‘ไมเนอร์ฟู้ด’ แก้เกม ศก.ชะลอตัว ปูพรมแฟรนไชส์/รุกตลาดอินเดีย-อินโด
ไมเนอร์ฟู้ด พลิกจังหวะผู้บริโภครัดเข็มขัด้เป็นโอกาสสปีดแฟรนไชส์อาหาร-เครื่องดื่ม ยกทัพโมเดล-เมนูใหม่ชิงเม็ดเงิน พร้อมรุกต่างประเทศโฟกัสอินเดีย-อินโดนีเซียชิงฐานคนทำงาน ตั้งเป้าปี’68 รายได้-กำไรโตสองหลัก
นายธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดร้านอาหาร-เครื่องดื่มช่วงครึ่งหลังของปี’68 นี้ แม้จะท้าทาย แต่ยังมีโอกาสสำหรับการเติบโตทั้งด้านรายได้ และการขยายสาขา สะท้อนจากภาพการต่อคิวทานอาหารที่เกิดขึ้นกับหลายแบรนด์ แม้ภาวะเศรษฐกิจจะบีบผู้บริโภคให้รัดเข็มขัดระมัดระวังการใช้จ่ายก็ตาม
โดยเชื่อว่าปัจจัยสำคัญที่เป็นแม็กเนตดึงดูดผู้บริโภคและเป็นโอกาสของธุรกิจร้านอาหาร-เครื่องดื่ม คือ เทรนด์การทานอาหารมื้อดึกที่มาแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเทรนด์ความต้องการอาหารประเภทเนื้อที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของเขตเมือง เช่นเดียวกับเมนูที่ไม่เพียงราคาจับต้องง่าย แต่ยังคุ้มค่า รวมถึงการมีเอกลักษณ์ด้านดีไซน์และเมนูอาหาร เพื่อเป็นเดสติเนชั่นของผู้บริโภค
สปีดธุรกิจแฟรนไชส์
ตั้งแต่ครึ่งหลังของปี’68 นี้ ไมเนอร์ ฟู้ด จะนำปัจจัยเหล่านี้มาพลิกวิกฤตของวงการธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม ให้เป็นโอกาสในการสปีด 6 แฟรนไชส์ในเครือทั้งเดอะ พิซซ่า คอมปะนี, แดรี่ควีน, สเวนเซ่นส์, กาก้า, บอนชอน และแบรนด์ใหม่ เดอะ สเต๊ก แอนด์ มอร์ โดยในประเทศไทยจะเน้นแบรนด์บอนชอน, แดรี่ควีน และกาก้า มีไฮไลต์เป็นโมเดลโมดูลาร์ หรือร้านไซซ์เล็กแบบถอดประกอบได้ ซึ่งตอบโจทย์ทั้งชิงทำเลนอกห้าง สอดรับกับเทรนด์ทานอาหารมื้อดึกและความสะดวกของผู้บริโภค รวมถึงเป็นช่องว่างของเครือไมเนอร์ฟู้ดที่มีสาขาในห้างจำนวนมากแล้ว ขณะที่ลดความเสี่ยงของผู้ประกอบการสปีดแฟรนไชส์เนื่องจากสามารถย้ายทำเลได้เร็วและค่าใช้จ่ายต่ำ
หลังบริษัทนำร่องในแบรนด์แดรี่ควีน ด้วยการเปิดในบริเวณร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งทำยอดขายสูงกว่าโมเดลปกติ 15-20% และยอดขาย 20% มาจากช่วงดึก จึงจะสปีดสาขาเน้นทำเลชุมชนและหอพักนักศึกษา ตั้งเป้าสิ้นปี’68 จะมี 15 สาขา ก่อนจะขยายเพิ่มในปี’69 รวมถึงนำไปใช้กับแบรนด์อื่น ๆ เน้นทำเลกรุงเทพฯ และปริมณฑล
เช่นเดียวกับโมเดลแฟลกชิปที่ออกแบบให้เป็นจุดท่องเที่ยวมีไฮไลต์เป็นร้านกาก้า สาขาหาดใหญ่ ขนาด 60 ตร.ม. โดยต่อยอดจากความสำเร็จของเดอะ พิซซ่า คอมปะนี จังหวัดแพร่ และสเวนเซ่นส์ จังหวัดขอนแก่น และสาขาบางแสน ที่ทำยอดขายติดท็อป 5 ของแฟรนไชส์
“เมื่อแบรนด์แข็งแกร่งจะสามารถเป็นเดสติเนชั่นดึงดูดผู้บริโภคด้วยตนเองได้ ทำให้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาทำเลในห้างค้าปลีกเพียงอย่างเดียว”
ปักธงอินเดีย-สปีดอินโดนีเซีย
พร้อมกันนี้ บริษัทจะสปีดธุรกิจแฟรนไชส์ในต่างประเทศ โฟกัสอินเดีย, อินโดนีเซีย และตะวันออกกลาง เนื่องจากมีเศรษฐกิจและกำลังซื้อยังเติบโต รวมถึงมีประชากรวัยทำงานจำนวนมาก โดยจะรุกเข้าสู่ประเทศอินเดียเป็นครั้งแรก ด้วยแบรนด์อาหาร และของหวานภายในสิ้นปี’68
ส่วนในอินโดนีเซียจะส่งแบรนด์อาหารเข้าไปเสริมทัพ หลังปัจจุบันมีแบรนด์แดรี่ควีน 38 สาขา และกาก้า 32 สาขาอยู่แล้ว ซึ่งจะขยายสาขาเพิ่มต่อเนื่องเช่นกัน
ด้านตะวันออกกลางจะส่งแบรนด์เทปันยากิ เบนิฮานะ เข้าปักธงภายในสิ้นปีนี้ ตามหลัง เดอะคอฟฟี่คลับ ที่ขยายสาขาอยู่แล้ว รวมถึงศึกษาโอกาสบุกตลาดฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ประเทศอาเซียนที่บริษัทยังไม่มีธุรกิจ โดยอีกประเทศคือ บรูไน
ปั้นแบรนด์-เมนูจับต้องง่าย
นอกจากนี้จะพัฒนาแบรนด์และเมนูอาหารใหม่ เน้นความคุ้มค่าและราคาจับต้องง่าย หลังนำร่องด้วยเมนูรามยอนในแบรนด์บอนชอนจนได้รับผลตอบรับดี และล่าสุดแบรนด์เดอะ สเต๊ก แอนด์ มอร์ ที่บริษัทพัฒนาขึ้นเอง วางโพซิชั่นเป็นร้านอาหารประเภทโปรตีน เมนูคุ้มค่า อาหารรวมเครื่องดื่มเริ่มต้น 129 บาท ตอบโจทย์สภาพเศรษฐกิจ เทรนด์การบริโภคโปรตีน
โดยจะเร่งสปีดสาขาเดอะ สเต๊ก แอนด์ มอร์ ในทำเลห้างค้าปลีกทั้งไฮเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า โครงการมิกซ์ยูส และคอมมิวนิตี้มอลล์
ทั้งนี้ ในไมเนอร์ ฟู้ด ตั้งเป้าปี’68 ให้รายได้และกำไรเติบโตระดับเลข 2 หลัก ก่อนที่ปี’72 จะมีจำนวนร้านอาหารและเครื่องดื่มรวมทั้งสิ้นกว่า 4,500 ร้าน แบ่งเป็นแฟรนไชส์ประมาณ 2,500 ร้าน หรือ 56% ของพอร์ตซึ่งมีมากกว่า 30 แบรนด์
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ‘ไมเนอร์ฟู้ด’ แก้เกม ศก.ชะลอตัว ปูพรมแฟรนไชส์/รุกตลาดอินเดีย-อินโด
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net