แบรนด์เดิมยังไม่พรีเมียมพอ! ‘สุกี้ตี๋น้อย’ ปิด Teenoi Express แปลงร่างสู่ Teenoi Gold พร้อมขยับราคาเป็น 599 บาท
“ปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำธุรกิจสุกี้เป็นความถนัดของเรา” นัทธมน พิศาลกิจวนิช ผู้ก่อตั้งสุกี้ตี๋น้อย กล่าวก่อนที่จะประกาศเปิดตัวแบรนด์ใหม่ Teenoi Gold เป็นร้านอาหารประเภทบุฟเฟต์พรีเมียม ราคาเริ่ม 599 บาท ประเดิมเปิดสาขาแรกที่เมเจอร์ รัชโยธิน
แบรนด์ใหม่นี้จะทำร่วมกันกับ เชฟโฮ หรือเจ้าของร้านอาหารชื่อดัง HO KITCHEN SEAFOOD ซึ่งจะอยู่ภายใต้บริษัท BNN & HO จำกัด แยกออกมาจาก บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองต์ กรุ๊ป จำกัด ที่บริหารงานร้านสุกี้ตี๋น้อย
เรียกว่าสอดรับกับก่อนหน้านี้ที่ ผู้ก่อตั้งสุกี้ตี๋น้อย เคยกล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า อาณาจักรของบริษัทจะไม่ได้มีแค่แบรนด์สุกี้ตี๋น้อยอย่างเดียว แต่จะมองหาช่องว่างและโอกาสในตลาดเพื่อพัฒนาแบรนด์อาหารใหม่ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ‘สุกี้ตี๋น้อย’ เผยความในใจ แม้ถูกมองเป็นรายเล็กท้าชนยักษ์ใหญ่ แต่ยืนยันว่าไม่ได้มาแข่งกับใคร!
- ศึกนี้ใครจะรอด! เมื่อ MK vs. สุกี้ตี๋น้อย กำไรไตรมาส 2 ร่วงทั้งคู่
- สุกี้-ชาบู 2.3 หมื่นล้าน ‘สมรภูมิเลือด’ ใครแกร่งคนนั้นรอด? เจาะลึก MK vs. สุกี้ตี๋น้อย-ลัคกี้ สุกี้
ความเคลื่อนไหวของแบรนด์ใหม่ในครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการตัดสินใจปิดร้าน Teenoi Express ในเครือของสุกี้ตี๋น้อยซึ่งเป็นร้านสุกี้บุฟเฟต์พรีเมียมขายราคา 439 บาท รวมเครื่องดื่มและของหวาน เปิดมานานกว่า 1 ปี
“ต้องยอมรับว่า ในช่วงที่เปิดแรกๆ Branding ยังไม่ชัดเจนมากนัก และลูกค้ามักจะถามเข้ามาว่า เมื่อจะขายความเป็นพรีเมียม ทำไมไม่ตั้งชื่อให้พรีเมียมไปเลย ทำให้ต้องปรับ DNA และรีแบรนด์มาเป็น Teenoi Gold ที่สื่อสารความเป็นพรีเมียมออกมาได้มากกว่า” ผู้ก่อตั้งสุกี้ตี๋น้อย กล่าว
เมื่อมาดูไฮไลต์ของ Teenoi Gold จะมีเมนูหลากหลาย เช่น เนื้อวากิว 3 ชนิด รวมถึงเมนูติ่มซำและเป็ดย่าง ชูจุดขายของความปั้นสดที่รังสรรค์มาจากเชฟโฮ และมีน้ำซุปให้เลือกกว่า 4 รสชาติ อาทิ น้ำซุปกระดูกหมูคอลลาเจน ซุปน้ำดำ ซุปไก่เห็ดหอม และซุปหมาล่า ส่วนน้ำจิ้มสุกี้จะมีรสชาติแตกต่างจากสุกี้ตี๋น้อย
ในราคาปกติจะขายในราคาเริ่มต้น 599 บาท (ไม่รวมเครื่องดื่มรีฟิล 49 บาท และยังไม่รวม VAT 7%) แต่ในช่วงเปิดตัวได้เตรียมจัดโปรโมชั่นในราคาเริ่มต้น 499 บาท ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม- 31 ธันวาคม 2568
พร้อมย้ำว่า การกำหนดราคา ได้ทำการศึกษาภาพรวมของตลาด ซึ่งหลายแบรนด์ที่ทำธุรกิจชาบูสุกี้ก็มักอยู่ในระดับราคาที่ใกล้เคียงกัน ขณะเดียวกันยังพิจารณาจากต้นทุนและความคุ้มค่าที่ลูกค้าจะได้รับ โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สดใสนัก ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับ ‘ความคุ้มค่า’ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักก่อนตัดสินใจจ่ายเงิน
ทั้งนี้ สาขาแรกประเดิมเปิดที่เมเจอร์ รัชโยธิน เปิดเวลา 10.30 – 05.00 น. จากนั้นจะทยอยเปิด Teenoi Gold อีก 2 สาขาในปลายปีนี้ โดยสาขาที่ 2 จะเปิดในเดือน พ.ย. ที่สาขาเลียบทางด่วน ลาดพร้าว ซึ่งจะเป็นสาขาแฟล็กชิปสโตร์ขนาดใหญ่ ที่มีครัวแบบเปิด ปั้นติ่มซำสดๆ ให้ลูกค้าได้เห็น ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ส่วนสาขาที่ 3 จะเปิดที่เมเจอร์ สุขุมวิท
“เชื่อว่าแบรนด์ใหม่นี้จะช่วยขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น พร้อมสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้แบรนด์สุกี้ตี๋น้อย ที่ไม่ได้ทำได้แค่แมสเท่านั้นแต่ยังมีของดีให้โชว์อีกเยอะ”
ส่วนแผนงานในปี 2569 บริษัทวางแผนจะขยายเพิ่มให้ครบ 11 ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เช่น โลตัส นครปฐม, ธัญญาพาร์ค, อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ชลบุรี, PTT Park Mall 5 ศรีนครินทร์, ออนติวานนท์, อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ บางใหญ่ และเดอะวอล์ก เกษตร-นวมินทร์
ทั้งหมดเป็นเหตุผลให้ก่อนหน้านี้ บริษัทได้ประกาศผ่านหน้าเฟซบุ๊กเพจ ต้องการเช่าโชว์รูมรถยนต์จำนวนมากทั่วประเทศ เพื่อเปิดร้านสุกี้ตี๋น้อย และ Teenoi Gold โดยผู้ที่แนะนำ โชว์รูม และมีการตกลงเช่าสำเร็จจะได้ค่าคอมมิชชัน 10,000 บาท
เมื่อผู้สื่อข่าว สอบถามต่อไปว่า ที่ผ่านมาในภาพจำของผู้บริโภคส่วนใหญ่ จะมองว่าสุกี้ตี๋น้อยเป็นแบรนด์ที่ราคาถูกและเข้าถึงง่าย แล้วจะสลัดภาพลักษณ์แบรนด์เก่าไปสู่แบรนด์ใหม่ได้อย่างไร
นัทธมน กล่าวว่า ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่เราต้องพยายามทำให้ได้ เพราะสุกี้ตี๋น้อย เป็นแบรนด์ที่เกิดและดังจากตลาดแมส แต่เชื่อว่าการดึงตัว เชฟโฮ เข้ามาร่วมงาน ก็จะช่วยยกระดับให้ภาพลักษณ์แบรนด์ให้ชัดเจนมากขึ้น ที่สำคัญมองว่าร้านกลุ่มพรีเมียมแมสบุฟเฟต์ ยังมีโอกาสโตเพราะยังไม่เห็นแบรนด์ Top of mind อย่างชัดเจน
“ที่สำคัญการทำธุรกิจแม้หลายคนจะมองว่าสุกี้ตี๋น้อยท้าชนกับแบรนด์ใหญ่ แต่ต้องขอยืนยันว่าเราไม่อยากแข่งกับใคร แต่เพราะเราเห็นช่องว่างในตลาดและอยากทำสิ่งที่แตกต่างเท่านั้น และเมื่อผู้บริโภคให้การตอบรับดี ก็พร้อมเติบโตไปพร้อมกับลูกค้า”
สุดท้ายแล้ว Teenoi Gold ภายใต้บริษัท BNN & HO จำกัด อยู่ในช่วงเริ่มแรก ยังไม่ได้ตั้งเป้ายอดขาย ส่วน สุกี้ตี๋น้อย ยังเดินหน้าตามเป้าหมาย เร่งทำยอดขายให้ได้ 1 หมื่นล้านบาท ภายในปีหน้า
โดยปัจจุบัน สุกี้ตี๋น้อย มีสาขามากกว่า 86 แห่ง ส่วน สุกี้ตี๋น้อย บาร์บีคิว มีสาขา 4 แห่ง โดยในครึ่งปีหลังเตรียมจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 10 แห่ง ทั้งสุกี้ตี๋น้อยชาบู และสุกี้ตี๋น้อย, บาร์บีคิว