โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

โต้ลอบสังหาร2ผู้นำเขมร

สยามรัฐ

อัพเดต 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"ภูมิธรรม" สั่งยกร่าง จ่อฟ้องอาญา "ฮุนเซน-ฮุนมาเนต" ขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ ชี้เปิดฉากยิงคนไทย ตายเจ็บสูญเสียหนัก “กต.”โต้ กัมพูชา” กล่าวหาไทยวางแผนลอบสังหาร “2ผู้นำกัมพูชา"โฆษก ทบ."เชื่อ"สังคมโลก"เข้าใจ ปม"กัมพูชา" บิดเบือนระเบิด MK-84 อ้างเป็นของไทย และไม่จริงใจเก็บทุ่นระเบิด “ทอ.” ย้ำไม่เคยใช้ “คลัสเตอร์” บอมบ์กัมพู ชา ส่วน"บิ๊กเล็ก" ย้ำ 8 เงื่อนไขฝ่ายไทย ประชุม GBC พร้อมให้มั่นใจไม่ทำเสียประโยชน์ “ครม.”เคาะจ่ายเงินเยียวยาครอบ ครัว “ทหาร”พลีชีพรายละ 10 ล้าน “ประชาชน” 8 ล้าน

เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุม ครม.มีข้อสั่งการจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีดังนี้ 1. เรื่องการดำเนินคดีตามกฎหมาย จากกรณีที่กัมพูชาใช้กำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์รุกรานอธิปไตยของไทยจนเกิดความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน กำลังพลและทางราชการเป็นจำนวนมาก โดยให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ กรณีที่ต้องดำเนินการทางกฎหมายอย่างไร ทั้งทางอาญาและทางแพ่ง ทั้งใน และ ระดับโลก รวมทั้งกฎหมายอื่นๆด้วย จึงขอมอบหมายให้ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นหน่วยงานหลัก ดำเนินการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่ได้รับความเสียหาย เช่น กองทัพบก กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และอื่นๆ โดยให้เชิญเลขาธิการ กฤษฎีกา เข้าร่วมประชุมเพื่อช่วยให้คำแนะนำทางกฎหมายในการดำเนินคดีกับผู้สั่งการและผู้เกี่ยวข้องตามกฎหมาย ดังกล่าวโดยเร็วที่สุด เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ รวมทั้งเรียกร้อง ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำดังกล่าว รวมทั้งแจ้งให้ประชาชนผู้เสียหายทราบถึงสิทธิในการฟ้องร้องคดีอาญา และฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้สั่งการด้วย 2.สถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชาแม้มีการหยุดยิงแล้ว โดยขณะนี้การประชุม GBC ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ก็กำลังดำเนินการกันอยู่ ในช่วงวันที่ 4 -7 สิงหาคม แต่ยังมีภารกิจภายในประเทศที่หลายหน่วยงานยังต้องดำเนินการ คือการเก็บกู้ วัตถุระเบิด ที่กองทัพกัมพูชายิงเข้ามา และยังมีหลงเหลืออยู่ในชุมชนและพื้นที่ ของพลเรือน ขอให้หน่วยงานด้านความมั่นคง ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทั้งกับเจ้าหน้าที่และประชาชน

นอกจากนี้ ช่วงที่ผ่านมาพบ“โดรน”ที่บินเข้ามามากผิดปกติ และฝ่าฝืน ข้อห้ามที่ทางการประกาศไว้ ขอให้สำนักงานการบินพลเรือน กระทรวงคมนาคม ร่วมกับ ฝ่ายความมั่นคง จัดระบบการรับแจ้งเหตุจากประชาชน และตรวจสอบข้อเท็จจริงหากพบว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย ขอให้เร่งดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดทันที และให้ฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย เร่งประเมินสถานการณ์ร่วมกับ ศบ.ทก. ของรัฐบาล และกองทัพ เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง เพื่อให้ประชาชนทยอยให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาได้อย่างปลอดภัย 3.เรื่อง การป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข่าวปลอมช่วงที่ผ่านมา การเผยแพร่ข่าวปลอมมีปริมาณเพิ่มขึ้นและส่งผลกระทบรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการเผยแพร่ผ่านทาง Social media ในช่วงเวลาที่สถานการณ์มีความอ่อนไหว และประชาชนมีความต้องการทราบข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะในสถานการณ์ปะทะกันที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งประเทศไทยถูกโจมตีทางออนไลน์ จากการเผยแพร่ข่าวปลอมฝ่ายตรงข้าม ที่พยายามบิดเบือนและสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคมไทย

ทั้งนี้ ขอให้ทุกหน่วยงาน ช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนรับฟังข่าวสารด้วยความระมัดระวัง ให้ตรวจสอบก่อนที่จะส่งต่อข่าวหรือข้อมูล สำหรับหน่วยงานรัฐโดยเฉพาะหน่วยงาน ด้านความมั่นคง ต้องมีการมอบหมายผู้ติดตามข่าวสารตลอดเวลาเมื่อพบข่าวปลอม จะได้แก้ไข ชี้แจง และตอบโต้ได้อย่างให้ทันท่วงที

นอกจากนี้ ขอให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ และดำเนินการตรวจติดตามข่าวปลอมที่ถูกเผยแพร่ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดโดยเร็ว รวมทั้งประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการตามกฎหมายในกรณีที่มีความจำเป็นด้วย

นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้แจ้งให้ ครม.นัดปรกติ วันนี้ ทราบว่า ในการประชุม ครม. นัดพิเศษ เมื่อวันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีเรื่องจำเป็นเร่งด่วน คือ 1.ร่างแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยกรอบการค้าต่างตอบแทนระหว่างสหรัฐฯ และไทย 2.การช่วยเหลือเยียวยา ประชาชน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะกันของไทยและกัมพูชา ซึ่งได้เชิญรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมาประชุมร่วมกัน ตามมาตรา 8 ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุม ครม. ซึ่งตามขั้นตอนต้องแจ้งมติของทั้ง 2 เรื่องให้ ครม.ทราบเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณี นายเฮง รัตนา ผู้อำนวยการ CMAC กัมพูชา อ้างว่า "ทีมผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า ระเบิด MK-84 ที่พบมีหมายเลขล็อต IMI 96G015-11 และผลิตในปี 2539 (1996) โดยไทยอาจซื้อจาก IMI (Israel Military Industries) ซึ่งมีสิทธิ์ในการผลิตและจำหน่ายระเบิดรุ่นนี้ จึงไม่ใช่ระเบิดที่เหลือจากสงครามอินโดจีนอย่างแน่นอน" ว่า กองทัพไทยเชื่อว่าสังคมโลกจะเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี ว่าที่ผ่านมากัมพูชาพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงมาอย่างต่อเนื่อง ต่อกรณีนี้ขอเรียนว่า การทำงานของ CMAC กัมพูชา ในช่วงที่ผ่านมา ไม่จริงใจต่อการเก็บกวาดทุ่นระเบิดบริเวณแนวชายแดนไทย - กัมพูชา หลายพื้นที่พบมีความล่าช้ากว่ากำหนดเวลามาตลอด ไม่เหมือนของ TMAC ฝ่ายไทย

จากการพิจารณาจากรูปลักษณะกายภาพของระเบิด MK-84 ที่ กัมพูชา อ้างถึง เมื่อดูจากสภาพแวดล้อมรูปลักษณะ และร่องรอยที่เกิดขึ้นจากการตกกระทบแล้ว ปรากฏชัดเจนว่า ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาแน่นอน

ทั้งนี้ กรณีข้อกล่าวอ้างเรื่องระเบิด MK-84 เป็นของกองทัพอากาศไทย นั้น ได้รับการประสานข้อมูลมาว่า กองทัพอากาศไม่เคยมีการจัดซื้อระเบิดรุ่นดังกล่าว จากแหล่งที่กล่าวอ้างถึง โดยกองทัพอากาศไทย มีแนวทางการจัดซื้อยุทโธปกรณ์จากกลุ่มพันธมิตรที่ได้รับการรับรองผ่านความร่วมมือทางกระทรวงกลาโหมเท่านั้น การพิสูจน์หลักฐานต่างๆ ควรผ่านการตรวจสอบจากองค์กรที่เป็นกลางและมีความน่าเชื่อถือในดับระดับสากล มิใช่องค์กรจากฝ่าย กพช.ฝ่ายเดียว

ยืนยันการปฏิบัติการทางอากาศของกองทัพอากาศไทย เป็นการใช้สิทธิในการป้องกันตนเองตามกฎบัติสหประชาชาติ มาตรา 51 และอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และหลักความชอบธรรมตามสิทธิป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด อีกทั้งขอให้ กพช.ใช้ข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบทางเทคนิคจากองค์กรที่เป็นกลาง เพื่อหลีกเลี่ยงการบิดเบือนข้อมูลในห้วงเวลาที่สถานการณ์มีความละเอียดอ่อน

ด้าน พล.อ.ท.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ ระบุว่า กรณีกัมพูชา โดย เฮง รัตนา อ้างว่า ทีมผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า ระเบิด MK-84 ที่พบผลิตในปี 2539 เป็นของกองทัพอากาศไทย ซึ่งคำกล่าวอ้างดังกล่าวไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด 1.กองทัพอากาศไม่ได้จัดซื้อระเบิดจากแหล่งที่กล่าวอ้าง 2.กองทัพอากาศจัดซื้อยุทโธปกรณ์จากพันธมิตรที่ได้รับการรับรองผ่านความร่วมมือทางกลาโหมเท่านั้น 3.การพิสูจน์หลักฐานควรผ่านการตรวจสอบจากองค์กรที่เป็นกลางและมีความน่าเชื่อถือในดับระดับสากล และ4.การปฏิบัตการทางอากาศของกองทัพอากาศไทย เป็นการใช้สิทธิในการป้องกันตนเองตามกฎบัติสหประชาชาติ มาตรา 51 และอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และหลักความชอบธรรมตามสิทธิป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด

“กองทัพอากาศขอให้ทุกฝ่ายใช้ข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบทางเทคนิคจากองค์กรที่เป็นกลาง เพื่อหลีกเลี่ยงการบิดเบือนข้อมูลในห้วงเวลาที่สถานการณ์มีความละเอียดอ่อน”

ส่วน ที่ กระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ เกี่ยวกับการรายงานข่าวและโพสต์บนโซเชียลมีเดียของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศกัมพูชา ที่มีข้อกล่าวหาว่า ฝ่ายไทยกำลังวางแผนลอบสังหารประธานวุฒิสภา ฮุน เซน และนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต โดยอ้างแหล่งข่าวกรองต่างประเทศ นั้น

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ขอปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว ซึ่งขาดการไตร่ตรองอย่างมีเหตุผลโดยสิ้นเชิง โดยข้อกล่าวหาดังกล่าว มีเจตนาเพียงเพื่อใส่ร้ายไทยเท่านั้น

ทั้งนี้ ขอย้ำว่าการสร้างข่าวเท็จในขณะที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการหารือ GBC นั้น นอกจากจะไม่สร้างสรรค์แล้ว ยังเป็นการทำลายเจตนารมณ์ของการหารือเพื่อคลี่คลายสถานการณ์อย่างสันติด้วย

ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จังหวัดนครนายก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาราชการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุถึงความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทยกัมพูชา หรือ GBC หลังจากฝ่ายเลขานุการ 2 ฝ่าย ได้ประชุมเป็นวันที่สอง ว่า จากที่ได้ติดตามเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่ฝ่ายกัมพูชาไม่ค่อยมีเรื่องมาเสนอมากนัก แต่ฝ่ายไทยได้เตรียมการไว้ 8 ข้อ โดยฝ่ายเลขาฯ กัมพูชา ได้รับขอเสนอไปพิจารณา และปรึกษา กับผู้บังคับบัญชา เนื่องจากทางฝ่ายกัมพูชาก็มาเฉพาะระดับเลขานุการเช่นกัน ซึ่งตามกรอบ GBC ช่วง 4 - 6 สิงหาคมนี้ เป็นการประชุมของกองเลขาฯ สองฝ่าย

ส่วนประเด็นข้อเสนอ 8 ข้อ แตกต่างจากข้อตกลงในระดับพื้นที่ 7 ข้ออย่างไรนั้น พล.อ.ณัฐพล ย้ำว่า เป็นการลงในรายละเอียดจากข้อตกลงเดิม สำหรับกรณีที่ทางกัมพูชามีความเคลื่อนไหวในลักษณะการเคลื่อนกำลังเข้าประชิดชายแดนในระหว่างการประชุม GBC นั้น ก็จะนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมด้วย แต่ขอไม่พูดในรายละเอียด ซึ่งจะนำประเด็นที่เป็นข้อห่วงใยทั้งหมดเข้าไปหารือร่วมกัน โดยเฉพาะข้อห่วงใยที่กองทัพ และรัฐบาลฝากให้ไปหารือกับทางกัมพูชา ซึ่งในกองเลขา GBC มีผู้แทนของรัฐบาล เหล่าทัพ รวมทั้งกองทัพบกอยู่ด้วย เพื่อร่วมกันพิจารณาว่า หากกัมพูชาเสนอเรื่องใดมาทางฝ่ายไทยจะยอมรับได้หรือไม่

ทั้งนี้ โดยหลักการประชุมของกองเลขาฯ หากกัมพูชาเห็นด้วยกับข้อเสนอ 8 ข้อของไทย ก็ถือว่าผ่าน และเข้าสู่ที่ประชุมหลักในวันที่ 7 สิงหาคมได้ โดยก่อนการประชุมหลัก ทางกองเลขาฯ ก็จะกลับมาไทย เพื่อให้สภาความมั่นคงแห่งชาติเห็นชอบ ก่อนลงนามในวันประชุมหลักต่อไป แต่หากข้อเสนอทั้ง 8 ข้อที่ฝ่ายไทยเสนอไปทางกัมพูชายอมรับได้ เพียงบางส่วน ก็จะบันทึกเฉพาะส่วนที่กัมพูชาเห็นด้วยตรงกัน และจะนำประเด็นที่ทางกัมพูชาไม่เห็นด้วยไปประชุมในครั้งต่อไป ทั้งนี้ ก็ต้องดูด้วยว่าประเด็นที่กัมพูชาไม่เห็นด้วยขัดแย้งกับเจตนารมณ์โดยรวมหรือไม่

"ขอยืนยันจะไม่ทำให้ไทยเสียประโยชน์อย่างแน่นอน เพราะคนที่ไปประชุมไม่ได้มีเฉพาะกระทรวงกลาโหมเท่านั้น แต่ยังมีผู้แทนของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปด้วยเพื่อร่วมกันพิจารณา โดยได้ประสานกับส่วนราชการต่างๆ ว่าให้พิจารณาคนที่มีความรู้ความสามารถไปช่วยกันเพราะถือเป็นวาระสำคัญของชาติ" พล.อ.ณัฐพล กล่าวและว่า ได้สอบถามจากฝ่ายเลขาถึงเหตุผลที่กัมพูชาไม่ได้เสนอประเด็นเข้าสู่การประชุมระดับเลขา มากนัก และได้คำตอบว่า เป็นลักษณะของทางกัมพูชาที่จะไม่มีอะไรเสนอ แต่จะรอฟังข้อเสนอจากฝ่ายไทย ไม่ว่าใครจะเป็นเจ้าภาพก็ตาม ซึ่งทางกองเลขาไม่ได้แปลกใจ เพราะเป็นเรื่องปกติของทางกัมพูชา ผมประหลาดใจเนื่องจากเห็นว่าทางกัมพูชาแสดงท่าทีต้องการจะประชุมแบบทวิภาคี จึงคาดว่าทางกัมพูชาจะเตรียมข้อเสนอมา แต่ก็ไม่เป็นอะไรถือว่าเป็นเรื่องปกติของกัมพูชา

ส่วนข้อสังเกตว่าหากการประชุม GBC ไม่คืบหน้าอาจจะส่งผลให้เกิดการปะทะตามแนวชายแดนขึ้นอีกรอบ พลเอกณัฐพล ระบุว่า ขอยืนยันว่า ทางฝ่ายไทยไม่มี แต่ขึ้นอยู่กับทางฝั่งกัมพูชาว่าจะรักษาคำพูดหรือไม่

ทั้งนี้ อีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้ไม่กังวลมากนักเนื่องจากว่ามีประเทศผู้สังเกตการณ์ซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจ เข้ามาร่วมด้วย เพราะฉะนั้นการกระทำใดก็ตามหากกัมพูชาฝ่าฝืนคำมั่นสัญญาที่ตกลงกันไว้ ในเรื่องของการหยุดยิง ก็จะถูกประนามในเวทีโลกและสังคมนานาชาติ แต่ไทยก็ไม่ได้ประมาทโดยหน่วยต่างๆ ในพื้นที่เฝ้าระวังอยู่ ทั้งนี้ไม่ได้มองในแง่ร้ายเพียงอย่างเดียว แต่มองไว้ 2 ทาง

ส่วนที่มีการปล่อยข่าวยั่วยุต่างๆ จากทางฝั่งกัมพูชาในช่วงนี้ พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า ไทยก็ต้องหนักแน่น และตรวจสอบข่าวว่าเป็นข่าวจริงหรือข่าวปลอม ซึ่งไทยก็ต้องระมัดระวังอยู่แล้ว ไม่ว่าจะยั่วยุเพื่อต้องการให้เกิดการใช้อาวุธกันหรือไม่ เพราะไทยต้องเตรียมการไว้ ขณะเดียวกันการเจรจาก็ต้องนำไปสู่ข้อยุติให้ได้ด้วย ซึ่งบทบาทแตกต่างกันระหว่างทีมเจรจาที่พยายามทำให้ได้ข้อยุติ ส่วนหน่วยที่อยู่ในพื้นที่ป้องกันชายแดนก็ต้องเตรียมให้พร้อมเพราะฉะนั้นประชาชนไม่ต้องเป็นห่วง

พล.อ.ณัฐพล ย้ำว่า ช่วงที่ผ่านมาถูกนักวิชาการและนักวิจารณ์ บางคนมอง ในเรื่องความสามารถ ซึ่งโดยส่วนตัวมั่นใจตนเองเพราะราชการ และมีประสบการณ์หลายด้านรวมทั้งเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติด้วย แต่จะไม่พูดในลักษณะเป็นการยกตน จึงได้ย้ำว่ามั่นใจทีมงาน พร้อมทั้งตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด

วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ แถลงว่า รัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัวทุกๆ ครอบครัว และพี่น้องประชาชนทุกท่าน ในจังหวัดชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ ซึ่งแม้ว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นจะประเมินเป็นมูลค่ามิได้ แต่รัฐบาลจะขอผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน เพื่อชดเชยความสูญเสียต่อชีวิต ทรัพย์สิน และรายได้ของพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเงินเยียวยาให้แก่ครอบครัวทหารที่เสียชีวิต รวมรายละ 10,000,000 บาท และครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิต รวมรายละ 8,000,000 บาท พร้อมทั้งได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ และวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันข่าวปลอม ที่มุ่งหมายจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และความปลอดภัยของประชาชน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สยามรัฐ

ชาวบ้านร้องผู้ใหญ่บ้านเรียกเก็บเงินค่าเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินรายละ 200- 600 ต่อแปลงในพื้นที่อ.หนองหาน

24 นาทีที่แล้ว

มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. จัดนิทรรศการ “อัตลักษณ์และความหลากหลาย (Identity and Diversity)”

32 นาทีที่แล้ว

เดอะมอลล์ทุ่มงบฯกว่า 70 ล้านขานรับเทรนด์"She-Economy"กระตุ้นเศรษฐกิจหวังดันกำลังซื้อผ่านกิจกรรมครอบครัวเทศกาลวันแม่

33 นาทีที่แล้ว

lyn around เปิดตัวแคปซูลคอลเลกชั่น “Don’t Call It Cute”

37 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม