IHL ขึ้นแท่นตัวท็อป ฟอกหนังแฟชั่นระดับโลก

หุ้นวิชั่น - IHL เร่งสปีดพอร์ตแฟชั่น! คาดพุ่งแตะ 80% รับดีมานด์ฟอกหนังแบรนด์ดัง Nike, Adidas, New Balance รุม ด้านผู้บริหาร "วศิน ดำรงสกุลวงษ์" ส่งซิกครึ่งปีหลัง 68 ออเดอร์สนั่น รอบเปลี่ยนคอลเลกชันรองเท้าทุก 3 เดือน ปักธงรายได้โต 5-10%

นายวศิน ดำรงสกุลวงษ์ กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บริษัท อินเตอร์ไฮด์ จำกัด (มหาชน) หรือ IHL เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจมากว่า 30 ปี โดย IHL ดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งการฟอกหนัง การตัดเย็บ ไปจนถึงการส่งมอบให้ลูกค้า โดยเริ่มต้นจากการทำเบาะหนังรถยนต์ให้กับแบรนด์ชั้นนำอย่างโตโยต้าและฮอนด้า ก่อนจะขยายเข้าสู่ตลาดรองเท้าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผ่านการเข้าซื้อหน่วยธุรกิจหนังของ รองเท้า WOLVERINE WORLD WIDE

ปีนี้ถือเป็นปีที่ 3 ที่ IHL มุ่งเน้นเข้าสู่ตลาดแฟชั่นมากขึ้น โดยมีแบรนด์รองเท้าระดับโลกให้ความสนใจเข้ามาเป็นลูกค้า อาทิ New Balance, Nike, Adidas ซึ่งถือเป็นการสะท้อนความน่าเชื่อถือและคุณภาพของสินค้า

“เราไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นแค่ผู้ผลิต แต่เป็นผู้ให้บริการแบบครบวงจร เราเน้นให้ลูกค้าพึงพอใจมากกว่าขายสินค้าราคาถูก การบริหารที่ยั่งยืนตามโมเดล Sustainability คือหัวใจสำคัญ”นายวศิน กล่าว

ปัจจุบันโครงสร้างรายได้ของ IHL แบ่งเป็น 60% จากกลุ่มแฟชั่นและรองเท้า ส่วนอีก 40% มาจากอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งในช่วงหลังเริ่มชะลอตัวจากการแข่งขันรุนแรง โดยเฉพาะจากค่ายรถยนต์จีนที่ใช้กลยุทธ์ลดราคาทำให้ตลาดแข่งขันกันสูงมาก

ช่วงโควิด IHL ได้กระจายความเสี่ยงไปยังหลายตลาด รวมถึงกลุ่มแฟชั่น ซึ่งมีความต้องการและรอบผลิตที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก โดยเฉลี่ยทุก 2-3 เดือนจะมีการเปลี่ยนคอลเลกชัน และทุก 3 เดือนจะมีการออกสีใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับกำลังผลิตของ IHL ที่เพียงพอและยืดหยุ่น ช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องหาหลายซัพพลายเออร์หลายราย

แม้ช่วงครึ่งปีแรก 2568 จะเจอผลกระทบจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะเรื่องการเรียกเก็บภาษีสหรัฐฯ ที่ทำให้บางออเดอร์มีการชะลอตัว แต่ IHL ยังสามารถประคองการเติบโตไว้ได้ดี ไม่มีการถดถอย และลูกค้ารายใหญ่ในต่างประเทศยังแสดงความเชื่อมั่น โดยให้คำมั่นในการสั่งซื้อระยะยาว คาดว่าครึ่งปีหลัง 2568 สถานการณ์จะกลับมาฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างแข็งแกร่ง

ปัจจุบันลูกค้า 70% ของ IHL เป็นตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปและอเมริกา การดำเนินธุรกิจ IHL มีทีมเซลใน 4 ประเทศ ได้แก่ อเมริกา จีน เวียดนาม และไทย ขณะที่มีกำลังผลิตใน 3 ประเทศ คือ ไทย จีน และเวียดนาม เพื่อบริหารความเสี่ยงและรองรับความต้องการที่หลากหลาย

ขณะที่การแข่งขันในตลาดต่างประเทศเน้นคุณภาพมากกว่าราคา ซึ่งเป็นจุดแข็งของ IHL ที่สามารถตอบสนองลูกค้าได้รวดเร็ว โดย IHL ใช้กำลังผลิตเฉลี่ยเพียง 80% เพื่อเว้นบางส่วนไว้รองรับออร์เดอร์ฉุกเฉิน หรือออเดอร์ใหม่ที่จะเข้ามา

นายวศิน กล่าวต่อว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตประมาณ 5-10% แต่ครึ่งปีแรกมาเจอปัจจัยลบจากเรื่องภาษี ทำให้สถานการณ์มีความผันผวน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และคาดหวังว่าจะสามารถเติบโตได้ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ราว 5% โดยบริษัทเชื่อว่าปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าที่ 5-10%

“IHL เป็นธุรกิจครอบครัวที่เน้นความยั่งยืน เน้นการปันผลและสร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงแค่สร้างรายได้ระยะสั้น เรามุ่งทำธุรกิจอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการเติบโตแบบ Sustainable มากกว่าการเติบโตแบบฉาบฉวย”นายวศิน กล่าว