‘สภาผู้บริโภค’ แนะรัฐอัดงบ 3.4 หมื่นล้าน ลุย ‘รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย’
นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค เปิดเผยว่า การเข้าถึงขนส่งสาธารณะอย่างเท่าเทียมเป็นนโยบายที่สภาผู้บริโภคได้เร่งผลักดันมาโดยตลอด โดยเฉพาะ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดเส้นทาง เพื่อทำให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการรถไฟฟ้าอย่างสะดวก ร่วมเพิ่มคุณภาพชีวิตและร่วมลดภาระค่าใช้จ่าย ล่าสุดภาครัฐบาลได้ประกาศชะลอนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทออกไปก่อน
จากเดิมกำหนดไว้ในวันที่ 1 ต.ค. 2568 โดยกระทรวงคมนาคมประกาศว่าจะเลื่อนใช้ภายในวันที่ 15 พ.ย.2568 เนื่องจากต้องรอให้ร่างกฎหมาย 3 ฉบับ ได้แก่
พ.ร.บ.การขนส่งทางราง พ.ศ. …. พ.ร.บ. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. …. และ พ.ร.บ. การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. ผ่านการพิจารณาจากสภาฯ
นางสาวสารี กล่าวต่อว่า สภาผู้บริโภคได้ร่วมผลักดันนโยบายรถไฟฟ้ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เพื่อทำให้ภาคประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงบริการขนส่งสาธารณะอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน
จึงจัดได้ทำแถลงการณ์เสนอทางออกขับเคลื่อนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทให้เดินหน้าได้ตามแผน ด้วยการให้รัฐบาลนำงบประมาณ 34,000 ล้านบาทที่กระทรวงคมนาคมได้ตั้งไว้ในการดำเนินโครงการทางด่วนสองชั้น
มาผลักดันนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท สร้างผลดีทำให้ประชาชนทุกภาคส่วนเข้าถึงบริการสาธารณะ
สำหรับเหตุผลของการเสนอให้รัฐบาลนำงบประมาณ 34,000 ล้านบาท ปรับเปลี่ยนมาใช้เพื่อขับเคลื่อนนโยบายรถไฟฟ้านั้นมีเหตุผลสำคัญๆ สองประการคือ
ประการแรกคือการสร้างทางด่วนสองชั้นนั้น ไม่สามารถแก้ปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานครได้จริง ทั้งนี้เนื่องจากการเพิ่มพื้นที่ทางด่วนเป็นการทำให้ผู้ที่สัญจรไปมาพึ่งพิงการใช้รถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น
ประการที่สองคือ หากนำนำงบประมาณส่วนนี้มาปรับเปลี่ยนเพื่อให้บริการรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย จะสนับสนุนให้ประชาชนใช้บริการรถสาธารณะที่สะดวกรวดเร็วในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้มากขึ้น
เป็นการคำนึงถึงผลประโยชน์ที่แท้จริงของผู้บริโภคและประเทศชาติโดยรวม ในขณะที่การสร้างถนนทางด่วนสองชั้นที่เกินความจำเป็นและไม่สามารถแก้ปัญหาการจราจรได้จริง
ทั้งนี้สภาผู้บริโภคขอเสนอและเรียกร้องต่อรักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้ยึดมั่นในหลักการที่ว่า ระบบขนส่งสาธารณะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภคทุกคนที่ต้องขึ้นได้จริงทุกวัน ขอให้นำงบประมาณจำนวนไม่น้อยกว่า 34,000 ล้านบาท ที่กระทรวงคมนาคมได้ตั้งไว้ในการดำเนินโครงการทางด่วนสองชั้น ปรับนำงบประมาณส่วนนี้มาใช้เพื่อให้บริการรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย
“หากดำเนินการได้สามารถเดินหน้าได้จริง ถึงแม้ยังไม่มีกฎหมายตั๋วร่วมหรือกฎหมายอื่น ๆ ตามที่ชี้แจง เพื่อให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในฐานะผู้บริหารประเทศ สะท้อนว่าได้ตัดสินใจปรับเปลี่ยนงบประมาณบางด้านที่เกินความจำเป็นและมีประโยชน์น้อยกว่า โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ที่แท้จริงของผู้บริโภคและประเทศชาติโดยรวม” นางสาวสารี กล่าว
ขณะเดียวกันสภาผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นว่า นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ถือเป็นทางออกสำคัญในการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ร่วมแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ลดการใช้พลังงานฟอสซิล
ก้าวสู่การใช้พลังงานสะอาด พร้อมลดค่าครองชีพเพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชน และสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะให้กับประชาชนทุกคน ซึ่งสอดคล้องกับหลักการที่ว่า ระบบขนส่งสาธารณะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภคทุกคน
นอกจากนี้ภาครัฐยังมีงบประมาณเหลือจำนวน 28,500 ล้านบาท (34,000 – 5,500 = 28,500 ล้านบาท) ซึ่งรัฐบาลสามารถจัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้าให้บริการผู้บริโภคในต่างจังหวัดได้มากถึง 5,700 คัน หรือจำนวน 75 คันต่อจังหวัด (ประมาณราคารถเมล์ไฟฟ้า 5 ล้านบาทต่อคัน)
โดยโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายยังมีประโยชน์และมีมูลค่ามากถึง 10,049.73 ล้านบาท ต่อการพัฒนาในด้านต่าง ๆ อาทิ
ด้านเศรษฐกิจ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้มากถึง 7,360.43 ล้านบาท ด้านสังคม ลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ และเพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชนคิดเป็นมูลค่า 2,612.02 ล้านบาท ด้านสิ่งแวดล้อม: ลดการปล่อย CO₂ 77.28 ล้านบาท (ที่มา: กระทรวงคมนาคม)
ขณะเดียวกันสภาผู้บริโภคและสมาชิกสภาผู้บริโภคใน 58 จังหวัด ได้เสนอและผลักดันนโยบาย “ขนส่งมวลชนทุกคนขึ้นได้ทุกวัน” เดินออกจากบ้าน 500 เมตร เจอป้ายรถสองแถว (รถเมล์) ค่าบริการขนส่งสาธารณะไม่ควรเกิน 10% ของค่าแรงขั้นต่ำของประชาชนทุกคนทั่วประเทศ
และจากการทำงานของสภาผู้บริโภคมีข้อมูลที่ชัดเจนจากผลการศึกษาของอนุกรรมการผู้เชี่ยวชาญสภาผู้บริโภคชี้ชัดว่า ค่าใช้จ่ายเดินรถต่อคนต่อเที่ยวของผู้บริโภคระหว่างปี พ.ศ. 2557 – 2562 มีต้นทุนเฉลี่ยต่อคนต่อเที่ยวโดยสารระหว่าง 10.10 – 16.30 บาท ขึ้นกับจำนวนผู้โดยสารและค่าใช้จ่ายในแต่ละปี
ข้อมูลนี้สอดคล้องกับผลการศึกษาของกรุงเทพมหานครที่ยืนยันว่า ค่าบริการเดินรถประมาณ 11 – 13 บาทต่อคนต่อเที่ยว รวมถึงโครงการศึกษากำหนดอัตราค่าโดยสารของกรมการขนส่งทางราง ปี 2567 ที่ระบุว่า
ค่าเฉลี่ยต้นทุนงานระบบรถไฟฟ้าต่อผู้โดยสารสำหรับรถไฟฟ้ารางหนัก (Heavy Rail) จะอยู่ที่ 14.31 บาท และรถไฟฟ้ารางเบา (LRT หรือ Monorail) จะอยู่ที่ 11.67 บาทเท่านั้น
นอกจากนี้ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ค่าโดยสาร 20 บาท มีความเป็นไปได้จริงและเป็นราคาที่ยุติธรรมต่อผู้บริโภค รวมถึงบริการรถไฟฟ้ายังมีรายได้เพิ่มเติมจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และรายได้จากการโฆษณาของรถไฟฟ้าที่เกิดขึ้นอีกจำนวนมาก
เพียงแต่การดำเนินการที่ผ่านมาสัญญาสัมปทานที่เกิดขึ้นทั้งหลายมีมรดกบาปที่ติดค้างการดำเนินการมาจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามนโยบายรถไฟฟ้าอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม สภาผู้บริโภคได้เสนอนโยบายต่อภาครัฐบาลมาตั้งแต่ปี 2564 ตั้งแต่รัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
โดยนโยบายนี้จะทำให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการขนส่งสาธารณะได้อย่างเท่าเทียมและเป็นนโยบายที่มีความยั่งยืน พร้อมกันนี้สภาผู้บริโภคได้ยึดหลักการว่าค่าบริการขนส่งสาธารณะไม่ควรเกิน 10% ของค่าแรงขั้นต่ำ หรือไม่ควรเกิน 40 บาทต่อวัน