‘ภคมน’ ชี้รัฐล้มเหลวการสื่อสารภาวะวิกฤติเหตุปะทะไทย-กัมพูชา
เมื่อเวลา 16.05 น. วันที่ 13 ส.ค. 68 ที่รัฐสภา ในการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายในส่วนมาตรา 7 งบประมาณสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ใช้ในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล 2 หน่วยงานหลัก คือ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และกรมประชาสัมพันธ์ ว่า ท่ามกลางความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา คนไทยทั้งประเทศตั้งคำถามกับการสื่อสารของรัฐบาล ท่านปล่อยให้คนไทยทั้งประเทศเช็กข่าวกันเอง ข่าวจริงข่าวปลอมเต็มไปหมด เปิดช่องให้คนหาประโยชน์จากยอดเอ็นเกจเมนต์ปั่นสถานการณ์ไปไกล เพราะท่านไม่มีการรวมศูนย์ และไม่มีความเป็นเอกภาพของข้อมูล ปล่อยให้หน่วยงานต่างๆ ออกมาพูดเรื่องเดียวกันแข่งกันสัมภาษณ์ จนกลบเสียงของคนที่มีหน้าที่จริง สะท้อนปัญหาโครงสร้างว่าทีมสื่อสารของรัฐบาลขาดเอกภาพ ในการบังคับบัญชาในการสื่อสารของภาครัฐ
น.ส.ภคมน กล่าวว่า การสื่อสารในภาวะวิกฤติ สิ่งที่สำคัญที่สุด ท่านต้องมีเสียงเดียวที่เป็นการสื่อสารอย่างเป็นทางการ การปล่อยให้ต่างคนต่างพูด สังคมจะเชื่อใคร เป็นการทำลายความเชื่อมั่นของรัฐบาล ทั้งที่สถานการณ์แบบนี้ท่านต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทยทั้งประเทศเป็นสิ่งแรก ท่านพยายามที่จะเบลอว่าสถานการณ์ไม่วิกฤติ ล่าช้าไป 3-4 วัน ขณะที่กัมพูชาปล่อยข่าวทุกวัน สิ่งสำคัญที่สุดคนทำงานสื่อสาร ท่านอย่ากลัวว่าจะประเมินสถานการณ์ว่ามันวิกฤติ ท่านต้องไม่กลัวว่าคนรับสารจะแตกตื่น เพราะเป็นหน้าที่ที่ท่านต้องสื่อสารให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าท่านเอาอยู่
น.ส.ภคมน กล่าวต่อว่า หากทีมสื่อสารของรัฐบาลยอมรับได้ ว่าสิ่งไหนเป็นสายการวิกฤติ ท่านจะได้สื่อสารในบริบทวิกฤติ ท่านไม่ต้องกลัวว่าประชาชนจะตกใจ เพราะประชาชนจะตกใจมากกว่าที่ท่านทำไม่ได้เลย สุดท้ายคือความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ คือท่านต้องยอมรับความจริงว่าการสื่อสารในแบบที่รัฐบาลทำ ทั้งโครงสร้างงบประมาณ และคนปฏิบัติงานเก่าไปแล้ว มองเกมไม่ขาด ประเมินไม่ถูกเงอะงะไปหมด ทั้งที่การสื่อสารเป็นสิ่งแรกที่ควรให้ความสำคัญ เพราะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้คนทั้งในประเทศ และในสังคมโลกได้
น.ส.ภคมน ยังยกตัวอย่างโครงการด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ของรัฐ เช่น โครงการ Next Gen PR หรือโครงการฝึกอบรมยกระดับทีมสื่อสารภาครัฐรุ่นใหม่ กลุ่มเป้าหมายที่ขออบรมคือบุคลากรสำนักโฆษก งบประมาณ 445,000 บาท ถามว่าท่านตั้งงบมาแล้ว 2 ปี ผลลัพธ์อยู่ตรงไหน พอถึงเวลาต้องสื่อสารกลับล้มเหลวทำอะไรไม่ถูก งบประมาณปี 69 ท่านคงไม่ต้องเอาผลลัพธ์ชัดเจนขนาดนี้ บทจะเอางานเอาการจริงๆ ล้มเหลวทำอะไรไม่ถูก
"แม้เป็นเงินที่ไม่มากเมื่อเทียบกับโครงการรัฐอื่นๆ แต่การทำงานของท่านในสนามจริงสะท้อนแล้ว ว่าท่านไม่ได้ขาดการอบรม แต่ท่านขาดศักยภาพ และจุดยืนในการสื่อสาร" น.ส.ภคมน กล่าว
น.ส.ภคมน กล่าวอีกว่า โครงการ LINE OFFICIAL ไทยคู่ฟ้า งบประมาณ 4.7 ล้านบาท ท่านขอทุกปี ในชั้นกรรมาธิการ (กมธ.) พยายามเสนอตัดงบแล้ว แต่ท่านยืนยันว่าต้องมีไว้ เพราะเป็นช่องทางการทำงานเชิงรุกของรัฐบาล แต่ความเป็นจริงข่าวที่ท่านนำเสนอหาอ่านได้ทั่วไป ไลน์หมู่บ้านก็ทำได้แบบนี้เหมือนกัน ไม่ต้องเอางบประมาณแผ่นดินปีละเกือบ 5 ล้านบาทไปใช้ ดังนั้น ตัดทิ้งไปเลยทั้ง 2 โครงการไม่ต้องทำ นอกจากนี้ ในฐานะสื่อของรัฐ กรมประชาสัมพันธ์ควรเป็นกลไกสำคัญ มีบทบาทนำในการสื่อสารภาวะวิกฤติ ในเมื่อทีมสื่อสารรัฐบาลอย่างทีมโฆษกรัฐบาลไม่มีหัวหอกรวมศูนย์ข้อมูล กรมประชาสัมพันธ์ควรมีบทบาทตรงนี้ ประสานงานเพื่อนำเสนอข้อมูลให้ประชาชนทราบ ลดความสับสนสังคมปิดช่องการปั้นข่าวปลอมได้ วันนี้คิดว่าประชาชนทั้งประเทศเห็นตรงกัน ว่างบประมาณการประชาสัมพันธ์ของกรมประชาสัมพันธ์คุ้มค่าแค่ไหน
"ขอปรับลดงบประมาณ จากที่ กมธ.ได้ปรับลดไปแล้วอีกร้อยละ 10 ขอพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าท่านต้องฮึด แสดงศักยภาพความจำเป็นของการมีอยู่ของท่านให้ได้ ท่านต้องสร้างพลังให้คนทำงานมีไฟ เพราะในหน่วยงานของท่านมีบุคลากร มีข้าราชการที่มีคุณภาพจำนวนมาก สถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราต้องมาทบทวนสังคายนางบโฆษณาประชาสัมพันธ์ของภาครัฐ เพราะชัดเจนว่าท่านไม่ได้มีงบประมาณไม่เพียงพอ แต่ท่านไม่มีของ" น.ส.ภคมน กล่าว.