CPALL ลุ้นกำไร Q2 โตเฉียด 7 พันลบ. สาขาใหม่หนุน
หุ้นวิชั่น
อัพเดต 08 ส.ค. เวลา 18.59 น. • เผยแพร่ 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • HoonVision | หุ้นวิชั่น - หุ้น ข่าวหุ้น หุ้นไทยวันนี้ หุ้นวันนี้ หุ้นเด่น วิเคราะห์หุ้น ธุรกิจ การเงิน เศรษฐกิจ การลงทุน ดัชนีราคาหุ้นหุ้นวิชั่น-CPALL นักวิเคราะห์ฯ คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ที่ระดับ 6,700-6,800 ล้านบาท เติบโต YoY แต่ลดลง QoQ ตามยอดขาย SSSG ของร้านสะดวกซื้อ 7- Eleven ที่คาดอ่อนตัวลงเล็กน้อย แต่มีการขยายสาขาใหม่ทั้งร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven, Makro Wholesales และ Lotus’s ช่วยหนุน พร้อมมองกำไรครึ่งปีหลังเติบโต YoY ต่อเนื่อง ตามการเพิ่มขึ้นของยอดขายสินค้า Ready-to-eat, Ready-to-drinks และ Synergy benefits ของ CPAXT
บริษัท หลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน)
คาดบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ที่ 6.7 พันล้านบาท เติบโต 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) แต่อ่อนตัวลง -11% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) หนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 20 bps YoY แม้คาดว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของ 7-11 จะชะลอตัวเล็กน้อย YoY ที่ 0.5% และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้น 10 bps YoY
คาดการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (7-Eleven) ที่ -0.5% ในไตรมาส 2/2568 เทียบกับ +3.0% ในไตรมาส 1/2568 และ +3.8% ในไตรมาส 2/2567 ผลจากยอดขายต่อบิลเพิ่มขึ้น 2% YoY ที่ระดับ 87 บาทต่อบิล ในไตรมาส 2/2568 จาก 85 บาทต่อบิล ในไตรมาส 2/2567 ตามสัดส่วนยอดขายออนไลน์ที่เติบโตเป็น 11% ของยอดขายรวม แม้ว่าจำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันลดลงเป็น 987 คน (-2%YoY) ในไตรมาสนี้ จาก 1,007 คนในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ชะลอตัว
คาดเปิดสาขาใหม่ 175 แห่งระหว่างไตรมาส (+5%YoY) ทำให้มีจำนวนสาขารวม ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 ที่ 15,605 สาขา
คาดรายได้จากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) มาจากกลุ่มอาหาร คิดเป็นสัดส่วน 76.5% ในไตรมาสนี้ เพิ่มจาก 76.3% ในไตรมาส 2/2567 และ 76.1% ในไตรมาส 1/2568 ตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และการเพิ่มสินค้าในหมวดอาหารพร้อมทาน
คาดอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อเพิ่มขึ้นเป็น 27.8% จาก 27.7% ในไตรมาส 2/2567 หนุนจาก 1. อัตรากำไรกลุ่มสินค้าอาหารที่แข็งแกร่งเป็น 27.4% ในไตรมาส 2/2568 จาก 27.3% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ผลจากสัดส่วนรายได้จากกลุ่มสินค้าอาหารพร้อมทานที่เพิ่มขึ้น และ 2.อัตรากำไรกลุ่มสินค้าอื่นนอกจากอาหาร ขยายตัวเป็น 29.3% ในไตรมาส 2/2568 จาก 28.8% ในไตรมาส 2/2567 จากสัดส่วนรายได้ผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลที่สูงขึ้น บวกกับการขยายตัวอัตรากำไรขั้นต้นของ CPAXT ทำให้คาดอัตรากำไรขั้นต้นรวมจะขยายตัว 20 bps YoY ในไตรมาส 2/2568
คาดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขาย สำหรับส่วนธุรกิจร้านสะดวกซื้อเพิ่มขึ้นเป็น 29.0% ในไตรมาส 2/268 จาก 28.9% ในไตรมาส 2/2567 ตามค่าใช้จ่ายพนักงานที่เพิ่มขึ้นตามการเปิดสาขา และค่าใช้จ่ายการตลาดที่เพิ่มขึ้น ทำให้คาด Consolidated SG&A-to-sales ratio ของ CPALL เพิ่มขึ้น YoY ที่ 20.4% จาก 20.3% ในไตรมาส 2/2567
คาดว่าแนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังนี้ จะเติบโต YoY ต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของยอดขายสินค้า Ready-to-eat และ Ready-to-drinks และ Synergy benefits ของบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT แม้ว่านักท่องเที่ยวต่างประเทศมีแนวโน้มลดลง
คงคำแนะนำ "ซื้อ" แนวโน้ม SSSG สดใสต่อเนื่อง มูลค่าพื้นฐานที่ 78.00 บาท คาดว่า CPALL จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ในวันที่ 13 สิงหาคมนี้
บริษัท หลักทรัพย์ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาด CPALL จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ที่ 6,714 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.6% YoY แต่ลดลง 11.5% QoQ โดยกำไรสุทธิที่เติบโตจะได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของ มาร์จิ้น และกลุ่มธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกำไรจาก CP Axtra (CPAXT) ซึ่งเป็นบริษัทลูกเข้ามาช่วยหนุน
การเติบโตของรายได้มาจากการเปิดสาขาใหม่ คาดว่ารายได้รวมในไตรมาส 2 นี้จะเติบโต 2.5% YoY โดยได้แรงหนุนจากยอดขายสาขาใหม่ของร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven, Makro Wholesales และ Lotus’s
อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2/2568 จะอยู่ที่ 22.6% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 22.4% ในไตรมาส 2/2567 โดยได้แรงหนุนจาก
- สินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น อาหารพร้อมรับประทานในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ที่เพิ่มขึ้น
- อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นของ CPAXT หนุนจาก synergistic value ระหว่าง Makro และ Lotus
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกเหล่านี้จะถูกหักลบบางส่วนจาก อัตรากำไรขั้นต้นของ Lotus ที่ลดลงเล็กน้อย เนื่องจากยอดขายที่อ่อนลงในกลุ่มสินค้าเครื่องแต่งกายและเครื่องใช้ครัวเรือน
กำไรในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดจะยังคงเติบโต แม้ว่ายอดขายสาขาเดิมอาจไม่น่าตื่นเต้น และการเติบโตของกำไรอาจชะลอลง แต่มองว่า กำไรสุทธิของ CPALL จะยังคงทรงตัวได้ โดยได้รับแรงหนุนจาก Product mix ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม อาหารพร้อมรับประทาน
มองว่า สินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็น จะเป็นแรงหนุนหลักของร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven, Makro Wholesales และ Lotus’s ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ เชื่อว่า หุ้นที่เน้นการบริโภคภายในประเทศ อย่าง CPALL ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
คงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมายที่ 63.00 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด
คาดกำไรปกติไตรมาส 2/2568 ที่ 6.8 พันล้านบาท (-10% QoQ,+10%YoY) ลดลง QoQ ตามปัจจัยด้านฤดูกาลแต่เติบโต 10% YoY จากการเติบโตของยอดขายทั้ง 3 ธุรกิจหลักๆ มาจากการขยายสาขา คาดรายได้รวมที่ 2.5 แสนล้านบาท (-0%QoQ,+2% YoY) พิจารณาเฉพาะธุรกิจ CVS คาดรายได้ที่ 1.2 แสนล้านบาท (+3%QoQ, +4.5% YoY) เติบโต YoY จากจำนวนสาขาใหม่ราว 750 แห่ง คาดยอดขายต่อใบเสร็จทรงตัวระดับสูงใกล้เคียงไตรมาส 1/2568 ที่ 85บาท ด้านต้นทุนคาด GPM เฉลี่ยที่ 22.4% (GPM ธุรกิจ CVS คาดที่ 29.3% ลดลงเล็กน้อย 10bps QoQ แต่เพิ่มขึ้น 30bps YoY จาก Product mix สินค้าที่ทำกำไรสูงเพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มพร้อมทาน
ขณะที่ GPM ของ CPAXT คาดเพิ่มขึ้น จากสัดส่วนการขายอาหารสดและสินค้า Private Label เพิ่มขึ้น คาดSG&A/sales รวมที่ 21% เพิ่มขึ้นจาก 20% ในไตรมาสแรก จากค่าใช้จ่ายขยายสาขาการใช้ไฟที่มากขึ้นตามสภาพอากาศ และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ดอกเบี้ยจ่าย คาดที่ 3.8 พันล้านบาท (-0%QoQ,-3% YoY)
แนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 3/2568 คาดลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล ซึ่งโดยปกติจะเป็นไตรมาสที่อ่อนแอที่สุดเพราะฤดูฝน อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า SSSG ในไตรมาส 3 นี้ อาจกลับมาเติบโต YoY ทำได้ดีกว่าในไตรมาส 2/2568 -0.5% YoY เพราะมีผลกระทบหลักมาจากสภาพอากาศประกอบกับ CPALL มีโอกาสได้แรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่คาดฟื้นตัวในช่วง3Q25จากการนโยบายของภาครัฐฯที่กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศและผลจากการฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวจีนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในช่วงปลายไตรมาส 2/2568 บริษัทจำหน่ายหุ้นกู้ชุดใหม่มูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เพื่อ Rollover ชุดเก่าด้วยต้นทุนทางการเงินที่ 2.8-3.0% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปัจจุบันที่ 4.0% และการปรัดลดอกเบี้ยของกนง. ในรอบเดือนพฤษภาคม 2568 คาดจะเป็นบวกกับภาระดอกเบี้ยจ่ายที่จะลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง
ประมาณการปี 2568-2569 ปัจจุบันของ CPALL คาดกำไรปกติที่ 2.7 หมื่นล้านบาท (+6% YoY) และ 2.9 หมื่นล้านบาท (+7%YoY) ตามลำดับ
คงแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสมใหม่ที่ 62.00 บาท