวินาทีสุดท้ายเกิดขึ้นจริง ดรีมเส้นไทยเล่นเวฟจากขวาไปซ้าย ซ้ายไปขวา นับสิบๆ รอบ แถมยังไว้เวฟจากดอยชั้น 3 จรดบนเวที กับน้องดรีมด้วยอีกครั้ง เป็นความทรงจำน่ารักจนต้องขอบันทึกเก็บไว้ เพราะถ้าเผลอลืมไป คงเสียใจน่าดู
ภาพจาก SMTrue
เริ่มต้นแบบทุลักทุเล แต่จบลงอย่างสวยงาม
ตลอด 2 วันในราชมังฯ เราพบเจอกับหลากหลายสถานการณ์ หลากหลายสภาพอากาศ และหลากหลายความรู้สึก แต่หนึ่งสิ่งที่รับรู้ได้ตั้งแต่ที่น้องดรีมปรากฏตัว คือ ทุกวินาทีนับจากนี้จะเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายที่สุดระหว่างเรา
เมื่อเสียงเพลงสุดท้ายมาถึง ภาพที่เราได้เห็นคือน้องดรีมต่างเดินไปรอบเวที เพื่อมองดูแฟนคลับของเขา ไม่ว่าจะวันแรกที่ฝนตกหนัก หรือวันสุดท้ายที่ท้องฟ้าเป็นใจ น้องดรีมก็เดินไปทุกที่เพื่อโบกมือให้ทุกคนด้วยรอยยิ้ม สายตาที่ทอดมองตั้งแต่สุดที่สูงที่สุดของราชมัง ลากยาวจนถึงโซนติดเวที เพื่อซึมซับบรรยากาศแห่งความสุข และขอบคุณทุกความรักที่แฟนคลับส่งไปให้
และเมื่อ Heavenly ค่อยๆ เบาลง คำขอบคุณและการบอกรักครั้งสุดท้ายบนเวทีก็หลั่งไหลออกมาจากน้องดรีม เราได้ตอบรับ ‘ไอกู’ จากน้องดรีมพร้อมกันทั้งราชมัง ได้ตะโกนรับคำเรียกขาน ‘Yo Dream!’ จากพี่คนโตอย่างมาร์ค กระทั่งฉากกันค่อยๆ เลื่อนปิดลง พร้อมกับการโบกมือลาจนวินาทีสุดท้าย ทุกความรู้สึกไม่เคยจาง ทุกโน้ต ทุกท่วงท่า และทุกสายตาที่มองมา ตราตรึงอยู่ในหัวใจของพวกเราทุกคน
จากนี้ราชมังคลากีฬาสถานไม่ใช่แค่สเตเดียมอีกต่อไป แต่กลายเป็นบ้านหลังใหญ่ของความทรงจำ ที่ 7DREAM และดรีมเส้นไทยได้มาเจอกันในที่สุด
แม้น้องดรีมจะลงจากเวทีไปแล้ว แต่แฟนคลับหลายคนยังนั่งมองเวที ไม่อยากลุกไปไหน แท่งไฟยังสว่างระยิบระยับเป็นสีรุ้ง เบื้องหลังเมฆครึ้มคงมีดวงดาวนับพันกำลังเมียงมองและแอบเก็บเกี่ยวความสุขที่เอ่อล้นราชมังฯ ไปเก็บไว้
บางคนยิ้มกว้างจนแก้มปริ บางคนหลั่งน้ำตาเพราะปีติยินดี ทั้งหมดเป็นเครื่องยืนยันชัดเจนว่า ความรักนี้ไม่ใช่เพียงความรู้สึกชั่วครู่ แต่เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่และมั่นคงตลอดกาล
แม้ว่าวันนี้คอนเสิร์ตจะจบลง แต่ความทรงจำเหล่านี้จะยังคงอยู่กับพวกเราตลอดไป ทุกเพลง ทุกรอยยิ้ม ทุกหยาดน้ำตา กลายเป็นเรื่องราวที่บอกให้รู้ว่า บ้านของพวกเรานี้ จะเปิดประตูต้อนรับ 7DREAM เสมอ
รีบกลับมาเล่น THE DREAM SHOW 5 ด้วยกันนะน้องดรีม
Yo Dream! 쩔어주자 파이팅!
อ้างอิงจาก**
Graphic Designer: Manita Boonyong
Editorial Staff: Paranee Srikham**